พิธีและคาถาในการทำนา/ผู้วายชนม์

จาก วิกิซอร์ซ

นางจรูญ รุ่งโรจน์
ชาตะ 12 กันยายน พ.ศ. 2461
มรณะ 1 เมษายน พ.ศ. 2506

ประวัติ
นางจรูญ รุ่งโรจน์

นางจรูญ รุ่งโรจน์ (นางจรูญ สมุทรานนท์) เป็นบุตรีคนที่ ๒ ของนายเจือ และนางสังข์ สมุทรานนท์ นางจรูญ รุ่งโรจน์ มีพี่น้องร่วมบิดาและมารดารวม ๕ คน คือ–

๑.นายเจริญ สมุทรานนท์

๒.นางจรูญ รุ่งโรจน์ ภรรยา พ.ท. ถนอม รุ่งโรจน์

๓.นางจำลอง สีห์ประเสริฐ์ ภรรยา พ.ต. ชาย สีห์ประเสริฐ

๔.นางจำเรียง พันธุ์ผล ภรรยานายสนม พันธุ์ผล

๕.ร.อ. สำเนียง สมุทรานนท์

นางจรูญ รุ่งโรจน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ณ บ้าน ตำบลบางเดชะ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี และได้สมรสกับ ส.อ. ตี๋ รุ่งโรจน์ (พ.ท. ถนอม รุ่งโรจน์) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ มีธิดา ๒ คน คือ;–

๑.น.ส. สุรภี รุ่งโรจน์ เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘

๒.น.ส. จุไรรัตน์ รุ่งโรจน์ เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐

นางจรูญ รุ่งโรจน์ ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งในตับเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ตำบลพญาไท อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร รวมอายุ ๔๕ ปี

"จรูญรำลึก"

เนื่องจากจรูญ ภรรยาที่รักของข้าพเจ้า ได้ถึงแก่กรรมมาเป็นเวลาร่วม ๒ ปีแล้ว เธอได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ และในวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ นี้ก็เป็นวันที่จะทำการฌาปนกิจศพเธอ ข้าพเจ้ามีความระลึกถึงเธอเป็นที่ยิ่ง ทั้งอาลัยในตัวเธอสุดประมาณ จึงปรารถนาที่จะได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อนึกถึงจรูญ ภรรยาที่รัก ประกอบกับข้าพเจ้าจะได้จัดพิมพ์หนังสืออันเป็นที่ระลึกนี้ขึ้น ทั้งวันที่ข้าพเจ้าได้เขียนข้อความนี้ก็ประจวบกับเป็นวันสงกรานต์ คือ วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ จึงยิ่งทำให้ข้าพเจ้าหวลนึกถึงชีวิตแต่ครั้งหลังสมัยที่ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักเริ่มสนิทสนมกับเธอ แต่สงกรานต์ครั้งนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๘) ไม่เหมือนครั้งนี้ ขณะนี้ ข้าพเจ้าสูญเสียจรูญ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต ข้าพเจ้าขาดเธอเสีย เสมือนข้าพเจ้าขาดทุกสิ่งทุกอย่าง จรูญเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้า ไม่วายามทุกข์หรือสุข จรูญเคึยงข้างข้าพเจ้าเสมอ เธอให้กำลังใจ และด้วยชีวิตของเธอ ข้าพเจ้าเป็นบุคคลที่ค่อนข้างจะพิถีพิถันในการเลือกคู่ครอง เพราะถือว่า ชีวิตเรานั้นอยู่ร่วมกับบิดามารดาก็แต่เพียงวัยเยาว์ ครั้นเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มสาว ก็เป็นธรรมดาว่า ทุกชีวิตหรือส่วนมากย่อมต้องมีคู่ และเวลาเหล่านั้น คือ เวลาที่มีชีวิตคู่ เราต้องอยู่ร่วมกับสามีหรือภรรยาไปตลอดจนชีวิต ฉะนั้น สามีหรือภรรยาก็ตาม ย่อมเป็นบุคคลสำคัญสำหรับชีวิตของเรา ชีวิตเราจะรุ่งเรืองมีความร่มเย็นเป็นสุข หรือจะล่มจมสุมไปด้วยความทุกข์ ก็ด้วยสามีหรือภรรยานี้เป็นสำคัญ เหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ถือเรื่องสำคัญที่สุด ในชีวิตครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเริ่มรู้จักจรูญ ข้าพเจ้าก็พอใจในตัวเธอเสียแล้ว เพราะจรูญเป็นคนขยัน อดทน และมัธยัสถ์ ทั้ง ๆ ที่ฐานะทางครอบครัวของเธอก็อยู่ในชั้นดี แต่เธอกลับขยันทำมาหากิน ทั้ง ๆ ที่เธอทำนาของเธอเองอยู่แล้ว ยามว่างเธอยังอุตส่าห์เอาข้าวเปลือกไปสีเป็นข้าวสารออกขายด้วยตัวเธอเองอีก ทางด้านการพนันขันต่อ เธอก็ไม่ได้นำพาเลย เมื่อญาติมิตรหรือเพื่อบ้านออกปากไหว้วานในการทำบุญทำทาน เธอก็มิได้ขัด มิได้เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าพยายามที่จะทำทุกสิ่งเพื่อจะให้ได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต ในที่สุดก็สมประสงค์ ข้าพเจ้าได้สมรสกับเธอเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ ซึ่งขณะนั้นข้าพเจ้ามียศเป็นเพียงสิบเอกเท่านั้น ขณะที่เราได้อยู่ร่วมกันนั้น ข้าพเจ้ายิ่งทราบแน่ชัดว่า ข้าพเจ้าเลือกคู่ไม่ผิด ชีวิตของข้าพเจ้านั้นเริ่มต้นด้วยการไม่มีอะไรเลย ฉะนั้น ย่อมเป็นธรรมดา ชีวิตก็ย่อมจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่จรูญมิได้ย่อท้อ เธอเป็นกำลังใจและกำลังกายให้กับข้าพเจ้าอย่างสุดชีวิต ถึงขนาดที่ตัวเธอเองลงทุนทอดกล้วยขายเพื่อพยุงฐานะทางครอบครัวอีกแรงหนึ่ง จะเหนื่อยยากเท่าใด เธอมิได้ปริปากแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้ว ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าเริ่มบูชาตัวเธอยิ่งขึ้น ชีวิตคนเราย่อมมีทั้งความทุกข์และความสุขคละกันไปเป็นธรรมดา แต่ดู ๆ คล้ายกับว่า ความทุกข์นั้นช่างทยอยกันมาไม่ขาดสาย ความสุขของข้าพเจ้า คือ ความสุขที่เรารักและเห็นใจกันอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่า เหตุการและสิ่งแวดล้อมจะให้ยากเราเพียงใด ก็ไม่สามารถจะทำลายความจริงใจของเราทั้งสองได้ ดังที่ได้กล่าวแล้ว ข้าพเจ้าครองชีวิตกับเธอมาอย่างสุขบ้างทุกข์บ้าง พระเบื้องบนก็ยังไม่โปรดประทานความเห็นใจ อย่างน้อยท่านก็ควรจะเห็นความดีของเธอบ้าง ประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๑ ข้าพเจ้าล้มป่วยด้วยวัณโรค ขณะนั้น ข้าพเจ้ามียศเพียงร้อยเอก มีบุตรี ๒ คน ทั้งยังเล็กมาก ภาระเหล่านี้เป็นสิ่งที่หนักอึ้งสำหรับจรูญ แต่เธอก็มิได้หวั่นไหวหรือถือว่าเป็นของยากเย็นแต่อย่างใด เธอกลับยิ่งมุมานะเอาชนะอุปสรรคในชีวิตด้วยการเอากำลังเข้าแลกด้วยการรับผ้ามาเย็บเพื่อเป็นการจุนเจือครอบครัวและเป็นค่ายาในการรักษา–พยาบาลตัวข้าพเจ้า เธอได้ปฏิบัติกิจของเธออยู่เช่นนี้จวบจนข้าพเจ้าหายป่วยเรียบร้อยดี การกระทำของเธอที่ปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเช่นนี้เป็นที่รำลึกอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้าอยู่เสมอ ยามเมื่อข้าพเจ้านึกถึงเธอ ก็เว้นเสียมิได้ที่จะสลดใจอย่างสุดซึ้ง หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เธอข้าพเจ้าได้มีชีวิตร่วมกับจรูญ ภรรยายอดรักของข้าพเจ้า เช่นนี้เถิด

เธอเริ่มป่วยด้วยการเจ็บบริเวณทรวงอก ครั้งแรกข้าพเจ้าและตัวเธอเองก็มิได้นึกว่า จะเป็นเรื่องสำคัญอันใด แต่พอเธอได้ไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ทางโรงพยาบาลก็ให้รับตัวไว้ ในครั้งแรกอาการของเธอก็ดิขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรที่น่าวิตก ตัวเธอเองก็ยังรำพันที่จะได้กลับบ้านเพราะความเป็นห่วงข้าพเจ้าและลูก ๆ หลังจากที่เธออยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ ๓ เดือน อาการกลับเป็นที่น่าวิตก กลับทรุดลง ๆ จนสุดความสามารถของแพทย์ที่จะเยียวยาเธอได้ และเธอก็ได้จากข้าพเจ้าไปเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ของวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า จรูญยังไม่ควรจะด่วนมรณกรรมก่อนเวลาอันสมควรเช่นนี้ แต่พระ, เจ้า หรือผู้ใด ก็ไม่สามารถจะยับยั้งความตายได้ ทั้งที่รู้เช่นนี้ก็ไม่วายที่จะโศกสลดและอาลัยถึงจรูญ ภรรยาที่รัก ได้ ด้วยการประกอบแต่กรรมดีของเธอ ขอคุณความดีทุก ๆ อย่างที่เธอได้สร้างไว้ให้แก่ครอบครัว ญาติ มิตร และเพื่อนบ้าน ขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ จงดลบันดาลให้ดวงวิญญาณจรูญประสบอิฐคุณมนูญผลแก่คติวิสัยในสัมปรายภพทุกประการ

ด้วยความอาลัยรักเป็นที่ยิ่ง
พ.ท. ถนอม รุ่งโรจน์
๑๓๐ อาคารพิบูลวัฒนา ประปา
สามเสน ถนนพระราม ๖

แด่คุณแม่
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
มารดามลายจาก มตะพรากนิรารอน
ลูกแสนจะอาวรณ์ มนะนึกรำลึกตรอง
ก่อนเคยธำรงสุข นิรทุกขะทั้งผอง
แต่นี้สุชลนอง ชลเนตรก็คลอนัยน์
โอ้แม่พระคุณล้ำ วทะคำมิอาจไข
ลูกแสนจะอาลัย สติน้อมคนึงคุณ
ฟูมฟักถนอมมา กษิราก็ดื่มจุน
ชุ่มชื่นและแช่มชุณ- หชีวิตดำรงกมล
ยามเจ็บสิแม่เฝ้า ทนุเช้าและค่ำนาน
ใครเล่าจะเปรียบปาน บมิเทียบและเทียมทัน
ความรักอะไรเล่า มหะเท่าสิแม่นั้น
แม้ถึง ณ ชีวัน สละได้เพราะลูกรัก
ชนนีก็ภูผา พสุธามิใหญ่ศักดิ์
เทียมเท่าสิแม่ภัก- ดิอนันต์คุณานาน
ครายามพระคุณสิ้น ดุจะภินท์ผิวายปราณ
รวดร้าวหทัยนาน ดนุสุดจะพรรณนา
ความดีสถิตอยู่ สิริคู่ ณ โลกา
ยั่งยืนมิคลายคลา ถิระชั่วนิรันดร
— จากลูก