ควับเควี้ยวของหวายและเชือกหนังของผู้คุมทั้งสิ้น
"ความดีที่สุดในชีวิตของทาสก็คือการมีชีวิต กรุงโรมทั้งกรุงมิใช่อะไรอื่นนอกไปจากหยดเลือดหยาดเหงื่อและความเจ็บปวดรวดร้าวของพวกทาส"๓
ยิ่งกว่านั้น ในตอนปลายยุคทาส พวกนายทาสได้ทําสงครามแย่งชิงทาสซึ่งกันและกันขนานใหญ่ พวกทาสได้รับความเดือดร้อนมากขึ้นทุกขณะ พวกนอแมดอารยันซึ่งใช้ประชาธิปไตยของชาติกุลได้เข้าโจมตีรัฐทาสของชนผิวดํา (Iberian) ในคาบสมุทรกรีกและบอลข่าน เข้าโจมตีรัฐชนผิวดําของพวกเปอร์เซียและอินเดีย เมื่อได้รับชัยชนะก็เหยียดพวกผิวดําทั้งหมดลงเป็นทาส เศรษฐีชาวอารยันของอินเดียโบราณมีบริวารนับเป็น "แปดหมื่นสี่พัน" ซึ่งบางทีก็เป็นบริวารหญิงเสียด้วย พวกบริวารเหล่านี้ ก็คือทาสนั่นเอง ระบบทาสตอนท้ายๆ ที่เกิดสงครามแย่งชิงทาสกันขึ้นจึงร้ายแรงสุดยอด ทํานองเดียวกับยุคจักรวรรดินิยมขั้นสุดท้ายที่ใช้สงครามเป็นเครื่องมือแย่งชิงแหล่งผูกขาดกันและกันฉะนั้น
เมื่อสภาพการขูดรีดดําเนินไปจนถึงขั้นสุดยอดเช่นนี้ บรรดาทาสซึ่งปรกติก็ทํางานรวมหมู่อยู่แล้วจึงรวมกําลังขึ้นต่อสู้เพื่อปลดแอกตนเอง จุดหมายขั้นพื้นฐานของทาสก็คือ ปลดตนเองให้พ้นจากสภาพ "เครื่องมือพูดได้" มาเป็น "คน" ที่มีสิทธิในการทํางานเพื่อเลี้ยงตัวเองด้วยเครื่องมือของตน, จากสภาพของการไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคลมาเป็นคนที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและที่ดินอันเป็น ปัจจัยแห่งการผลิต
ขอให้สังเกตว่า ที่ดินอันเป็นปัจจัยแห่งการผลิตอันดับรองของสังคมทาส ซึ่งที่ดินนี้เองได้เป็นเงื่อนไขที่จะทําให้ก้าวไปสู่สังคมศักดินาที่คนกลายเป็นไท และมีที่ดินเป็นปัจจัยแห่งการผลิต ถ้า