ราชา ก็โปรดให้พระยาสีหราชเดโชชัยกับพระยาท้ายน้ำคุมพลอาสากอง ๑ ล่วงหน้าขึ้นไปช่วยรักษาเมืองพิษณุโลก แต่ตรัสสั่งเป็นความลับไปว่า เมื่อเมืองพิษณุโลกถูกล้อมแล้ว ให้เป็นไส้ศึกข้างภายใน แต่พระยาทั้ง ๒ กลับเอาความลับไปขยายแก่พระมหาธรรมราชา ๆ ก็ให้เตรียมการป้องกันเมืองพิษณุโลกทั้ง ๒ ทาง กองทัพเมืองลานช้างยกลงมาถึงก่อน ก็ตั้งล้อมเมืองพิษณุโลกทางด้านเหนือกับด้านตะวันออก ครั้นกองทัพเรือกรุงศรีอยุธยาขึ้นไปถึง พระยารามฯ คุมกองทัพหน้าไปตั้งอยู่ที่วัดจุฬามณีข้างใต้เมืองพิษณุโลก กองทัพหลวงของสมเด็จพระมหินทรฯ ตั้งอยู่ที่ปากน้ำพิงค์ต่อลงมาข้างใต้ พระมหาธรรมราชาแกล้งทำแพไฟไหม้ปล่อยลงมาเผาเรือกองทัพพระยารามฯ ทนอยู่ไม่ไหว ก็ต้องถอยลงมาหากองทัพหลวง ฝ่ายกองทัพเมืองลานช้างรู้ว่า กองทัพในกรุงฯ ขึ้นไปถึง ก็เตรียมจะเข้าตีเมืองพิษณุโลกตามที่นัดกันไว้ แต่ได้ยินว่า กองทัพของพระยารามฯ ถอยลงไปเสียแล้ว ก็ยั้งอยู่ พอรู้ว่า กองทัพเมืองหงสาวดีเข้ามาถึง พระเจ้าไชยเชษฐาก็ล่าทัพถอยไปจากเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหินทรฯ ไม่สมคะเน ก็อ้างเหตุที่กองทัพเมืองลานช้างล่าไปแล้ว ถอยทัพกลับคืนมายังพระนครฯ แต่พระยาพุกามกับพระยาเสือหาญนายทัพหงสาวดีมาถึงช้าไป ไม่ทันรบข้าศึก เกรงความผิด ก็ยกติดตามกองทัพลานช้างต่อไป
หน้า:พระประวัติสมเด็จพระนเรศวรฯ - ดำรง - ๒๔๙๓.pdf/29
หน้าตา