ติวอ๋องก็มิได้ตรัสตอบประการใด เอียวจอง ไต้หูสีหยิน มีความโกรธ ถวายบังคมลาลุกเดินมาแล้วบ่นว่า ทีนี้วงศ์เสี่ยงทางจะสูญแล้ว กีฮวดจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินสืบไป จึงเผอิญให้เป็นดังนี้
ครั้นพระเจ้าติวอ๋องเสด็จขึ้นแล้ว ขุนนางทั้งปวงต่างคนก็ต่างไปบ้าน จะได้คิดราชการสิ่งไรหามิได้ ครั้นอยู่วันหนึ่งเป็นปีใหม่ พระเจ้าติวอ๋องรับสั่งให้ขุนนางและภรรยาเข้าไปกินโต๊ะในวัง พวกผู้ชายนั้นนั่งรับพระราชทานอยู่นอกมู่ลี่ที่พระเจ้าติวอ๋องเสวย บรรดาพวกผู้หญิงรับพระราชทานข้างในกับพระมเหสีและนางนักสนมทั้งปวง
ฝ่ายนางอึ้งกุยหุย ผู้น้องบูเสงอ๋อง ที่เป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายนั้น ก็มาด้วย ครั้นเห็นนางกาสี พี่สะใภ้ ก็มีความยินดี มานั่งใกล้ ต่างคนก็ต่างคำนับปราศรัยกัน นางขันกีแลเห็นก็รู้ว่า คนนี้เป็นภรรยาบูเสงอ๋อง ก็บังเกิดความแค้นคิดพยาบาทบูเสงอ๋องเมื่อครั้งเอานกมาไล่จิกนางเมื่อกลายเพศเป็นเสือปลาที่ในสวน วันนี้ จะคิดแก้แค้นฆ่าเมียมันเสีย แล้วก็ทำอุบายไปนั่งลงริมนางกาสี นางกาสีก็ตกใจ ยอบตัวลงคำนับ นางขันกีก็รับคำนับแล้วปราศรัยถามว่า อายุเจ้าได้เท่าไร นางกาสีจึง