ก็ทรงเห็นว่า ท้าวสัตยานุรักษ์ทนายเรือนโขลนล่วงพระราชอาญาผิดแต่ครั้งเดียว จึงโปรดพระราชทานโทษให้ภาคทันไว้ครั้งหนึ่งก่อน แต่หม่อมหุ่นหม่อมนวมดวงแก้วอีปริกซึ่งคบหากันเปนผู้ร้ายนั้น จะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ
จึงมีพระบวรราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ตั้งแต่ณวันอังคาร เดือน ๘ อุตราสาธ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลูเบญจศก สืบไป ห้ามมิให้พระองค์เจ้าหม่อมเจ้าเจ้าจอมหม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลนข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยแลข้าเจ้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโปบ่อนถั่วบ่อนกำตัดบ่อนเล่นแปดเก้าแทงหวยแลเล่นการพนันต่าง ๆ ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน ตรุสจีน ๓ วันเปนอันขาดทีเดียว ให้ท้าวนางจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนซึ่งเปนพนักงานรักษาพระบวรราชวังหมั่นตรวจตราดูแลให้รอบคอบจงเปนนิจ อย่าได้มีความประมาท ถ้าผู้ใดมิฟังตามพระราชบัญญัติห้ามปราม ขืนคบหาชักชวนกันลักลอบตั้งบ่อนเล่นโปเล่นถั่วเล่นกำตัดเล่นแปดเก้าแทงหวยแลการพนันต่าง ๆ ได้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กันต่อไป เจ้าพนักงานจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนจับได้ด้านผู้ใดก็ดี แลผู้อื่นจับได้ก็ดี มีผู้มาร้องฟ้องชำระเปนสัจ ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เปนนายบ่อนแลเจ้าของที่คนละ ๑๐ ตำลึง ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคนละ ๕ ตำลึง แลทนายเรือนคนละ ๓ ตำลึง ให้แก่ผู้จับได้แลผู้มาร้องฟ้อง แล้วให้นำเอาข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ลอองธุลีพระบาท จะได้โปรดเกล้าฯ