ข้ามไปเนื้อหา

เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1

จาก วิกิซอร์ซ
เรื่อง
ทรงตั้งเจ้าประเทศราช
กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๑


คณะกรรมการ
จัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์
สำนักนายกรัฐมนตรี


จัดพิมพ์
เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี

เรื่อง
ทรงตั้งเจ้าประเทศราช
กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๑


คณะกรรมการ
จัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์
สำนักนายกรัฐมนตรี


จัดพิมพ์
เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี

คำนำ

หนังสือเรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชเป็นหนังสือที่คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ได้เลือกสรรค์ไว้ในฐานะเป็นเอกสารที่ทรงค่าหาได้ยาก อยู่ในกลุ่มหนังสืออันดับที่ ๒๑ ที่รอดำเนินการพิมพ์ตามโครงการระยะสั้น

อนุสนธิการจัดพิมพ์หนังสือทรงตั้งเจ้าประเทศราช มีเหตุมาจากคณะกรรมการได้ปรารภกันว่า จารึกพระสุพรรณบัตรทรงตั้งเจ้าประเทศราชในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ มีอยู่หลายเรื่อง ล้วนเป็นเอกสารที่ทรงค่ายิ่งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี เฉพาะพระสุพรรณบัตรนั้น เมื่อจารึกแล้ว ก็พระราชทานแก่เจ้าประเทศราชพร้อมด้วยเครื่องราชูปโภคอื่น ๆ คงเหลือแต่สำเนาจารึกพระสุพรรณบัตรรักษาไว้ในหอหลวง การพระราชทานอิสสริยยศแก่เจ้าประเทศราชเป็นการทำตามโบราณราชประเพณี คือต้องมีพระราชโองการมานบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมต่อหน้าข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทว่า ทรงแต่งตั้งสถาปนาท้าวพระยาเมืองนั้นเมืองนี้ขึ้นเป็นประเจ้าเทศราช พระโหราธิบดีต้องถวายฤกษ์จารึกพระสุพรรณบัตร ซึ่งส่วนมากจารึก ณ หอมณเฑียรธรรม มีประโคมปี่พาทย์ฆ้องไชย อาลักษณ์ผู้จารึกพระสุพรรณบัตรต้องนุ่มขาวห่มขาว เสร็จแล้วม้วนพระสุพรรณบัตรบรรจงลงกล่องเงิน แล้วใส่ในกล่องงา ใส่ถุงแพรญวนกระบวนจีน ปิดตรา เชิญพระสุพรรณบัตรไว้บนพานทอง ๒ ชั้น นำไปฝากไว้แก่หลวงธรรมะเสนาข้าพระ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามก่อน ต่อจากนั้นขุนนางกรมพระอาลักษณ์มาเชิญพานพระสุพรรณบัตรไปไว้ ณ ศาลาลูกขุน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยาแห่งเมืองพระประเทศราชนั้น ๆ แต่งดอกไม้ธูปเทียนมาถวายบังคมรับพระราชทานพระสุพรรณบัตรเชิญพานพระสุพรรณบัตรแห่ไปยังที่ประทับของพระยาเมืองประเทศราชบรรดาที่ได้เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อแห่ไปเมืองประเทศราชอีกต่อหนึ่ง ในการนี้ลางคราวยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมช้างคุมกองช้างเป็นขบวนไปส่งเป็นการพระราชทานพระเกียรติยศแก่เจ้าประเทศราชนั้น ๆ อีกด้วย

ที่กล่าวมานี้เป็นการพรรณนาตามเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุเก่า ๆ ถ้าจะพิจารณาถึงเหตุผลที่เป็นสาระสำคัญกันแล้ว กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่พระมหากษัตริยาธิราชทรงบำเพ็ญตามจักรวรรดิวัตรเพื่อยังพระบารมีให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะการที่มีพระราชโองการสถาปนาให้ท้าวพระยานาหมื่นขึ้นเป็นเจ้าประเทศราชครองบ้านครองเมือง และการพระราชทานเครื่องราชูปโภค พระราชทานทรัพย์เงินทองนั้น เป็นราชวัตรปฏิปทาของพระมหากษัตริยาธิราชของชาติไทยทรงบำเพ็ญสืบต่อกันมาแต่โบราณกาล ปรากฎเรื่องดั่งกล่าวนี้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ที่พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงปฏิบัติอยู่ เมื่อ “คนใดขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่วยเหลือเกื้อกูล มันบ่มีช้าง บ่มีม้า บ่มีปั่ว บ่มีนาง บ่มีเงิน บ่มีทอง ให้แก่มัน ช่วยมันตวงเป็นบ้านเป็นเมือง” แม้ทรงชนะศึกสงคราม “ได้ข้าเสอกข้าเสือหัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่ฆ่าบ่ตี” สิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นการผูกจิตตใจของบรรดาเจ้าประเทศราชให้จงรักภักดีต่อเบื้องยุคลบาท ถวายดอกไม้เงินทองเป็นเมืองออกแล้ว ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แสดงพระบารมีให้นานาประเทศทราบและชื่นชมด้วยว่า เมืองพระยาสามนตราชโดยรอบและปากใต้ฝ่ายเหนือเป็นประเทศราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (หรือของประเทศไทย) มาตั้งแต่ครั้งกระโน้นแล้ว

แล้วก็มีประเทศใดบ้างในอดีตที่เป็นประเทศราชของประเทศไทยอยู่ภายใต้บรมเดชานุภาพ และประเทศใดบ้างที่เป็นประเทศราชพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เป็นเรื่องน่ารู้น่าศึกษายิ่งนัก ท่านทั้งหลายจะทราบจากหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่คณะกรรมการฯ ได้เลือกสรรค์มาพิมพ์ไว้ตามโครงการที่กล่าวข้างต้น

คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ได้เล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าของเอกสารดั่งกล่าวมา จึงได้ประมวลมาพิมพ์เพื่อรักษาข้อความและเรื่องราวให้ปรากฏไว้เป็นเอกสารสำคัญของชาติ จริงอยู่แม้จะไม่ได้พระสุพรรณบัตรของจริงมารักษาไว้ แต่เราก็ได้สำเนาพระราชโองการที่ทรงสถาปนา เสก หรือแต่งตั้งเจ้าประเทศแต่ละประเทศมาตีพิมพ์ขึ้นไว้ เป็นการรักษาเอกสารสมบัติและหลักฐานทางประวัติศาสตร์แต่ละรัชสมัยให้ถาวร มิได้ทอดทิ้งอยู่ในสมุดข่อยเก่า ๆ ซึ่งนับวันจะชำรุดผุผังไปตามกาลเวลาโดยมิได้เป็นประโยชน์แต่อย่างใด

ผู้ที่ได้อ่านพระราชโองการแต่งตั้งเจ้าประเทศราชนี้แล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เป็นเอกสารที่ปราศจากคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี ตลอดจนการแผ่พระราชอำนาจการปกครองในอดีตของพระมหากษัตริยาธิราชของเรา

โดยเหตุนี้เมื่อได้รอให้การพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ได้ผ่านไปแล้วหลายเรื่องหลายเล่ม เลขานุการคณะกรรมการเห็นว่า ถึงเวลาอันสมควรจะนำเสนอเรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชต่อคณะกรรมการพิจารณาสั่งพิมพ์ได้แล้ว จึ่งเมื่อคราวประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๑๒ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๒ ระเบียบวาระที่ ๑ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมทราบว่า มีเอกสารต่าง ๆ ที่คณะกรรมการจัดพิมพ์ฯ ได้มีมติให้ดำเนินการพิมพ์ไปตามลำดับอยู่ ๒๔ เรื่อง เฉพาะเรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชเป็นเอกสารอันดับที่ ๒๑ ที่ประชุมมีมติเพียงรับทราบ ต่อมาถึงคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๑๓ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ระเบียบวาระที่ ๓.๕ เลขานุการเสนอต่อที่ประชุมถึงเรื่องการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ลำดับต่อไปตามที่ประธานกรรมการได้ฝากข้อเสนออีกครั้งหนึ่งว่า “ประธานกรรมการ (พระยาสุนทรพิพิธ) ได้ปรารภว่า เอกสารที่ได้รอลำดับไว้แล้วมี ๒๓, ๒๔ เรื่อง ควรเสนอที่ประชุมว่า เรื่องใดควรจะเป็นเรื่องที่จัดพิมพ์ต่อไป” ต่อจากนั้นเลขานุการได้อ่านชื่อเรื่องเอกสารที่ได้เลือกสรรไว้แล้วให้ที่ประชุมฟังด้วย

รองประธานกรรมการ (ศาสตราจารย์รอง ศยามานนท์) ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า “เห็นควรพิมพ์เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชเป็นลำดับต่อไป” ที่ประชุมได้ลงมติตามที่รองประธานเสนอ และให้ส่งต้นฉบับไปให้โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรีได้ และได้มอบให้นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ นายปรีดา ศรีชลาลัย นายเฉลียว จันทรทรัพย์ ร่วมกันดำเนินงานด้านพิมพ์เพื่อความเรียบร้อย การจัดพิมพ์เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชมีปฐมเหตุดั่งได้พรรณนาฉนี้

การจัดพิมพ์เอกสารเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์และประเพณีการปกครองของพระมหากษัตริยาธิราชที่ทรงปฏิบัติต่อเจ้าประเทศราชให้เป็นหลักฐานปรากฏอยู่ชั่วกาลนาน รวมทั้งขบวนการเขียนหนังสือของอาลักษณ์ในรัชสมัยนั้นมีการเขียนสกดการัตน์อย่างไรก็รักษาไว้อย่างนั้นเพื่อเป็นประวัติการเขียนอักษรไทย คือให้เรียงไปตามต้นฉบับ และวางรูปการพิมพ์ตามแบบอย่างอาลักษณ์เขียนไว้ในสมุดข่อยโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เห็นการเขียนหนังสือของอาลักษณ์ในสมัยก่อนว่าแตกต่างกับปัจจุบันอย่างไร ฉะนั้นในหนังสือเรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศ อักขรวิธีจึงได้เรียงและพิมพ์ไปตามต้นฉบับเดิม ซึ่งอาจแปลกตาไปบ้าง แต่เชื่อว่าทุก ๆ ท่านคงจะเดาอ่านได้ เพราะไม่ยากจนเกินไป ขออย่าได้ตำหนิติเตียนว่ากรมพระอาลักษณ์เขียนหนังสือไม่เป็นไม่ถูกเลย หากว่าในสมัยนั้นนิยมเขียนกันอย่างนั้น และก็ด้วยการใช้อักขรวิธีเช่นนี้มิใช่หรือที่สามารถสร้างสรรค์กาพย์กลอนโคลงฉันทวรรณกรรมไว้คู่บ้านคู่เมืองสืบมาจนถึงปัจจุบันไม่น้อย ปัจจุบันเสียอีกที่เล่าเรียนจนได้ปริญญาสูง ๆ ก็ยังไม่เคยเขียนวรรณกรรมได้เหมือนกับบรรพชนได้เขียนไว้เลย

เพื่อให้เห็นการเขียนแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ ว่าอาลักษณ์ได้เขียนหนังสือกันอย่างไร จึงได้ถ่ายต้นฉบับทรงแต่งตั้งเจ้าประเทศราชมาพิมพ์ไว้ด้วย สำหรับจะได้ศึกษาถึงประวัติการเขียนหนังสือเมื่อ ๑๘๐ กว่าปีล่วงมาว่าเขียนกันอย่างที่ได้ถ่ายภาพมา

คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารฯ ขอขอบพระคุณ ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ที่กรุณาจัดสรรงบประมาณให้แก่คณะกรรมการฯ เพื่อจัดพิมพ์เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดีไว้เป็นสมบัติอันถาวรของชาติสืบไปในอนาคตกาล และขอขอบคุณนายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ นายปรีดา ศรีชลาลัย นายเฉลียว จันทรทรัพย์ กรรมการฯ ซึ่งได้ช่วยกันดำเนินงานที่มอบหมายเป็นการเรียบร้อย หนังสือเรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราช นอกจากจะเป็นหลักฐานยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นการเตือนความทรงจำของผู้อ่านด้วยว่าประเทศใดบ้างในอดีตเคยเป็นประเทศราชของเรา

หวังว่าบรรดาผู้อ่านคงจะพอใจและได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ตามสมควร

คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์
สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔

สารบาญ
หน้า
สารบัญ
ก. ข.
๑.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๒.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๓.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๔.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๕.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๖.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๑๑
๗.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๑๒
๘.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๑๕
๙.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๑๗
๑๐. ๒๐
๑๑.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๒๑
๑๒.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๒๕
๑๓.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๒๙
๑๔.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๓๓
๑๕.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๔๑
๑๖.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๔๕
๑๗.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๔๙
๑๘.
....................................................................................................................................................................................................................................................
๕๐

เรื่อง
ทรงตั้งเจ้าประเทศราช
กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๑

สารบาญค้นเรื่อง
ใน
เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราช

กรุงกำภูชา
พระนารายณ์ราชาธิราช ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๖
พระองค์อุไทยธิราช ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๖๘ ๑๗
เชียงใหม่
โปรดเกล้าฯ ให้พระยาเชียงใหม่เป็นพระเจ้าบรมราชาธิบดีศรีสุริยวงษ์เมื่อปี จ.ศ. ๑๑๖๔ ๑๕, ๒๗
ไชยเจษฎา–พระ ๒๐
นครจำปาศักดิ์
พระวิไชยราชสุริยวงศ์ ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๓ , ๒๕
นันทะเสน–พระเจ้า
นารายณ์ราชาธิราช–พระ
บรมราชาธิบดีศรีสุริยวงษ์–พระเจ้า ๑๖
ประทุมวรราชสุริยวงษ์–พระ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง
เจ้านันทเสนเป็นพระเจ้านันทเสน
เจ้าน้าเป็นพระวิไชยราชสุริยวงษ์ , ๒๕
เจ้าอินเป็นพระไชยเชถาธิราช ๑๒
เจ้าอุปราชเป็นพระเจ้าร่มขาว
เจ้าอุปราชเป็นพระรัตนวงษา ๑๑, ๒๕
พญาเชียงใหม่เป็นพระเจ้าบรมราชาธิบดีศรีสุริยวงษ์ ๑๕, ๒๙, ๓๓
พระประทุมเป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษ์
พระองค์จันเป็นพระองค์อุไทยธิราช ๑๗, ๒๑
พระองค์เองเป็นพระนารายณ์ราชาธิราช , ๔๑
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง
พระองค์สงวนเป็นพระไชยเจษฎา ๒๐
พระองค์อิ่มเป็นพระศรีไชยเชษฐราชา ๒๐
พิธี–จารึกพระสุพรรณบัตร , ๑๓, ๑๖, ๑๗
ร่มขาวขัตติยราชสุริยวงษ์–พระเจ้า
รัตนาวงษามหาขัตติยราช–พระ ๑๑
ราชาจอมหงษ์ ๓๓
วิชัยราชสุริยวงษ์–พระ
เวียงจันทบุรี
พระเจ้านันทเสน ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๔๓
พระไชยเชษฐาธิราช ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๗ ๑๒
ศรีไชยเชษฐราชา–พระ ๒๐
สุพรรณบัตร–แผ่นพระ , ๑๓, ๑๖, ๑๗, ๒๐, ๒๕, ๒๖, ๒๙, ๓๓, ๓๙, ๔๑
สุวรรณภูมิ–เมือง
พระรัตนวงษา ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๗ ๑๑, ๒๕
หลวงพระบาง–ราชธานี
พระเจ้าร่มขาวขัตติยสุริยวงษ์ ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๓
อุบลราชธานี–เมือง
พระปทุมวรราชสุริยวงษ์ ครองเมื่อปี จ.ศ. ๑๑๕๔

พิมพ์ที่โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
สี่แยกราชวิถี ถนนสามเสน พระนคร
นายเฉลียว จันทรทรัพย์ ผู้พิมพ์, ผู้โฆษณา
พ.ศ. ๒๕๑๔

งานนี้ ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติแล้ว เพราะลิขสิทธิ์ได้หมดอายุตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ซึ่งระบุว่า

ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นบุคคลธรรมดา
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
  2. ถ้ามีผู้สร้างสรรค์ร่วม ลิขสิทธิ์หมดอายุ
    1. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หรือ
    2. เมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก ในกรณีที่ไม่เคยโฆษณางานนั้นเลยก่อนที่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคนสุดท้ายจะถึงแก่ความตาย
ถ้ารู้ตัวผู้สร้างสรรค์ ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล หรือถ้าไม่รู้ตัวผู้สร้างสรรค์
  1. ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น
  2. แต่ถ้าได้โฆษณางานนั้นในระหว่าง 50 ปีข้างต้น ลิขสิทธิ์หมดอายุเมื่อพ้น 50 ปีนับแต่ได้โฆษณางานนั้นเป็นครั้งแรก

Public domainPublic domainfalsefalse