และส่งข้าหลวงไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางที่สุด เพื่อการรวมคะแนนเสียงโดยทั่วกัน
26. ถ้าการรวมคะแนนเสียงครั้งแรกไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ให้มีการเรียก [มาลงคะแนนเสียง] เป็นคราวที่สอง และให้ลงคะแนนเสียงเลือกระหว่างพลเมืองทั้งสองรายที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด
27. ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ผู้มีอายุมากที่สุดย่อมมีสิทธิดีกว่า ไม่ว่าในฐานะที่พึงออกเสียงให้[1] หรือที่พึงได้รับเลือกตั้ง ในกรณีที่อายุเท่ากัน ให้จับฉลากตัดสิน
28. ชาวฝรั่งเศสทุกคนที่ใช้สิทธิพลเมืองย่อมมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้ในอาณาเขตของสาธารณรัฐ
29. ผู้แทนแต่ละคนย่อมเป็น [ผู้แทน] ของชาติโดยรวม
30. ในกรณีที่ผู้แทนมิได้รับการยอมรับ ลาออก ถูกถอดถอน หรือตาย ให้สมัชชาชั้นต้นที่แต่งตั้งผู้นั้นจัดหาผู้มาแทน
31. ผู้แทนที่ได้ยื่นขอลาออก จะยังออกจากตำแหน่งมิได้ จนถึงภายหลังจากที่มีผู้เข้ามาสืบตำแหน่ง
32. เพื่อการเลือกตั้ง ให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสชุมนุมกันทุกปีในวันที่ 1 พฤษภาคม
33. ประชาชนย่อมดำเนินการเช่นนั้น ไม่ว่าพลเมืองผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจะมีจำนวนเท่าใด
34. สมัชชาชั้นต้นย่อมจัดตั้งขึ้นเป็นการวิสามัญ เมื่อมีคำเรียกร้องจาก 1 ใน 5 ของพลเมืองผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในสมัชชานั้น
35. ในกรณีนี้ ให้เทศบาลแห่งสถานที่ประชุมตามปรกติเป็นผู้เรียกประชุม
36. สมัชชาวิสามัญนี้จะประชุมปรึกษากันก็ต่อเมื่อมี 1.5[2] ของพลเมืองผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในสมัชชานั้นมาประชุม
37. พลเมืองที่ประชุมกันในสมัชชาชั้นต้นย่อมแต่งตั้งผู้เลือกตั้ง 1 คนต่ออัตราส่วนพลเมือง 200 คน ไม่ว่าจะมาประชุมหรือไม่ หรือ 2 คนต่อ 301–400 คน หรือ 3 คนต่อ 501–600 คน
38. การดำเนินสมัชชาการเลือกตั้ง และวิธีการเลือกตั้ง ให้เป็นอย่างเดียวกับในสมัชชาชั้นต้น
39. องค์กรนิติบัญญัติย่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ และเป็นถาวร
40. สมัยประชุมขององค์กร คือ 1 ปี
41. องค์กรย่อมมาประชุมกันในวันที่ 1 กรกฎาคม
- ↑ CNRTL (2012b) ว่า "ballotter" มีความหมายเจาะจงถึงการออกเสียงโดยใช้บัตร
- ↑ "La moitié, plus an" แปลตรงตัวว่า "กึ่งบวกหนึ่ง" หมายถึง 0.5 กับ 1 หรือก็คือ 1.5