พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2491
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
คณะอภิรัฐมนตรี ในหน้าที่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
รังสิต กรมขุนชัยนาทนเรนทร
อลงกฏ
มานวราชเสวี
อดุลเดชจรัส
ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2491
เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่เป็นการสมควรจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหมให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
พระมหากษัตริย์อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) และมาตรา 15 และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2491 จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1[แก้ไข]
พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2491”
มาตรา 2[แก้ไข]
พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป [1]
มาตรา 3[แก้ไข]
หน้าที่ราชการในกองทัพบก แยกเป็น
ก.ส่วนกลาง[แก้ไข]
- 1.กรมเสนาธิการทหารบก
- 2.กรมจเรทหารบก
- 3.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ
- 4 กรมพลาธิการทหารบก
- 5.กรมสรรพาวุธทหารบก
- 6.กรมแผนที่ทหารบก
- 7.กรมแพทย์ทหารบก
- 8.กรมการเงินทหารบก
- 9.กรมพาหนะทหารบก
- 10.กรมสวัสดิการทหารบก
ข ส่วนภูมิภาค[แก้ไข]
- 1.ภาคทหารบกที่ 1
- 2 ภาคทหารบกที่ 2
- 3 ภาคทหารบกที่ 3
- 4 มณฑลทหารบกที่ 5
ค ส่วนกำลังรบ[แก้ไข]
- 1.กองทัพที่ 1
- 2.กองทัพที่ 2
- 3 กองทัพที่ 3
- 4 กองพลที่ 5
- 5 กรมต่อสู้อากาศยาน
- 6 กรมรถรบ
- 7 กรมผสมที่ 21
มาตรา 4[แก้ไข]
กรมเสนาธิการทหารบกซึ่งเสนาธิการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการของทหารบกในการเตรียมการ เพื่อป้องกันราชอาณาจักร ตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทั้งปวงให้ดำเนินไปตามระเบียบและแผนการที่กำหนด และแบ่งส่วนราชการดังนี้
1.แผนกกลาง มีหน้าที่ปฏิบัติในทางธุรการการกฎหมาย
2.แผนกที่ 1 มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดและกำหนดกำลัง การระดมกำลัง การบรรจุ เลื่อน ปลด ย้ายตำแหน่ง และการบำเหน็จ กับวิทยาการของสัสดี
3.แผนกที่ 2 มีหน้าที่เกี่ยวกับการข่าว การรหัส และกิจการอันเกี่ยวกับการทหารบกต่างประเทศ
4.แผนกที่ 3 มีหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณาและวางแผนการยุทธการ วางหลักการยุทธ การฝึกฝนผสมเหล่าหรือกองทหารขนาดใหญ่
5.แผนกที่ 4 มีหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณาและวางแผนการฝ่ายบำรุงทั้งปวง วางแผนการคมนาคม การส่งกำลังและการส่งกลับ
6.แผนกตำรา มีหน้าที่เกี่ยวกับการค้นคว้า การเรียบเรียงตำรา สำหรับใช้ในกองทัพบก กับการประวัติศาสตร์ทหาร
7.โรงเรียนเสนาธิการทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการอำนวยการศึกษาให้นายทหารสัญญาบัตรมีความรู้ในเสนาธิการกิจและวิชาทหารชั้นสูง
มาตรา 5[แก้ไข]
กรมจเรทหารบกซึ่งจเรทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการของทหารพลรบเหล่าต่างๆ การกำหนดและการจัดกำลังทางเทคนิคของอาวุธยุทโธปกรณ์ การศึกษา การฝึกอบรม การบรรจุ เลื่อนและย้ายตำแหน่งของแต่ละเหล่า และแบ่งส่วนราชการ ดังนี้
1.กรมจเรทหารราบ มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและกิจการของเหล่าทหารราบ
2.กรมจเรทหารม้า มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและกิจการของเหล่าทหารม้าและรถรบ
3.กรมจเรทหารปืนใหญ่ มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและกิจการของเหล่าทหารปืนใหญ่
4.กรมจเรทหารช่าง มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและกิจการของเหล่าทหารช่าง
5.กรมจเรทหารสื่อสาร มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและกิจการของเหล่าทหารสื่อสาร
มาตรา 6[แก้ไข]
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ซึ่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ เป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่อำนวยการศึกษาแก่นักเรียนนายร้อยที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร และแบ่งส่วนราชการดังนี้
1.กองนักเรียนนายร้อย มีหน้าที่ปกครองและฝึกนักเรียนนายร้อยที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร
2.แผนกศึกษา มีหน้าที่อำนวยการศึกษา และอบรมนักเรียนนายร้อยที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร
มาตรา 7[แก้ไข]
กรมพลาธิการทหารบกซึ่งพลาธิการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและพลาธิการกิจของกองทัพบก และแบ่งส่วนราชการดังนี้
- 1.กรมยกกระบัตรทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดหา เก็บรักษาและจ่ายยุทธภัณฑ์ และสันติภัณฑ์ที่ใช้ในกองทัพบก
- 2.กรมเกียกกายทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูทหาร การเสบียง และการปศุสัตว์ของกองทัพบก
- 3.กรมยุทธโยธาทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการซ่อม สร้าง อาคาร การประปาการไฟฟ้า และถนน ที่ใช้ในกองทัพบก
- 4.กรมการสัตว์พาหนะทหารบก มีหน้าที่ในการศึกษาและจัดหาสัตว์พาหนะ การสัตวรักษ์และการเสบียงสัตว์
- 5.โรงเรียนพลาธิการทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับอำนวยการศึกษาเกี่ยวกับพลาธิการกิจ
มาตรา 8[แก้ไข]
กรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการและการศึกษาสรรพาวุธและอุปกรณ์ รวมทั้งการสงครามเคมี และแบ่งส่วนราชการดังนี้
- 1.กรมช่างแสงทหารบก มีหน้าที่จัดหา ซ่อมสร้าง สรรพาวุธ และเครื่องอุปกรณ์ของอาวุธ ที่ใช้ในกองทัพบก
- 2.กรมคลังแสงทหารบก มีหน้าที่เก็บรักษา และจ่ายสรรพาวุธและเครื่องอุปกรณ์ของอาวุธที่ใช้ในกองทัพบกรวมทั้งเครื่องอุปกรณ์การสงครามเคมี
- 3.กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการค้นคว้า ตรวจทดลองทางวิทยาศาสตร์และสงครามเคมี รวมทั้งการจัดหา ซ่อม สร้าง เครื่องอุปกรณ์การสงครามเคมี
มาตรา 9[แก้ไข]
กรมแผนที่ทหารบกซึ่งเจ้ากรมแผนที่ทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการแผนที่ของทหารบกและแบ่งส่วนราชการดังนี้
- 1.แผนกที่ 1 มีหน้าที่วางหมุดหลักฐาน เพื่อทราบลักษณะของดวงพิภพ และเพื่อการสำรวจพื้นภูมิประเทศ กับการวัดระดับ
- 2.แผนกที่ 2 มีหน้าที่สำรวจรายละเอียดภูมิประเทศเขียนแผนที่และแก้แผนที่
- 3.แผนกที่ 3 มีหน้าที่พิมพ์แผนที่ พิมพ์หนังสือ ถ่ายรูป พิมพ์ภาพ
- 4.แผนกที่ 4 มีหน้าที่กำหนดตำแหน่งของจุดต่างๆ โดยทางดาราศาสตร์ สำรวจสภาพของแม่เหล็กและสำรวจความดูดของพิภพ กับทำแผนที่จากรูปถ่าย
- 5.โรงเรียนแผนที่ทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับอำนวยการศึกษาให้นายทหาร และนักเรียนแผนที่มีความรู้ในวิชาแผนที่
มาตรา 10[แก้ไข]
กรมแพทย์ทหารบกซึ่งนายแพทย์ใหญ่ทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ของทหารบก และแบ่งส่วนราชการดังนี้
- 1.แผนกที่ 1 มีหน้าที่เกี่ยวกับตรวจหาสมุฏฐานของโรค โดยการทดลองและค้นคว้า ตรวจวิเคราะห์ทางชีวะเคมี วิเคราะห์ยา และเคมีสารต่างๆ ประดิษฐ์ยาจำพวกชีวะเคมี ทำวัคซินเซรุ่ม ตรวจและให้คำแนะนำในเรื่องการสุขาภิบาล อนามัย ทำสถิติในด้านสุขาภิบาล
- 2.แผนกที่ 2 มีหน้าที่เกี่ยวกับควบคุมกิจการทางวิทยาการทั่วไป และรวบรวมสถิติการเสนารักษ์ทั้งสิ้นเผยแพร่วิชาแพทย์ วางระเบียบและออกคำแนะนำ การรักษาพยาบาลในยามปกติและยามสงคราม กำหนดอัตราเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ อัตรายาและเวชชภัณฑ์ ตรวจการรักษาพยาบาล และการใช้ยา ประมวลข่าวการแพทย์และแนะนำวิทยาการซึ่งเกิดขึ้นใหม่
- 3.แผนกที่ 3 มีหน้าที่เกี่ยวกับ จัดหา เก็บ รักษา และจ่ายยาเวชชภัณฑ์ทั้งปกติและสนาม
- 4.แผนกศึกษา มีหน้าที่เกี่ยวกับอำนวยการศึกษาวิชาการแพทย์
- 5.โรงพยาบาลทหารบก มีหน้าที่รักษาพยาบาล
- 6.โรงพยาบาลอานันทมหิดล มีหน้าที่รักษาพยาบาล
มาตรา 11[แก้ไข]
กรมการเงินทหารบกซึ่งเจ้ากรมการเงินทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การบัญชีเงิน การงบประมาณและการตรวจเงินของกองทัพบกและแบ่งส่วนราชการดังนี้
- 1.แผนกที่ 1 มีหน้าที่รับ - จ่าย เก็บรักษา และทำบัญชีเงิน
- 2.แผนกที่ 2 มีหน้าที่เกี่ยวกับการงบประมาณ
- 3.แผนกที่ 3 มีหน้าที่ตรวจเงิน
มาตรา 12[แก้ไข]
กรมพาหนะทหารบกซึ่งเจ้ากรมพาหนะทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการของเหล่าทหารพาหนะ และการจัดหาเตรียมสะสมยานพาหนะของกองทัพบก และค้นคว้า ตรวจ ทดลองในสิ่งที่เกี่ยวแก่ยานพาหนะ และซ่อมสร้างยานพาหนะทุกชนิดทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดจนรักษาเบิกจ่ายสิ่งอุปกรณ์เกี่ยวกับยานพาหนะทั้งทางบกและทางน้ำ และการลำเลียงขนส่งด้วยพาหนะ
มาตรา 13[แก้ไข]
กรมสวัสดิการทหารบกซึ่งเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสวัสดิภาพของทหารบก และการฌาปนกิจ
มาตรา 14[แก้ไข]
[4] ภาคทหารบก ซึ่งผู้บัญชาการภาคทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ตรวจ ควบคุม แนะนำชี้แจง และสั่งราชการอันเกี่ยวกับการทหารตามกฎหมายและระเบียบแบบแผน
ทุกภาคทหารบกแบ่งออกเป็นมณฑลทหารบก ซึ่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา
ทุกมณฑลทหารบกแบ่งออกเป็นส่วนๆ เรียกว่า จังหวัดทหารบก ซึ่งผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 14 ทวิ[แก้ไข]
[5] มณฑลทหารบก และจังหวัดทหารบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การวินัยภายนอกหน่วยทหาร การรักษาการณ์ การคดี การศาล การระดมกำลัง และการสัสดี ทั้งนี้ภายในเขตมณฑลทหารบก และจังหวัดทหารบก
มาตรา 14 ตรี[แก้ไข]
[6] ภาคทหารบกมีดังต่อไปนี้
- 1.ภาคทหารบกที่ 1 ประกอบด้วยมณฑลทหารบกและจังหวัดทหารบก คือ
- ก.มณฑลทหารบกที่ 1
- ข.มณฑลทหารบกที่ 2
- ค.จังหวัดทหารบกลพบุรี
- 2.ภาคทหารบกที่ 2 ประกอบด้วยมณฑลทหารบก คือ
- ก.มณฑลทหารบกที่ 3
- ข.มณฑลทหารบกที่ 6
- 3.ภาคทหารบกที่ 3 ประกอบด้วยมณฑลทหารบก คือ
- ก มณฑลทหารบกที่ 4
- ข มณฑลทหารบกที่ 7
มาตรา 14 จัตวา[แก้ไข]
[7] พื้นที่มณฑลทหารบกมีดังต่อไปนี้
- 1 มณฑลทหารบกที่ 1 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก จังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ มีพื้นที่ตรงกับเขตพระนคร จังหวัดธนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี
- ข.จังหวัดทหารบกเพชรบุรี มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดเพชรบุรี
- ค.จังหวัดทหารบกราชบุรี มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี
- 2.มณฑลทหารบกที่ 2 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา
- ข.จังหวัดทหารบกปราจีนบุรี มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดนครนายก และจังหวัดปราจีนบุรี
- 3.มณฑลทหารบกที่ 3 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกนครราชสีมา มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดนครราชสีมา
- ข.จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนครพนม จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด
- ค.จังหวัดทหารบกอุดร มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดหนองคาย จังหวัดเลย จังหวัดสกลนคร และจังหวัดอุดรธานี
- 4.มณฑลทหารบกที่ 4 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกนครสวรรค์ มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี
- ข.จังหวัดทหารบกพิษณุโลก มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดพิจิตร จังหวัด พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์
- ค.จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์
- 5.มณฑลทหารบกที่ 5 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกชุมพร มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดชุมพร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดระนอง
- ข.จังหวัดทหารบกนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพังงา จังหวัดพัทลุง จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ค.จังหวัดทหารบกสงขลา มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา
- 6.มณฑลทหารบกที่ 6 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกสุรินทร์ มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีษะเกษ และจังหวัดสุรินทร์
- ข.จังหวัดทหารบกอุบล มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดอุบลราชธานี
- 7.มณฑลทหารบกที่ 7 ประกอบด้วยจังหวัดทหารบก คือ
- ก.จังหวัดทหารบกเชียงใหม่ มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดลำพูน
- ข.จังหวัดทหารบกเชียงราย มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดเชียงราย
- ค.จังหวัดทหารบกลำปาง มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ และจังหวัดลำปาง
- 8.จังหวัดทหารบกลพบุรี มีพื้นที่ตรงกับเขตจังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
มาตรา 15[แก้ไข]
[8] กองทัพและกองพลซึ่งแม่ทัพและผู้บัญชาการกองพลเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการปกครองบังคับบัญชา เตรียมกำลัง อำนวยการฝึก และอบรมหน่วยทหารซึ่งขึ้นอยู่ในบังคับบัญชา
มาตรา 15 ทวิ[แก้ไข]
[9] กองทัพมีดังต่อไปนี้
- 1 กองทัพที่ 1 แยกเป็น
- ก กองพลที่ 1
- ข กองพลที่ 2
- 2 กองทัพที่ 2 แยกเป็น
- ก.กองพลที่ 3
- ข.กองพลที่ 6
- 3. กองทัพที่ 3 แยกเป็น
- ก.กองพลที่ 4
- ข กองพลที่ 7
มาตรา 16[แก้ไข]
กรมต่อสู้อากาศยานซึ่งผู้บังคับการกรมต่อสู้อากาศยานเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการต่อสู้อากาศยานทางพื้นดิน การเตรียมกำลัง การฝึก และอบรมหน่วยทหารต่อสู้อากาศยาน
มาตรา 17[แก้ไข]
กรมรถรบซึ่งผู้บังคับการกรมรถรบเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการเตรียมกำลัง การฝึกและอบรมหน่วยทหารรถรบ
มาตรา 17 ทวิ[แก้ไข]
[10] กรมผสมที่ 21 ซึ่งผู้บังคับการกรมผสมที่ 21 เป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่เกี่ยวกับการเตรียมกำลัง การฝึกและอบรมหน่วยทหารในกรมนี้
มาตรา 18[แก้ไข]
สภากองทัพบก เป็นที่ปรึกษาหารือของผู้บัญชาการทหารบก ในเรื่องต่อไปนี้
- 1.การจัดโครงการส่วนใหญ่ของกองทัพบก
- 2.หลักการเกี่ยวแก่การฝึก การศึกษาอบรม การบำรุงหน่วยทหารบก และฝ่ายบริการต่างๆ
- 3.หลักการใช้กำลังทหารบก
- 4.หลักการระดมสรรพกำลัง
- 5.การคมนาคมทั้งปวง ซึ่งมีผลต่อเนื่องถึงแผนการทัพบก
- 6.การจัดหา แก้ไข และปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์
- 7.กระบวนการทั้งปวง เกี่ยวกับการป้องกันชายแดน ชายฝั่ง และการป้องกันภัยทางอากาศ เท่าที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก
- 8.หลักการที่เกี่ยวกับการเตรียมกำลังกองทัพบกเพื่อป้องกันราชอาณาจักร
- 9.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ร่างพระราชกำหนด ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการทหารบก
- 10.กรณีที่ผู้บัญชาการทหารบกปรึกษาหารือ
มาตรา 19[แก้ไข]
[11] สภากองทัพบก ประกอบด้วยสมาชิกดังต่อไปนี้
- 1. ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน
- 2 รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองประธาน
- 3. เสนาธิการทหารบก
- 4. จเรทหารบก
- 5. ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ
- 6. พลาธิการทหารบก
- 7. เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก
- 8. เจ้ากรมแผนที่ทหารบก
- 9. นายแพทย์ใหญ่ทหารบก
- 10. เจ้ากรมการเงินทหารบก
- 11. แม่ทัพที่ 1
- 12. แม่ทัพที่ 2
- 13. แม่ทัพที่ 3
- 14. ผู้บัญชาการกองพลที่ 5
- 15. หัวหน้าแผนกกลาง กรมเสนาธิการทหารบก เป็นเลขาธิการ
มาตรา 20[แก้ไข]
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
เอกสารประกอบ[แก้ไข]
- พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2491 [12]
- พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2492 [13]
- พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493 [14]
- พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2493 [15]
เชิงอรรถ[แก้ไข]
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 53/เล่ม 65/หน้า 507/14 กันยายน 2491
- ↑ มาตรา 3 ข แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 3 ค แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 14 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 14 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 14 ตรี เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 14 จัตวา เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 15 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 15 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ ข้อ 17 ทวิ เพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2493
- ↑ มาตรา 19 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2493
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 65/ตอนที่ 77/ฉบับพิเศษ หน้า 30/31 ธันวาคม 2491
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 23/เล่ม 66/หน้า 276/19 เมษายน 2492
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 29/เล่ม 67/หน้า 512/23 พฤษภาคม 2493
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 50/เล่ม 67/ฉบับพิเศษ หน้า 1/22 กันยายน 2493