ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คำสั่งยึดทรัพย์สินจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และภริยา"

จาก วิกิซอร์ซ
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Bitterschoko (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Bitterschoko (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 33: บรรทัดที่ 33:
__NOTOC__
__NOTOC__
{{auxtoc|comment=|title=โครงสร้างเนื้อหา|
{{auxtoc|comment=|title=โครงสร้างเนื้อหา|
* {{ก|l4|ปก}}
* {{ก|l|ปก}}
# {{ก|l4|๑|ก1|คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2507}}
# {{ก|l4|๑|ก1|คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2507}}
# {{ก|l4|๒|ก2|คำสั่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2507}}
# {{ก|l4|๒|ก2|คำสั่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2507}}
บรรทัดที่ 45: บรรทัดที่ 45:
# {{ก|l4|๑๘|ก10|ร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ 4)}}
# {{ก|l4|๑๘|ก10|ร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ 4)}}
#: {{ก|l4|๒๐|ก11|เอกสารแนบท้าย: สรุปที่ดินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ที่ยังมีการโต้แย้ง}}
#: {{ก|l4|๒๐|ก11|เอกสารแนบท้าย: สรุปที่ดินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ที่ยังมีการโต้แย้ง}}
* {{ก|l4|บรรณานุกรม}}
* {{ก|l|บรรณานุกรม}}
}}
}}
----
----

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:29, 15 มิถุนายน 2563

โครงสร้างเนื้อหา
  • l
  1. l4
  2. l4
  3. l4
  4. l4
  5. l4
  6. l4
  7. l4
  8. l4
  9. l4
  10. l4
    l4
  • l


คำสั่งตามมาตรา ๑๗ ทุกฉบับ



(สำเนา)
คำสั่ง
เรื่อง ทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี ออกคำสั่ง ดังต่อไปนี้—

1. ให้บุคคลซึ่งได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาให้ถ้อยคำ หรือส่งบัญชี เอกสาร หรือวัตถุใด ๆ ต่อคณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตามกำหนดวัน เวลา และสถานที่ ที่คณะกรรมการฯ กำหนด

2. ให้กรรมการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ของธนาคารพาณิชย์ ตามที่คณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐมนกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ติดต่อ มาให้ถ้อยคำ หรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร และหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตามกำหนดวัน เวลา และสถานที่ ที่คณะกรรมการฯ กำหนด

3. ให้คณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อายัดทรัพย์สินซึ่งได้สอบสวนได้ความว่า เป็นทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หรือน่าเชื่อว่า จะเป็นทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไว้จนกว่าจะได้ถอนการอายัด

  • สั่ง ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2507
  • จอมพล ถนอม กิตติขจร
  • นายกรัฐมนตรี
  • รับรองสำเนาถูกต้อง
  • 4 มิ.ย. 08



คำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สิน
ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ

โดยที่ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะที่มีชีวิตอยู่ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในราชการโดยมิชอบ กระทำการเบียดบังและยักยอทรัพย์สินของรัฐไปหลายครั้งหลายหน มีจำนวนมากมาย เท่าที่ปรากฏในขณะนี้มีมูลค่าถึง ๔๓๕,๗๐๔,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สี่พัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ  / ต่อปีแล้ว เป็นเงินที่รัฐต้องได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) การกระทำดังกล่าวนี้มีผลเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร และโดยที่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เป็นภรรยาจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ร่วมรับประโยชน์ในการนี้ด้วย

อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

๑. ทรัพย์สินต่อไปนี้ ให้ตกเป็นของรัฐทันทีในวันออกคำสั่งนี้

 (ก) เงินฝากในธนาคารและสาขา ทั้งในและนอกประเทศ ที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ฝากไว้ ไม่ว่าในนามของตนเอง หรือนามแฝง หรือโดยใช้เพียงเลขที่หรือระหัสเป็นเครื่องแสดงบัญชี หรือใช้นามของวิสาหกิจ หรือในชื่อบัญชีใด ๆ บรรดาที่ถือได้ว่า เป็นเงินฝากของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

 (ข) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรและวัสดุภัณฑ์ ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

 (ค) หุ้นและหุ้นกู้ทุกชนิดทุกประเภท และพันธบัตรรัฐบาล ทั้งของรัฐบาลไทยและต่างประเทศ ซึ่งจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เป็นเจ้าของ ไม่ว่าหุ้น หุ้นกู้ และพันธบัตรนั้นจะเป็นในนามของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ หรือไม่ปรากฏนาม หรือซึ่งมีสิทธิโดยนิติกรรมที่อาจเข้าถือเอาเป็นเจ้าของ

 (ง) สิทธิหรือสิทธิเรียกร้องที่เป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

๒. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินบรรดาที่ตกเป็นของรัฐดังกล่าวใน ๑. ในนามของรัฐ และให้ดำเนินการตามควรทุกประการในฐานะที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ

๓. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้ด้วย

 (ก) ยึดทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่กล่าวใน ๑. บรรดาที่เป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เท่าที่เห็นว่า จะพอกับจำนวนเงินที่รัฐต้องเสียหาย และเมื่อได้ยึดแล้ว ก็ให้กรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินนั้นตกเป็นของรัฐ และให้กระทรวงการคลังขายทอดตลาดเป็นตัวเงินชดใช้ความเสียหายของรัฐ

 (ข) ตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ คน ตีราคาทรัพย์สินตาม ๑. ที่มิใช่เป็นตัวเงิน เมื่อได้ตีราคาแล้ว และเมื่อรวมราคานั้นกับทรัพย์สินตาม ๑. ที่เป็นตัวเงิน กับจำนวนเงินที่กระทรวงการคลังได้รับจากการขายทอดตลาดดังกล่าวใน (ก) มีมูลค่าเกินจำนวนเงิน ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) ที่รัฐต้องเสียหายเท่าใด ให้กระทรวงการคลังส่งเงินจำนวนที่เกินนั้นแก่ผู้จัดการมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

การตีราคา ให้ถือเอาราคาตลาดหรือราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในวันที่ออกคำสั่งนี้ หรือในวันที่ใกล้ที่สุด

๔. การปฏิบัติดังกล่าวใน ๓. ต้องให้แล้วเสร็จภายในสามปีนับแต่วันที่ออกคำสั่งนี้

๕. ทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ซึ่งพึงตกเป็นของรัฐตาม ๑. และพึงยึดมาเป็นของรัฐตาม ๓. นั้น มิให้รวมถึง ทรัพย์สินที่เป็นสินเดิมและสินส่วนตัวของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

๖. ในกรณีที่ปรากฏแก่กระทรวงการคลังโดยคำร้องขอของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาว่า เจ้าหนี้นั้นต้องเสียประโยชน์ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาเพราะผลแห่งคำสั่งนี้ ถ้ากระทรวงการคลังเห็นว่า สมควรให้เจ้าหนี้นั้นได้รับชำระหนี้ตามจำนวนที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ก็ให้กระทรวงการคลัง ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จ่ายเงินตามจำนวนที่เห็นสมควรนั้นจากเงินที่ได้รับมาโดยผลแห่งคำสั่งนี้ให้เจ้าหนี้รับไปได้ แต่ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อมูลหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นมูลหนี้เกิดจากนิติกรรมและเกิดขึ้นก่อนวันออกคำสั่งนี้ และกระทรวงการคลังเห็นว่า เป็นหนี้ที่มิได้เกิดขึ้นด้วยการสมยอม

ความในข้อนี้มิให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่กล่าวใน ๔.

๗. หุ้นที่ตกเป็นของรัฐตาม ๑. (ค) นั้น ถ้ากระทรวงการคลังเห็นว่า หุ้นใดไม่สมควรที่รัฐจะรับไว้ ก็ให้กระทรวงการคลังปฏิเสธไม่รับหุ้นนั้นไปยังผู้ออกหุ้น เมื่อกระทรวงการคลังปฏิเสธไม่รับหุ้นใดไปแล้ว ให้ถือว่า หุ้นนั้นไม่เคยตกเป็นของรัฐ

กระทรวงการคลังจะปฏิเสธไม่รับหุ้นเป็นของรัฐเมื่อพ้น ๙๐ วันนับแต่วันออกคำสั่งนี้มิได้.

  • สั่ง ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗
  • จอมพล 
  •  (ถนอม กิตติขจร)
  •  นายกรัฐมนตรี



ลับ–เฉพาะ
ด่วนมาก
ที่ สร. ๐๕๐๓/๑๕๙๖๘
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
 
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๗
เรื่อง ตั้งกรรมการดำเนินการตามคำสั่งให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
เรียน นายป๋วย อึ๊งภากรณ์

กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามควรทุกประการในฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ ต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการดำเนินการเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว มีภาระกิจที่จะต้องปฏิบัติอยู่เป็นอันมาก และเพื่อให้ราชการในด้านนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เป็นความจำเป็นและเหมาะสมที่หน่วยราชการหลายหน่วยจะต้องให้ความช่วยเหลือร่วมมืออย่างใกล้ชิด และกรรมการสอบสวนเงินของรัฐทั้งชุดซึ่งทราบเรื่องดีร่วมปฏิบัติงานต่อไป ฉะนั้น จึงเห็นสมควรที่ทางราชการจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อดำเนินการ ประกอบด้วย

๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ
๒. พระมนูเวทย์วิมลนาท เป็นกรรมการ
๓. หลวงอรรถปรีชาชนูปการ เป็นกรรมการ
๔. นายเลื่อม ชุ่มกมล เป็นกรรมการ
๕. นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นกรรมการ
๖. เลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
๗. อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการ
๘. อธิบดีกรมสรรพากร เป็นกรรมการ
๙. อธิบดีกรมธนารักษ์ หรือผู้แทน เป็นกรรมการ
๑๐. อธิบดีกรมที่ดิน เป็นกรรมการ
๑๑. ผู้แทนกระทรวงเศรษฐการ เป็นกรรมการ
๑๒. หัวหน้ากองควบคุมธนาคารและการออมสิน เป็นกรรมการ
กระทรวงการคลัง
๑๓. หัวหน้ากองหมาย กระทรวงยุติธรรม เป็นกรรมการ
๑๔. นายเรณู สุวรรณสิทธิ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
๑๕. นายปริญ ลิมปิโกวิท เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
๑๖. ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ฝ่ายการธนาคารภายในประเทศ

และได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา

คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ ลงมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวได้ตามที่เสนอ และให้เพิ่มผู้แทนกรมตำรวจและผู้แทนกรมอัยการเป็นกรรมการร่วมด้วย

ให้กระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ให้ความร่วมมือตามที่คณะกรรมการฯ หรือกระทรวงการคลัง จะได้ติดต่อด้วย

จึงเรียนมาเพื่อได้โปรดติดต่อกับประธานกรรมการนัดหมายดำเนินการต่อไป.

  • ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
  • (นายมนูญ บริสุทธิ์)
  • เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
กองนิติธรรม.



(สำเนา)
คำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สิน
ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
(ฉบับที่ ๒)

ตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิง วิจิตรา ธนะรัชต์ ตกมาเป็นของรัฐ ตามจำนวนเงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เบียดบังและยักยอกทรัพยสินของรัฐไป เท่าที่ปรากฏในเวลานั้นมีมูลค่า ๔๓๕,๗๐๔,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สี่พัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) และเมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ  / ต่อปีแล้ว เป็นเงินที่รัฐได้รับความเสียหายและต้องได้รับคืนทั้งสิ้น ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) แล้วนั้น

บัดนี้ ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะมีชีวิตอยู่ ได้จ่ายเงินของรัฐไปอีกจำนวนหนึ่ง เป็นเงิน ๒๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบเก้าล้านบาท) ในเงินจำนวนนี้ ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ราชการโดยมิชอบกระทำการเบียดบังและยักยอกไปเป็นประโยชน์ตนและผู้อื่นเป็นเงิน ๑๗,๙๑๙,๐๐๐ บาท (สิบเจ็ดล้าน เก้าแสน หนึ่งหมื่น เก้าพันบาท) เมื่อรวมกับดอกเบี้ยร้อยละ  / ต่อปีเข้าแล้ว รัฐต้องเสียหายอีกเป็นเงิน ๓๐,๒๒๓,๑๙๘.๓๖ บาท (สามสิบล้าน สองแสน สองหมื่น สามพัน หนึ่งร้อย เก้าสิบแปดบาท สามสิบหกสตางค์)

เมื่อได้รวมยอดเงินที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้เข้ากับยอดเงินที่ปรากฏในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ ซึ่งสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรแล้ว เงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เบียดบังและยักยอกไปจะเป็นจำนวน ๔๕๓,๖๒๓,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยห้าสิบสามล้าน หกแสน สองหมื่น สามพัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) เมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ  / ต่อปีแล้ว ความเสียหายของรัฐเท่าที่ปรากฏในขณะนี้เป็นจำนวน ๖๐๔,๖๖๑,๒๗๖.๖๒ บาท (หกร้อยสี่ล้าน ห้าแสน ห้าหมื่น หนึ่งพัน สองร้อย เจ็ดสิบหกบาท หกสิบสองสตางค์)

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ให้แก้จำนวนเงินที่ปรากฏในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ ซึ่งสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ดังนี้

(๑) จำนวนเงิน ๔๓๕,๗๐๔,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สี่พัน หนึ่งร้อยสิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) เป็น ๔๕๓,๖๒๓,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยห้าสิบสามล้าน หกแสน สองหมื่น สามพัน หนึ่งร้อยสิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์)

(๒) จำนวนเงิน ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) เป็น ๖๐๔,๕๕๑,๒๗๖.๖๒ บาท (หกร้อยสี่ล้าน ห้าแสน ห้าหมื่น หนึ่งพัน สองร้อย เจ็ดสิบหกบาท หกสิบสองสตางค์)

  • สั่ง ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๗
  • (ลงชื่อ) จอมพล ถ. กิตติขจร
  • (ถนอม กิตติขจร)
  • นายกรัฐมนตรี
  • สำเนาอันถูกต้อง
  • 26 ก.ย. 08



(สำเนา)
ที่ สร. 0503/8390
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
 
29 กรกฎาคม 2508
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
เรียน ประธานคณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาคำสั่งนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้

ตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 และฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2507 ไปแล้วนั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 (ฉบับที่ 3) เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2508 ดังแจ้งตามสำเนาคำสั่งที่ได้ส่งมาพร้อมนี้

จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติต่อไป.

  • ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
  • (ลงชื่อ) มนูญ บริสุทธิ์
  • (นายมนูญ บริสุทธิ์)
  • เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
กองนิติธรรม
  • สำเนาอันถูกต้อง.



(สำเนา)
คำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สิน
ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ 3)

อนุสนธิตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกมาเป็นของรัฐแล้วนั้น

บัดนี้ ปรากฏว่า มีผู้ขัดขืนคำสั่งนี้ โดยไม่ยอมออกจากทรัพย์สินอันตกเป็นของรัฐตามคำสั่งข้างต้น และไม่ยอมชำระหนี้

ฉะนั้น เพื่อให้สัมฤทธิผลตามคำสั่งข้างต้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

1. ให้ผู้ที่ครอบครองหรืออยู่ในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกเป็นของรัฐตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีข้างต้น ออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้นภายใน 15 วันนับแต่วันออกคำสั่งนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง

ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ออกจากอสังหาริมทรัพย์ตามวรรคแรก ให้อธิบดีกรมตำรวจดำเนินการจับกุมผู้นั้นมากักขังจนกว่าจะยอมปฏิบัติ

2. ให้ผู้ที่เป็นลูกหนี้ซึ่งจะต้องชำระหนี้ให้แก่กองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หรือให้แก่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตามสิทธิหรือสิทธิเรียกร้องของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ อันตกเป็นของรัฐตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีข้างต้น ชำระหนี้นั้นให้แก่กระทรวงการคลังภายใน 15 วันนับแต่วันออกคำสั่งนี้ เว้นแต่จะได้รับการผ่อนผันจากกระทรวงการคลัง

ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ชำระหนี้ตามวรรคแรก ให้กระทรวงการคลังยึดทรัพย์สินของผู้นั้นออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้จนครบ.

  • สั่ง ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2508
  • จอมพล ถ. กิตติขจร
  • (ถนอม กิตติขจร)
  • นายกรัฐมนตรี
  • สำเนาถูกต้อง.
  • (ลงชื่อ) ไพบูลย์ ทองมิตร
  • (ไพบูลย์ ทองมิตร)
  • สำเนาอันถูกต้อง
 



สำเนา
คำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้บริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด พ้นจากสภาพการเป็นบริษัท และให้
กิจการ ทรัพย์สิน และหนี้สิน ของบริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด ตกเป็นของรัฐ

โดยที่ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจหน้าที่ราชการนำเงินของรัฐไปลงทุนหาผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว ได้ใช้กลวิธีอันสลับซับซ้อนตั้งโรงงานผลิตกระสอบขึ้นในรูปของบริษัทจำกัดโดยมิได้ลงเงินของตนเอง กล่าวคือ ได้นำเงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๑๐ ล้านบาท ไปฝากไว้กับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นผู้มีอำนาจควบคุมโดยเด็ดขาด แล้วให้บริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด กู้เงินจำนวนนี้ไปจากบริษัทแห่งนั้นโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและไม่มีหลักประกัน แล้วบริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด ได้ลงบัญชีเท็จว่า เป็นการชำระค่าหุ้นครั้งแรก ต่อมา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำเงินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปฝากกับธนาคารพาณิชย์สองธนาคาร แล้วให้ธนาคารทั้งสองนั้นให้บริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด กู้เงินไปดำเนินการจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗ เป็นเงิน ๒๐,๗๙๓,๐๓๕.๙๑ บาท โดยเสียดอกเบี้ยเพียงร้อยละ ๓ ต่อปี กับทั้งได้ใช้วิธีการจนเป็นผลให้ได้รับเงินกู้ไปจากกระทรวงการคลังเป็นจำนวน ๑๔,๕๖๙,๓๘๐ บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๖ ต่อปี นอกจากนั้น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้อิทธิพลของตนให้ธนาคารสี่ธนาคารค้ำประกันการซื้อเครื่องจักรมาใช้ในกิจการของบริษัทเป็นจำนวนกว่าหกสิบล้านบาท ในการกระทำทั้งปวงนี้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และผู้ร่วมงาน มิได้นำเงินของตนมาลงทุนเลย เว้นแต่บุคคลอีกสองคนซึ่งลงเงินทั้งสิ้นเพียง ๔๗๕,๐๐๐ บาท

การก่อตั้งบริษัทดังกล่าว นอกจากได้ทำให้รัฐเสียหาย ขาดประโยชน์จากเงินของรัฐที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำไปใช้เพื่อการนี้โดยมิชอบแล้ว ยังมิได้กระทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในการก่อตั้งบริษัท กับเมื่อบริษัทได้ดำเนินการมาแล้ว ปรากฏว่า ได้มีพฤติการณ์ที่นำความเสื่อมโทรมให้แก่บริษัท และยังความเสียหายให้แก่วงการธนาคารและการเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง จึงนับว่า เป็นการทำลายรากฐานความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ อันมีผลเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร

เพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐโดยด่วน นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร จึงมีคำสั่งให้บริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด พ้นจากสภาพการเป็นบริษัท และให้กิจการ ทรัพย์สิน และหนี้สิน ของบริษัทบางกอกกระสอบ จำกัด ตกเป็นของรัฐทันทีในวันออกคำสั่งนี้ ให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของกิจการและดำเนินการตามควรทุกประการ

  • สั่ง ณ วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๐๘
  • จอมพล ถ. กิตติขจร
  • (ถนอม กิตติขจร)
  • นายกรัฐมนตรี



ลับ-เฉพาะ
ตราครุฑ
ตราครุฑ
ด่วนมาก
ที่ พิเศษ กค. 0100/95/2510
คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งให้ทรัพย์สิน
ในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สิน
ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ

13 ตุลาคม 2510

เรื่อง ขอขยายเวลาดำเนินการของคณะกรรมการฯ
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
อ้างถึง คำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2507
สิ่งที่ส่งมาด้วย ร่างคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ 4)

ตามคำสั่งที่อ้างถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ตามจำนวนเงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เบียดบังและยักยอกทรัพย์สินของรัฐไป เท่าที่ปรากฏแล้วเป็นเงิน 604,551,276.62 บาท (หกร้อยสี่ล้าน ห้าแสน ห้าหมื่น หนึ่งพัน สองร้อย เจ็ดสิบหกบาท หกสิบสองสตางค์) นั้น

บัดนี้ ปรากฏว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการรวบรวมเงินเพื่อชดใช้ความเสียหายของรัฐเพียงสิ้น 30 มิถุนายน 2510 เป็นจำนวนเงิน 535,727,195.28 บาท (ห้าร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สองหมื่น เจ็ดพัน หนึ่งร้อย เก้าสิบห้าบาท ยี่สิบแปดสตางค์) แต่กำหนดเวลาการปฏิบัติงานของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องใกล้จะสิ้นสุดแล้ว หากมีการตรวจพบทรัพย์สินรายใหม่ภายหลังกำหนดเวลา 3 ปี คือ ภายหลังวันที่ 20 พฤศจิกายน 2510 แล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นอกจากนั้น ยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการให้ได้เงินมาชดใช้ความเสียหายของรัฐ ซึ่งคาดว่า จะไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ทันตามกำหนด คือ

1. ที่ดินที่มีผู้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ไว้ทางกระทรวงการคลังหรือคณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งฯ หรือฟ้องเป็นคดีต่อศาลและคดียังไม่ถึงที่สุด

 1.1 คดีที่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ฟ้อง ร.ท. เป้า ไวคุณา จำนวนที่ 26 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาที่ดินเป็นเงิน 1,345,450 บาท

 1.2 คดีที่ธนาคารและบริษัทต่าง ๆ ฟ้องกระทรวงการคลัง ในกรณีที่ถือว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถือที่ดินไว้แทน

 1.2.1 ธนาคารแห่งเอเชียฯ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ จำนวน 31 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาที่ดินไว้เป็นเงิน 9,443,300 บาท

 1.2.2 บริษัทไม้ขีดไฟกรุงเทพฯ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ จำนวน 4 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาที่ดินไว้เป็นเงิน 439,427.50 บาท

 1.2.3 บริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ จำนวน 1 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาที่ดินไว้เป็นเงิน 967,500 บาท

 1.3 ที่ดินที่โต้แย้งไว้ทางกระทรวงการคลัง แต่ยังมิได้ทำการฟ้องร้อง

 1.3.1 บริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาไว้เพียง 1 โฉนด เป็นเงิน 1,012,500 บาท ส่วนอีก 1 โฉนด ราคาที่คณะกรรมการตีราคาประมาณราคาขั้นต้น เป็นเงิน 1,232,600 บาท รวมเป็นเงิน 2,245,100 บาท

 1.3.2 บริษัทบางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาไว้ เป็นเงิน 1,512,000 บาท

 1.3.3 นางแน่งน้อย พาลการมย์ โต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4 โฉนด คณะกรรมการตีราคาตีราคาไว้ เป็นเงิน 261,000 บาท

 รวมที่ดินที่อยู่ในระหว่างการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ มีจำนวน 69 โฉนด เนื้อที่ 86 ไร่ 1 งาน 23 ตารางวา ราคาประมาณ 16,213,777.50 บาท กับสิ่งปลูกสร้างในที่ดิน 10 แปลง รวม 12 หลัง เป็นเงินประมาณ 838,509 บาท

2. ที่ดินดงเทพรัตน์ จังหวัดชัยนาท รวม 4 โฉนด เนื้อที่ 3,104 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา ได้มีราษฎรร้องเรียนว่า ที่ดินบางส่วนตนได้ครอบครองมาก่อน และบางส่วนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน กระทรวงมหาดไทยเห็นสมควรให้เพิกถอนโฉนดเสีย แต่อาจมีบางส่วนยังคงเป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และตกมาเป็นที่ดินของรัฐ ที่ดินแปลงนี้จึงไม่ได้ตีราคา

3. บ้านและที่ดิน เนื้อที่ประมาณ 259 ตารางวา ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงการคลังได้แจ้งในกระทรวงการต่างประเทศทราบและได้อายัดไว้แล้ว ขณะนี้ อยู่ในระหว่างเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นขอโอนมาเป็นของกระทรวงการคลัง

4. เกี่ยวกับหุ้นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ในหลายบริษัท จากประสพการณ์ที่ผ่านมา มีข้อที่ทำให้รัฐต้องเสียหาย 2 ประการ คือ (1) ข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน ซึ่งอาจทำให้มีการกดราคาหุ้นให้ต่ำเกินไป และ (2) เนื่องจากกรรมการของบริษัทในปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยไม่ระมัดระวังการใช้จ่ายเงินของบริษัท ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทเสื่อมโทรม

5. หุ้นในบริษัทต่าง ๆ ที่ตกเป็นของรัฐ แต่ขณะนี้ ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์อยู่หลายบริษัท ดังนี้

 5.1 หุ้นในบริษัทไม้ขีดไฟกรุงเทพฯ จำกัด จำนวน 4,999 หุ้น บริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด โต้แย้งว่า เป็นของตน คณะกรรมการตีราคาได้ตีราคาหุ้นละ 678 บาท เป็นเงิน 3,389,322 บาท

 5.2 หุ้นในบริษัทวิจิตรก่อสร้าง จำกัด ตกมาเป็นของกระทรวงการคลัง จำนวนรวม 505 หุ้น แต่บริษัทส่งใบหุ้นให้เพียง 460 หุ้น ขาดไป 45 หุ้น ใบหุ้นที่ไม่ส่งให้นี้ บริษัทอ้างว่า เป็นหุ้นที่ใช้ยันบริษัทไม่ได้ ถ้าคิดมูลค่าตามที่คณะกรรมการตีราคาได้ตีราคาไว้หุ้นละ 6,438 บาท จะเป็น 289,710 บาท

 5.3 หุ้นในบริษัทบางกอกเบียร์ จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไทยอมฤตบริวเวอรี่ จำกัด) จำนวน 875 หุ้น บริษัทจะส่งใบหุ้นให้เพียง 700 หุ้น ส่วนอีก 175 หุ้นนั้น บริษัทคัดค้าน เป็นมูลค่าตามที่คณะกรรมการตีราคาได้ตีราคาแล้วหุ้นละ 9,000 บาท เป็นเงิน 1,575,000 บาท

 รวมมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระหว่างโต้แย้ง 3 บริษัท เป็นมูลค่า 5,254,032 บาท

6. การดำเนินการยึดทรัพย์สินที่บ้านเลขที่ 166 ถนนปฏิพัทธ์ (สะพานควาย) แม้กระทรวงการคลังจะได้ยึดไว้แล้ว แต่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ได้คัดค้านขอชี้สินเดิมและสินส่วนตัวเสียก่อน ซึ่งกว่าจะสิ้นสุดและนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดได้ ก็คาดว่า จะไม่เสร็จทันเวลาที่กำหนด

7. การสอบสวนกิจการของบริษัทที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ถือหุ้นอยู่ด้วยนั้น มีอยู่อีกหลายบริษัทที่ปรากฏหลักฐานและข้อเท็จจริงทำให้สันนิษฐานได้ว่า น่าจะเป็นกิจการส่วนตัวของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

ฉะนั้น คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งฯ จึงเห็นเป็นการสมควรที่จะได้มีการแก้ไขคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ดังต่อไปนี้

1. เพื่อให้ติดตามรวบรวมทรัพย์สินกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ มาชดใช้ความเสียหายของรัฐที่ยังขาดอยู่ต่อไป การปฏิบัติงานของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการคณะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ

(1) คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
(2) คณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
(3) คณะกรรมการตีราคา และ
(4) คณะกรรมการตรวจสอบหลักฐานการแจ้งความเกี่ยวกับทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

เห็นสมควรขยายเวลาการปฏิบัติงานออกไปอีกสองปี คือ ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512

2. หุ้นของบริษัทหลายบริษัทที่ตกมาเป็นของรัฐ มีข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน ซึ่งอาจทำให้มีการกดราคาหุ้นให้ต่ำเกินไป จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลังมีสิทธิที่จะโอนให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ ไม่ว่าข้อบังคับของบริษัทจะกำหนดไว้ประการใดก็ตาม

3. เพื่อให้การปฏิบัติงานในเรื่องนี้เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่ขยายออกไป จึงสมควรจะมีข้อกำหนดว่า นอกจากทรัพย์สินที่ได้ว่ากล่าวฟ้องร้องกันอยู่แล้วนั้น การวินิจฉัยว่า ทรัพย์สินรายใดเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ หรือไม่นั้น ให้ถือว่า คำวินิจฉัยของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการดำเนินตามคำสั่งฯ เป็นที่สุด ผู้ใดจะนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลมิได้

จึงขอประทานกราบเรียนมาเพื่อได้โปรดพิจารณาร่างคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ 4) ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐฯ ตามที่ได้แนบเสนอมาเพื่อได้โปรดพิจารณาพร้อมนี้ด้วยแล้ว.

  • ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
  • (นายเสริม วินิจฉัยกุล)
  • ประธานคณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งฯ
ทำเนียบรัฐบาล



คำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สิน
ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ (ฉบับที่ ๔)

อนุสนธิตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกมาเป็นของรัฐแล้วนั้น

บัดนี้ ปรากฏว่า การปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำสั่งนั้นยังไม่เสร็จสิ้น สมควรขยายเวลาปฏิบัติการออกไปอีกตามสมควร

อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกความใน ๔. แห่งคำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"๔. การปฏิบัติดังกล่าวใน ๓. ต้องให้แล้วเสร็จภายในห้าปีนับแต่วันที่ออกคำสั่งนี้"

  • สั่ง ณ วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๐
  • จอมพล 
  •  (ถนอม กิตติขจร)
  •  นายกรัฐมนตรี



คำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร
เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของ
ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
(ฉบับที่ 4)

อนุสนธิตามที่นายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 และวันที่ 2 ธันวาคม 2507 อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ตามจำนวนเงินที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เบียดบังและยักยอกทรัพย์สินของรัฐไป เท่าที่ปรากฏแล้วเป็นเงิน 604,551,276.62 บาท (หกร้อยสี่ล้าน ห้าแสน ห้าหมื่น หนึ่งพัน สองร้อย เจ็ดสิบหกบาท หกสิบสองสตางค์) นั้น

บัดนี้ ปรากฏว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการรวบรวมเงินเพื่อชดใช้ความเสียหายของรัฐได้แล้ว เป็นจำนวนเงิน 535,727,195.28 บาท (ห้าร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สองหมื่น เจ็ดพัน หนึ่งร้อย เก้าสิบห้าบาท ยี่สิบแปดสตางค์) คงเป็นยอดเงินที่ยังขาดอยู่อีก 68,824,081.34 บาท (หกสิบแปดล้าน แปดแสน สองหมื่น สี่พัน แปดสิบเอ็ดบาท สามสิบสี่สตางค์) แต่กำหนดเวลาการปฏิบัติงานของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการให้ได้เงินมาชดใช้ความเสียหายของรัฐ ซึ่งไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ทันตามกำหนด คือ

1. ที่ดินรวม 69 แปลง มีมูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท มีผู้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล 7 คดี และมีการอุทธรณ์และฎีกา ยังไม่เสร็จสิ้นไปได้ตามกำหนดเดิม นอกจากนั้น ยังมีเรื่องที่คัดค้านต่อกระทรวงการคลัง แต่ยังมิได้ฟ้องต่อศาลอีก

2. ที่ดินดงเทพรัตน์ จังหวัดชัยนาท รวม 4 โฉนด เนื้อที่ 3,104 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา ได้มีราษฎรร้องเรียนว่า ที่ดินบางส่วนตนได้ครอบครองมาก่อน และบางส่วนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งจะต้องถูกเพิกถอนโฉนดเสีย แต่อาจมีบางส่วนยังคงเป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และตกมาเป็นที่ดินของรัฐ

3. บ้านและที่ดิน 1 แปลง ที่กรุงโตเกียว ขณะนี้ อยู่ในระหว่างเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อโอนมาเป็นของกระทรวงการคลัง

4. หุ้นของบริษัทหลายบริษัทที่ตกมาเป็นของรัฐ ยังไม่ควรที่จะขายในขณะนี้ เพราะว่าข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน ซึ่งอาจทำให้มีการกดราคาหุ้นให้ต่ำเกินไป

5. หุ้นของบริษัทหลายบริษัท มีมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท มีผู้โต้แย้งกรรมสิทธิ์

6. การชี้สินเดิมและสินส่วนตัวของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ในทรัพย์สินที่คณะกรรมการฯ ยึดไว้ ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะการแสดงหลักฐานการชี้ทรัพย์ต้องเสียเวลาสอบพยานบุคคลเป็นส่วนมาก และเมื่อชี้แล้ว จะต้องทำการขายทอดตลาดต่อไป

7. มีกิจการหลายแห่งที่พบหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า น่าจะเป็นกิจการส่วนตัวของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ซึ่งต้องดำเนินการต่อไป

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1. เวลาการปฏิบัติงานของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการคณะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ

(1) คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ
(2) คณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
(3) คณะกรรมการตีราคา และ
(4) คณะกรรมการตรวจสอบหลักฐานการแจ้งความเกี่ยวกับทรัพย์สินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์

ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 4. ของคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 ให้ขยายออกไปอีกสองปี คือ ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512

2. การโอนหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ที่ตกมาเป็นของรัฐ โดยกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรนั้น กระทรวงการคลังจะโอนให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ ไม่ว่าข้อบังคับของบริษัทจะกำหนดไว้ประการใด

3. นอกจากทรัพย์สินที่ได้ว่ากล่าวฟ้องร้องกันอยู่แล้วนั้น การวินิจฉัยว่า ทรัพย์สินรายใดเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ หรือไม่นั้น ให้ถือว่า คำวินิจฉัยของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการดำเนินตามคำสั่งฯ เป็นที่สุด ผู้ใดจะนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลมิได้.

  • สั่ง ณ วันที่ 
  • จอมพล 
  • (ถนอม กิตติขจร)
  • นายกรัฐมนตรี



สรุปที่ดินของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ที่ยังมีการโต้แย้งตามข้อ 1.
หนังสือ
กราบเรียน
นายกรัฐมนตรี
ข้อ 1.
จำนวนโฉนด เนื้อที่
ไร่ – งาน – วา
ราคา หมายเหตุ
1.1 26 4 – 3 – 71 1,345,450.– คดีท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ฟ้องร้อยโท เป้า ไวคุณา คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 960–963/2507
1.2.1 31 26 – 2 – 68 9,443,300.– คดีธนาคารแห่งเอเชียฯ จำกัด ฟ้อง คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 238/2509
1.2.2 4 28 – 0 – 77 439,427.50 คดีบริษัทไม้ขีดไฟกรุงเทพฯ จำกัด ฟ้อง คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 3522/2509
1.2.3 1 1 – 0 – 45 967,500.– คดีบริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด ฟ้อง คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2628/2508
1.3.1 2 23 – 3 – 38 2,245,100.– ที่ดินที่บริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด โต้แย้ง แต่ไม่ฟ้องศาล
1.3.2 1 0 – 1 – 89 1,512,000.– ที่ดินบริษัทบางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด โต้แย้ง แต่ไม่ฟ้องศาล
1.3.3 4 1 – 0 – 35 261,000.– ที่ดินนางแน่งน้อย พาลการมย์ โต้แย้ง แต่ไม่ฟ้องศาล
รวม 69 86 – 1 – 23 16,213,777.50

1. ที่ดินที่มีผู้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ไว้ทางกระทรวงการคลังหรือคณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งฯ หรือฟ้องเป็นคดีต่อศาล และคดียังไม่ถึงที่สุด

 1.1 คดีที่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ฟ้อง ร.ท. เป้า ไวคุณา เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จำนวน 26 โฉนด คือ:–

ลำดับ หมายเลข
โฉนด
ที่ตั้ง เนื้อที่ ตีราคา หมายเหตุ
ไร่ งาน วา
1 12829 ซอยศุภราช ถนนพหลโยธิน 71 42,600 คดีแพ่ง
คดีหมายเลขดำที่
960–963/2507
คดีหมายเลขแดงที่
5785–5788/2509
2 19017 ซอยชื่นแย้ม ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 99 59,400
3 19016 " " 99 59,400
4 136232 ซอยพื้นจันทร์ " 50 30,000
5 17676 ซอยภาวนา ถนนลาดพร้าว 1 32 66,000
6 24950 ซอยอินทรามระ 7 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 50 30,000
7 19381 ซอยจันทโรจน์วงศ์ " 50 40,000
8 19382 " " 49 39,2000
9 28382 ซอยดวงดี ถนนจรัลสนิทวงศ์ 63 53,550
10 12159 ถนนสายลม 3 40 24,000
11 12160 " 49 29,400
12 15598 ซอยชื่นแย้ม ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 89 53,400
13 18498 " " 9 5,400
14 28360 ซอยดวงดี ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 63 53,550
15 28361 " " 63 53,550
16 24968 ซอยอินทามระ 5 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 1 60,000
17 24969 " " 50 30,000
18 2817 ตรอกศรีสรราช ถนนเพชรบุรี 80 96,000
19 12810 ซอยวีรวัฒน์ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 1 5 63,000
20 13628 ซอยฟื้นจันทร์ " 1 1 60,600
21 24273 ซอยอินทามระ 3 " 2 8 124,800
22 28374 ซอยดวงดี ถนนจรัลสนิทวงศ์ 59 50,150
23 28373 " " 58 49,300
24 28370 " " 64 54,400
25 28371 " " 63 53,550
26 27786 ซอยอินทามระ 5 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 1 33 79,800
รวม 4 3 71 1,345,450

 1.2 คดีที่ธนาคารและบริษัทต่าง ๆ ฟ้องกระทรวงการคลัง ในกรณีที่ถือว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถือที่ดินไว้แทน

 1.2.1 ที่ดินซึ่งธนาคารแห่งเอเชียฯ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์ จำนวนรวม 31 โฉนด คือ:–

ลำดับ หมายเลข
โฉนด
ที่ตั้ง เนื้อที่ ตีราคา หมายเหตุ
ไร่ งาน วา
1 10232 ซอยสายน้ำผึ้ง คลองเตย 3 64 582,400 คดีแพ่ง
คดีหมายเลขดำที่
238/2509
2 5099 ถนนงามดูพลี ทุ่งมหาเมฆ 1 2 13 796,900
3 3710 โรงงานบางกอกเบียร์ บางซื่อ 1 3 40 592,000
4 3711 " " 1 1 34 427,200
5 3713 " " 8 26 2,580,800
6 3718 " " 1 1 40 432,000
7 3720 " " 2 2 7 805,600
8 1755 ตรงข้ามวัดชิโนรส บางกอกใหญ่ 1 56 62,400
9 708 ถนนปฏิพัทธ์ สามเสน 1 6 212,000
10 12904 " " 1 5 210,000
11 12903 " " 2 4 244,800
12 12912 " " 2 5 246,000
13 12902 " " 2 1 201,000
14 12911 " " 2 1 201,000
15 12901 " " 1 89 151,200
16 12910 " " 1 99 159,200
17 12900 " " 1 76 140,800
18 12909 " " 1 70 136,000
19 12899 " " 1 36 102,000
20 12908 " " 86 64,500
21 12897 " " 1 37 102,750
22 12907 " " 77 57,750
23 12896 " " 1 48 111,000
24 12906 " " 77 57,750
25 12895 " " 1 39 104.250
26 12894 " " 1 9 81,750
27 12893 " " 1 7 74,900
28 12891 " " 1 6 74,2000
29 12905 " " 99 64,350
30 5227 " " 2 1 100,500
31 12913
(ที่และถนน)
" " 3 10 266,300
รวม 26 2 68 9,443,300

 1.2.2  ที่ดินซึ่งบริษัทไม้ขีดไฟกรุงเทพฯ จำกัดโต้แย้งสิทธิ์

ลำดับ หมายเลข
โฉนด
ที่ตั้ง เนื้อที่ ตีราคา หมายเหตุ
ไร่ งาน วา
1 457 คลอง 4 ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญญบุรี จังหวัดปทุมธานี 9 1 86 189,300.– คดีแพ่ง คดีดำ
หมายเลขที่
3522/2509
2 458 _____ " _____ 9 2 36 191,800.–
3 720 _____ " _____ 3 1 71 41,2020.–
4 31 _____ " _____ 5 2 61 17,107.50
รวม 28 77 439,427.50
 1.2.3 ที่ดินซึ่งบริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด โต้แย้งกรรมสิทธิ์
1 482 ถนนสุโขทัย ตำบลสามเสน อำเภอดุสิต พระนคร 1 45 967,500.– คดีแพ่ง คดีดำ
หมายเลขที่
2628/2509
 1.3 ที่ดินที่โต้แย้งไว้ แต่ยังมิได้ทำการฟ้องร้อง
 1.3.1 ที่ดินที่ซึ่งบริษัทสหไม้ขีดไฟ จำกัด ถือว่า เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ
1 10664 ตำบลสองห้อง อำเภอปากเกล็ด จังหวัดนนทบุรี (บางเขน พระนคร) 8 1 75 1,012,500.–
2 6245 ตำบลวัดเกษ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 15 1 63 1,232,600.–* *เป็นราคา
โดยประมาณ
 1.3.2 ที่ดินซึ่งบริษัทบางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด ถือว่า เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ
1 3547 ถนนสุริวงศ์ บางรัก พระนคร 1 89 1,512,000.–

 1.3.3 ที่ดินที่นางแน่งน้อย พาลการมย์ โต้แย้งกรรมสิทธิ์

ลำดับ หมายเลข
โฉนด
ที่ตั้ง เนื้อที่ ตีราคา หมายเหตุ
ไร่ งาน วา
1 12715 ซอยบังกาโลเอนจอย สามเสน ดุสิต 2 120,000
2 12716 " " " 2 120,000
3 15611 " " " 15 9,000
4 15612 " " " 19 11,400
รวม 1 35 261,000
 2. ที่ดินดงเทพรัตน์ จังหวัดชัยนาท
1 180 ตำบลดงคอน อำเภอสรรค์บุรี 2,144 1 60 ราษฎรโต้แย้ง
2 181 " " 84 80 กรรมสิทธิ์ และ
3 182 " " 116 3 50 อยู่ในระหว่าง
4 183 " " 759 40 การเพิกถอน
กรรมสิทธิ์ และ
ยังไม่ได้ตีราคา
รวม 3,104 2 30


  • คณะกรรมการดำเนินการตามคำสั่งฯ
  • ทำเนียบรัฐบาล
  • 12 กันยายน 2510.


บรรณานุกรม

  • คณะกรรมการสอบสวนทรัพย์สินของรัฐในกองมรดกของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์. (ม.ป.ป.). รวมคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เรื่อง ให้ทรัพย์สินในกองมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ. [เอกสารพิมพ์ดีด]. คลังจดหมายเหตุ ศาสตราจารย์ พันตรี ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ (เลขที่ 2603, แฟ้ม 83). หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"