เสือโคคำฉันท์

จาก วิกิซอร์ซ

แม่แบบ:จุดประ

เสือโคคำฉันท์

๑๔๏ ข้าขอประนมกรประนต บงกชบทเรืองรอง
ธาดาวราฤทธิจำนอง สฤษดิโลกยสบสกล


๏ ธัมโมวโรรักษคชัก สัตวทั่วธราดล
เทวาสุราสุรอนน ตปรนตบูชา


๏ ข้าตั้งกฤษฎากรบังคม บรมอิศวเรนทรา
เทเวนทร์สุเรนทราสุรา ไลยถวายนมัสการ


๏ เปนจอมมกุฏวิสุทธไก วัลในศิวาสถาน
ศวาโมตมานดรฌาน นวิโรจรังษี


๏ เดโชตโบฤทธิตระศัก ดิสมรรถทรงตรี
ศุรางควัชิรอันมี สิทธิศักดิสังหรณ์


๏ ยอกรประนมนิยประดิษฐ์ วิกสิตสาธร
ภูเบศวรานฤบดิศร วรธรรมสายสานต์


๏ เปนปิ่นบุรินทรามหิมา อยุธยาวโรฬาร
สมบูรณภูลสวัสดิกาล ศุขเกษมธเรศตรี


๏ เสนาคณานิกรนริน วรพฤนทมากมี
ไอยรารอัศวมณี นุอนันตนฤมล


๏ นานาประเทศและประชา ชนคณะโจษจล
ทวาราวดีรัตนดำกล ยลนุสนทราการ


๏ ขอแถลงสำแดงกิจยุบล กลนิติสายสาร
โดยในสุภาสิตบรรหาร วิศาลประเศศโถ ฯ


๑๖๏ โปฎกทั้งสองเสือโค จรอารัญโญ
ประเทศมรรคาบหึง


๏ คล้ายคล้ายลีลาลุถึง แถวสถานสำนึง
สำนักนักสิทธิฤๅษี


๏ เวลาท่านทอดทฤษฎี โดยบัญชรศรี
อรัญญิกาอาศรม


๏ จึ่งเห็นลูกเสือโคคม นามาสู่สม
สิเนหเต้าตามกัน


๏ ดาบศก็ดาลอัศจรรย์ ออกไปด้วยพลัน
ก็ถามทั้งสองจัตุบท


๏ อ้าดูกรมฤคเอารส เทียรย่อมจะคิดคด
ประหัดประหารแก่กัน


๏ เสือครั้นเห็นโคพกพันท์ เอาเปนภักษพลัน
บห่อนจะให้แวะเว้น


๏ ฤๅสูสองสัตวมาเปน มิตรภาพกูเห็น
ดังนี้ก็ดาลดูฉงน


๏ สองสัตวก็หยุดแยงยล ฟังพจนนุสนธิ์
อันฤๅษีสิทธิถาม


๏ พาลพยัคฆ์จึ่งแสดงโดยความ อันมีมาตาม
ยุบลแต่แรกรังรักษ์


๏ วันหนึ่งแม่ข้านางพยัคฆ์ ไปแสวงหาภักษ์
ในป่าอันไกลทุระคม


๏ ข้าให้โหยหิวหานม นอนแน่เลวลม
ลำบากก็สุดแรงโรย


๏ มีโคแม่ลูกชายโชย เดินดั้นดาลโดย
ลำเนาตูข้าอาไศรย


๏ ข้าเห็นคือแม่คลาไคล ถึงสว่างอาไลย
ก็ขอกษิรามพุภุญช์


๏ แม่โคบมิหวังทำคุณ ว่าพยัคฆ์ทารุณ
บห่อนจะใกล้กรายกัน


๏ คาโวโปฎกแถลงพลัน แก่แม่ทางธรรม์
โดยมฤธุจินดา


๏ ว่าเราได้เห็นพาลา พยัคฆ์ให้โหยหา
ชม้อยละห้อยคอยหน


๏ อกแห้งหอบหิวหาชล รศนมแม่ตน
กระหนกระหายเรียกเรา


๏ ถ้าแม่บมีปรานีเนา ให้พยัคฆ์อันเยาว์
กินกษิรามพุเสบย


๏ บาปนั้นจะรํ่าไฉนเลย เชิญท่านผายเผย
อุทรจรสู่เสือ


๏ ให้กินนมแล้วเราเมือ ได้บุญแลเหลือ
จะนับก็พ้นคณนา


๏ คาโวฟังโปฎกปรา รภโดยธรรมา
วิธีลิขิตพระพรหม


๏ จึ่งให้พาลพยัคฆ์กินนม ลูกเสือชื่นชม
ก็กินสำราญบานใจ


๏ ครั้นอิ่มโคจักคลาไคล กูลขลาอาไลย
ก็ผูกมโนรงรัก


๏ กล่าวเกลี้ยงไมตรีชวนชัก สึงสถิตย์สำนัก
ลำเนาอรัญอาไศรย


๏ ลูกเสือสัญญามิตรไม ตรีด้วยอุไภย
พฤศภสุทธเสนหา


๏ จึ่งทำธิษฐานสัตยา สรรพทั่วเทวา
พนมพนอมไพรพฤกษ์


๏ จงเปนสากษิพันฦก แต่ตูข้ามฤค
อันมีมโนเที่ยงธรรม์


๏ ถ้าข้าใจเกียจเดียดฉันท์ คิดคดแก่กัน
จึ่งเทพดาดาลผลาญ


๏ ถ้าข้าใจสุทธใสสานต์ จงตูข้ามาน
พิพัฒน์สวัสดิอจล


๏ ข้าขอเอาท่านคือนน ทลีนฤมล
อันมีหฤไทยใจจิตร


๏ ไว้เปนมาดาโดยอิษฐ์ สืบสายโลหิต
คือข้าบังเกิดในครรภ์


๏ เบื้องบรรพ์โคบุตรพรายพรรณ ยังยุพกว่าอัน
จะขอเปนน้องด้วยดี


๏ จึ่งพฤศภมีวาที แก่ลูกเสือสีห์
ว่าตูทั้งสองยอมยิน


๏ คำสัตย์อันกล่าวโดยถวิล แต่ตูยังกิน
มโนวิการารมณ์


๏ เกลือกแม่เจ้ามาคิดคม ครุบคั้นกินกม
บไว้บวางตัวตู


๏ ลูกเสือสนองคำโคทู ว่าถ้าแม่กู
กระทำวิบัติเบียดเบียน


๏ ชีพิตรท่านให้จากเจียน แม่กูจักเนียร
ชีพิตรด้วยบัดใจ


๏ โคครั้นฟังคำเสือใส สุทธชื่นชมใน
กระมลสนิทเสนหา


๏ บัดเสือนำโคไคลคลา ซุ่มซ่อนซึ่งอา
ไศรยสถานสิงสถิตย์


๏ สายัณห์พันแสงแสงสิทธิ์ พยัคฆีแรงฤทธิ์
ก็คลาอารัญยังสถาน


๏ บัดลูกเสือทำอาการ เคียดแค้นเน่งนาน
มโนมนัศชบเซา


๏ แม่เสือสู่ลูกเลียเลา โลมลาเภเอา
อมฤตยเคียดคำถาม


๏ ลูกเสือสืบสาราตาม ไต่ต้นค้นความ
อันแม่ทุราจรไกล


๏ ละเสียบมิได้อาไลย หลายวันวารไป
แลอดกำหนดนมนาน


๏ หอบหิวโหยหาอาทาร สุดแรงโรยปาน
จะปิ้มชีพิตรตักไษย


๏ มีทวิพฤศภคลาไคล แม่ลูกมาใน
ลำเนาสำนักนักธรรม์


๏ ขอนมท่านนั้นกินพลัน จึ่งรอดชีวัน
ชีวาตมเห็นแม่ตน


๏ แม่เสือสนองด้วยเกียจกล บัดนี้โคดล
สถิตย์สถานด้าวใด


๏ ลูกตอบคำแม่บัดใจ จักบอกอาไศรย
ที่โคสำนักด้วยดี


๏ เกลือกแม่จะมิไว้วางชี วิตรพฤศภศรี
แลโคตรุณน้องกู


๏ เมื่อใดแม่มฤธู จิตรอย่าใจสูร์
อยุติธรรม์อันตราย


๏ ถ้าแม่บมิได้ทำมลาย โคให้ฉิบหาย
ชีพิตรเปนอาหาร


๏ จงท่านให้สัตย์อย่านาน จักจรยังสถาน
ที่โคสำนักมาดล


๏ แม่เสือฟังสารยุบล แห่งลูกตัวตน
ก็สนองด้วยเพโทบาย


๏ ว่าท่านทำคุณเหลือหลาย ยิ่งอรรณพสาย
สมุทลู่หลั่งไหล


๏ บันดาลลูกแก้วจะประไลย ชีพิตรตักไษย
แลท่านมาโปรดเปนตัว


๏ คุณท่านควรไว้เหนือหัว จงเจ้าอย่ากลัว
ว่าแม่จะทำโทษแทน


๏ คุณท่านกว่าหมื่นกว่าแสน กว่าโกฏิดินแดน
จะนับก็พ้นคณนา


๏ ให้สัตย์โดยสองสัญญา เที่ยงแท้ธรรมา
ประเสริฐเปนสากษี


๏ ลูกเสือฟังแม่วาที ชื่นชมยินดี
ตระบัดก็ไปด้วยพลัน ฯ


  ๒๘๏ บัดนั้นลูกเสือ
ฝ่าแฝกแฝงเฝือ ไปยังโคพลัน
ถึงบอกอาการ ว่าแม่เปนธรรม
ให้สัตยาอัน ชอบแล้วด้วยดี


  ๏ เชิญท่านทั้งสอง
จงไปโดยปอง เปนมิ่งไมตรี
ด้วยแม่ข้าอัน รู้คุณคาวี
โคโปฎกศรี ซึ่งท่านโปรดปราน


  ๏ บัดนั้นชไม
โคคลาบัดใจ ด้วยพยัคฆอันพาล
ครั้นถึงแม่เสือ เสือปราไสสาร
กล่าวเกลี้ยงคำหวาน อ่อนโอนเอาใจ


  ๏ ผูกรักชักชิด
เล่ห์ลมสมสนิท พิศวาศหลงใหล
สี่สัตวเนานาน ด้วยกันในไพร
บมีเภทไภย พิโรธสักอัน


  ๏ อยู่มาพยัคฆี
เกิดใจกระลี กลัมพรพลัน
บ่อยู่ในสัตย์ ตระบัดอาธรรม์
คิดคดใฝ่ฝัน มล้างผู้มีคุณ


  ๏ วันหนึ่งแม่เสือ
ไปก่อนแฝงเฝือ แทบทางปองปุน
หวังเอาโคกิน เปนภักษาภุญช์
เสือตัวทารุณ ด้ามด้อมคอยทาง


  ๏ ส่วนโคครั้นเช้า
เลียโลมลูกเต้า ให้กินนมนาง
แล้วสั่งสอนบุตร รักษากันพลาง
ยามเย็นจักวาง มาสู่สองสมร


  ๏ แล้วไปหากิน
โดยประดิทิน เล็มล่าดงดอน
ครั้นไปถึงทาง ที่เสือผกพงอน
ผาดเห็นโคจร กระเหม้นตรับตัว


  ๏ เสือวางระเห็จ
ระแหกพงเพ็จ ระหอบจับวัว
ครหึมครึมเคี้ยว กระเครี้ยวพุงพัว
เฝ้ากินเท้ามัว สิ้นแสงสูรย์สถิตย์


  ๏ ยามเย็นรอนรอน
แม่โคเคยจร สู่ลูกโดยอิษฐ์
บเห็นไต่เต้า ลูกเสือโคคิด
เห็นว่าชีพิตร แม่เราบมี


  ๏ ประนังกันคอย
มุ่งเมิลต้นรอย บเห็นคาวี
เร่งเย็นเร่งยํ่า เร่งคํ่าเร่งตี
อกไห้หาศรี พฤศภมารดา


  ๏ เร่งคอยเร่งแคล้ว
ผิดเวลาแล้ว แม่เราจักมา
เห็นว่าแม่เสือ เอาเปนภักษา
มันเสียสัตยา นุสัตยธรรม์


  ๏ บัดนั้นตรุณ
เสือผู้ใจบุญ กล่าวแก่โคอัน
เปนน้องว่าเจ้า อย่าทุกข์โศกศัลย์
ส่วนแม่กูครั้น มาเห็นพิกล


  ๏ เราเร่งรุมฆ่า
ให้มันก้มหน้า ตายตามบัดดล
อย่าไว้ชีวิตร มันนี้นิศผล
น้องช่วยกูชน ขวิดท้องให้ตาย


  ๏ ค่ำคลุ้มราตรี
แม่เสือจึ่งลี ลาลาศผาดผาย
มาสู่โปฎก กลิ่นวัวทั่วกาย
ค่อยเคลื่อนค่อยคลาย มาด้วยอิ่มหน่ำ


  ๏ พี่น้องจึ่งถาม
หาแม่โดยความ ร้อนเร่ารันทำ
คาวีเพื่อนท่าน เยียใดบนำ
กันมาสู่สำ นักจืดใจจาง


  ๏ แม่เสือจึ่งสนอง
คำลูกทั้งสอง บัดบอกพรอกพราง
ว้นนี้แม่เจ้า ไปกินท่าทาง
ใดใดยังขนาง บรู้หนหา


  ๏ บพบบพาน
บรู้อาการ โทษาคุณา
ไข้เจ็บเหน็บเหนื่อย มล้าเมลื่อยโรคา
บเห็นแก่ตา แม่เจ้าทั้งสอง


  ๏ ลูกเสือเห็นเสร็จ
เกียจกลกระเหน็จ กระแหน่แม่ปอง
ทำร้ายแก่ท่าน แล้วแก้กลสนอง
ใจมันบครอง ในสัตยาธรรม์


  ๏ บควรจักไว้
ชีวิตรมันให้ อยู่ยืนโดยกัลป์
ตระบัดลูกเสือ ให้หน้าตาพลัน
แก่โคบุตรอัน โดยสองสัญญา


  ๏ บัดนั้นลูกพยัคฆ์
ใส่กลทำรัก แม่ข้าไปหา
เคล้าคลึงเคลียชม ตระบัดโกรธา
แหงนกัดกรรฐา คอขาดบัดใจ


  ๏ ลูกโคเข้าขวิด
ไส้พุงโลหิต เรี่ยรายลามไหล
ดิ้นด่าวท่าวล้ม กลิ้งเกลือกเสือกใน
วนาอาไศรย สิ้นหายวายปราณ


  ๏ ตระบัดบัดนั้น
สองพี่น้องซั้น ดำริห์ตริการ
ว่าเราจะอยู่ บควรในสถาน
ที่นี้คือการ กระลีมาดล


  ๏ ครั้นสุริโยไทย
เสือวัวคลาไคล จากเหล้าแหล่งตน
ไต่ตามมรรคา ถลาอารญ
จึงมาพบนน ทลึถึงกรรม์


  ๏ สองสัตว์พี่น้อง
เอาศีศะซ้อง ทูลบทด้วยพลัน
ให้เจ็บให้แสบ โศกาคั่งคัน
สองสยบซบยัน รํ่ารักมาดา


  ๏ เสร็จทุกข์นั้นแล้ว
สองสัตวจึ่งแคล้ว คลาศศพโคมา
จรลํ่าหลายวัน จึ่งถึงซึ่งอา
ศรมบทคฤหา ท่านไท้ทรงพรต


  ๏ ซึ่งข้าพระบาท
แถลงถวายแต่อาทิ์ จะให้ปรากฎ
ซึ่งว่าลูกเสือ ทำคุณแทนทด
คือข้าจรด จิ่มพระบาทา


  ๏ อันว่าลูกโค
ผู้อุตโม คือข้าพระดา
บศโคตัวนี้ ถี่ถ้อยแถลงมา
ให้พระสิทธา ทราบเนื้ออนุสนธิ์ ฯ


๑๑๏ เมื่อนั้นมุนีนารถ ผู้สิทธิศาสตระฟังยล
แห่งเสือดำเนิรกล กิจกล่าวก็ชอบธรรม์


๏ จึ่งมีวโรรส พจนพากยด้วยพลัน
สรรเสริญคุณาอัน กระทำสัตยวาที


๏ ดูรายุพาลพยัคฆ์ พฤศภทั้งสองศรี
ซึ่งสูจำนงมี วรจิตรใจอารย์


๏ ประดิษฐในสัตย์ แลธรรมัตยโอฬาร
แทนทดกำหนดสาร อภิมรรตรักกัน


๏ คือว่ากตัญญู กตเวทีทางธรรม์
เปนที่สรเสริญสรรพ์ นรเทพธาดา


๏ ในโลกยนี้ใคร แลจะคงแก่สัตยา
นุสัตย์นุธรรมา ธิกแท้จะเทียมสอง


๏ ซึ่งมาตุฆาฎก และจะยกจะยอปอง
เปนธรรมแทนสนอง คุณนั้นก็ไป่ควร


๏ เพราะสองยังเปนใจ ฤไทยสัตวยังหุนหวน
ครุกรรมมูลมวญ บมิแจ้งมโนใน


๏ เราคิดจะใคร่แปร มฤคชาติเสียไกล
มฤครูปให้ไกษย จะสฤษดิสองสัตว์


๏ เปนเทพมนุษย์ ยุพราชศรีสวัสดิ์
ด้วยเดชะความสัตย์ ฐิรธรรมสองสู


๏ ครั้นเปนฤไทยนร วรคิดคดีดู
ชอบเชิงบแผกผลู มุลมรรคทางธรรม์


๏ เสือวัวครั้นได้สดับ รศศัพทด้วยพลัน
แห่งพระผู้ทรงบรร พชิตเชษฐสิทธา


๏ เอาศีศะเข้าจรต วรบทบาทา
แพ่งพระฤๅษีสา ทรทรงตบะกรรม์


๏ จึ่งพิทธสอยสพร วรวัจนาอัน
จะอาจจะอวยสรร จะสฤษดิสองเผือ


๏ ด้วยเดชะบุญญา ธิการาอันแหล่เหลือ
แห่งข้าผู้ลูกเสือ แลโคบุตรบุรพา


๏ จึ่งมาประสบพบ วรบทบาทา
บพิตรพระดา บศบวชอันเลิศไกร


๏ แจ้งกิจนั้นเสร็จ ฤๅษีสาธุ์เสด็จไป
นำมฤคคลาไคล ทั้งสองสู่ที่อาศรม


๏ จึ่งสรรคอาหาร รศสานติเนยนม
นพนิตเฉื่อยฉม ประโลมให้มฤคภักษ์


๏ เปนศุขศุขา ภิรมยาธรารักษ์
รังรศสำนักภักษ์ รศกษิรมาดา ฯ


๑๒๏ ครั้นแลได้ศุภกร วรโยคชยา
วรวารมหา แลมหุรดิอันควร


๏ ที่จะแรกวรกิจ แลมหิทธิจำนวน
ยุชการทั้งมวญ ที่จะสฤษดิสำเร็จ


๏ ขัษณนั้นธก็สมา ธิญาณสมเด็จ
ดลอาตมก็เสร็จ สุทธการพิธี


๏ วรรุทดำเกิง วรกูณฑมุนี
วรโชติรูจี วรเดชมไห


๏ ธก็ชปณวิษ ษณุเวทวไนย
มฤครูปไกษย กปัตรรูปก็ดำกล


๏ สุทธสุนทรกา ยกระลากรวิมล
ศุภลักษณดล ศุภสวัสดิกุมาร


๏ วรภุสนก็ทัด วรพัตรก็ธาร
วรกุณฑลกาญ จนเกษมกุฏิ์


๏ ยลยัชประวิช สุพรรณวิสุทธ
ยลเกาบิณอุต ตมสุประภา


๏ ยลเกยุรใน วรพาหุธรา
ยลภุสนอา ภรณพรายก็พิจิตร


๏ ธก็ถาปนปราณ และประทานชีวิตร
ยุพรีกลสถิตย์ ดลขรรคธไร


๏ ธก็สมมุตินาม พหลวิไชย
นุชนาถประไพ พระภาวินทรบดินทร์


๏ ขัษณเสร็จก็สฤษดิ์ อุภัยสุรินทร์
วิสรรชณถวิล อคนิโหรติจำราญ ฯ


๑๖๏ บัดนั้นสองราชกุมาร อันภูลในการ
กระลาพิธีกรกุณฑ์


๏ จึ่งทำอภิวาทน์อดุลย์ อัษฎางควิบุลย์
ประดิษฐด้วยใจภักดิ์


๏ แก่ท่านผู้ทรงสิทธิศักดิ์ ก้มเกล้าโอนอรรค
มกุฎิจรดบาทา


๏ สรรเสริญเจริญคุณมหิมา เหลือไตรคณนา
บรู้กี่โกฏิสรมุท


๏ เบื้องใต้ตำเต็มถึงสุด กาลาคนิรุท
อโธทิศาโดยหมาย


๏ เบื้องบนพ้นพรหมเหลือหลาย ถึงสูญศิวาย
ศิโวตโมไกวัล


๏ คณนาคุณเจ้าจอมธรรม์ โปรดตูข้าอัน
อธิกลุโดยใจ


๏ ขออยู่เปนช่วงชาญใน อาศรมอาไศรย
จำนำบำเรอบมิคลา


๏ ประฏิบัติสบสิ่งมาตรา ราษตรีทิวา
บเว้นบวากจากเจียร


๏ นักสิทธิฟังสองกล่าวเกียรดิ์ ยศคุณอันเสถียร
ตระบัดก็กล่าวสารสนอง


๏ ดูรายุพราชทั้งสอง เรากฤษดิท่านปอง
ประโยชนในธาษตรี


๏ จดให้เปนปิ่นธรณี กษัตราธิบดี
อันเรืองพระยศเดชะ


๏ ซึ่งเจ้าใจจงอาคระ จักอยู่ในคณะ
จะรักษเราด้วยดี


๏ ขอบคุณซึ่งเจ้าวาที ใช่สรรสองศรี
เปนศิษยอยู่บริพาร


๏ เราจักอวยพรพิศาล พิเศษโอฬาร
พิพิธเดโชไชย


๏ ให้เจ้าทั้งสองเสด็จไป เสวยราไชยใน
พิภพองค์แลกุรุง


๏ สมศรีสมศักดิ์สมสูง สมเดชอดุง
พิภพนามอันมี


๏ สมประกอบชอบทั้งธาษตรี ศวรราชบดี
บดินทรเจ้าครอบครอง ฯ


๑๙๏ เมื่อนั้นอรัญญิกมุนีฤษีสาธุผันผยอง
แจ่มจันทรเจิมจอง ชฎา


๏ เฉวียงสายพรรณรายสูตรวิภุสนพัตรมา
ลัยเลปน์กามา ตระศัก


๏ เบญจางคจิตรจำนงจำนำกรรฐอนรรฆ
เกาบิณชินชัก ประดับ


๏ นิ้วนวยนัขอนามิกากรก็สรับ
กับด้วยประวิช ก็ธาร


๏ โอมอ่านอาคมเวทอวยพรพิศาล
เศกสองยุพาพาล กระษัตริย์


๏ อวยฤทธิเดชยาธราพัทธ
อวยสิทธิอวยสวัสดิ์ สองเสมอ


๏ แล้วชี้ช่องทิศวราจราจรจะเปรอ
ให้สองลิลาเลอ ประภาษ ฯ


๑๑๏ เมื่อนั้นพหลเทพ สุรินทรหน่อนารถ
คาวีวิมลราช ก็กะทำนมัสการ


๏ แล้วทำประทักษิณ มุนินทรตรีพาร
ตรีภพบันดาล ก็ลาลดรันทดใน


๏ สองโอนมกุฏิแก้ว พแพร้วพรรณเรืองไร
นพมาศแสงใส นพรัตนชัชวาลย์


๏ จึ่งบ่ายวิบูลยบัท ทุมพัทธนาการ
สูบูรพทิศศาล ก็ยุบาทไคลคลา


๏ สองเสด็จพนาดร จรจรดกำหนดอา
รัญญิกมรรคา พนาวาศไพรพนม


๏ เมิลมุขรุกขา ลดาดาษพึงชม
เกษแก้วกระกองกลม แลกทดกทันงาม


๏ อัมพาลออพอ ผลิดผลสุกซาม
ขานางแน่งนวยกาม กัลหายรสายสินธุ์


๏ พลับพลองพันลอกลัด แลลบัดลบัดถวิล
นมนางลอออินท์ ทรนินเนตรนนทรี


๏ ปรูปรางอันปล่งเปลา ลำเนาแก้มกุก่องศรี
แลลานฤไทยมี จิตรเจตรยั่วยวน


๏ เลงกล้วยสรล้ายกล้าย กัทลิศแน่งนวล
พิศเพี้ยนประเล่ห์อวล อุรุรัตนเฉกเฉลา


๏ พิศไพประไพพรรณ รุทธิรัตน์โสดเสา
วภาคยนงเยาว์ ประเล่ห์ทันตเรียบเรียง


๏ เล็บนางตระการกล นฤมลประอรเอียง
เลงแลประเล่ห์เพียง นัขนาริแสงใส


๏ พิกุลคามคุณควร ลำดวนดาษพิศมัย
หื่นหอมวังเวงใจ บรรเจิดจิตรพิศวง


๏ สารภีภิรมยา ผกากลิ่นกำจรจง
ใจไฉนว่ากลิ่นยง ยุพโยคเยาวมาลย์


๏ บุนนาคนเนืองนัน ตระสุพรรณิกากาญ
จนบุษปเบิกบาน แลสลิดสลมสลอน


๏ ชมชาติบุษบา สุคนธารำเพยขจร
กลกลิ่นโอ้อับศร สุรางค์นางคสาวศรี


๏ สองสวัสดิสุนทร วรทวัดกระษัตรีย์
เมิลไม้พิมลมี มโนนารถชื่นชม


๏ ชมพรรณปักษา วิหคาธรารมย์
สองสวัสดิอุดม ก็ลิลาศโชยชาย


๏ บงเบญจวรรณา คณาโนริแดงฉาย
เฉกชาติเพราพราย พรรณรายเล่นมาฉาบฉาว


๏ คุ่มขาบแลเขาขัน กระสันสัตวเหินหาว
กระสังกระสาสาว กระสันจับกระหลับดู


๏ คล้าเคล้าแลคลิ้งโครง กระโตรงตรุมกระลุมภู
กระไตรตระในตรู ตระบัดสัตวหื่นหรรษ์


๏ แขวกขวานประสานเสียง ชรเมียงเอียงประอรปัน
ปากป้อนร่วมรศกัน กระสันผันก็ดาลโดย


๏ คับแคทั้งคู่ควร กระทาชวนตระบัดโบย
บินหาคณาโหย ประนังศัพทซอเซีย


๏ ซังแซวทรลอนฟาง แลนางนวลนัวเนีย
จิบจาบจับคอยเมีย บมิเห็นทรโหยหวล


๏ กาโกแลโกกิล กุกกุฏุตกระสันสรวล
เสียงสัตวรัญจวน ฤๅไทยทวัดกระษัตรีย์


๏ โนเรศมยุรา ยุพาภาครปักษี
ปักษาสุวาที พนเวคโจษจรรย์


๏ แขกเต้าตากปีกปาก ประทุมราคแดงฉัน
เคียงคู่อยู่จำนรร จาจะแจ้วส่งเสียงใส


๏ ภูวโดกแลโงกงั่ง กะตั้วทั้งกะเดนไพร
เสียงสาลิกาไกร กรวิกษแกมกัน


๏ สองชมพรรณพิหค วิหคาคณานันต์
นานาประภาพรร ณอเนกปักษี


๏ ชื่นชมภิรมยา ธราศุขเปรมปรีดิ์
เปรมปราชญวาที ทำนองจองทำทุกฉันท์ ฯ


๑๔๏ สองชมมฤคาแลมฤคี กรมีในหิมวันต์
มั่วหมู่คณาคณอนัน ตอเนกก็หลากหลาย


๏ คือสีหไกรสรววินทร์ มฤคินทรเฉิดฉาย
ผาดผองลบองบทก็ผาย พนเวศลีลา


๏ ชมช้างชำนันต์คชสุรินท รสุเรศวรนา
สืบหมู่อันมีในหิมวา ลบเลิศอำนวยพงศ์


๏ ควายโตรษอันเรืองฤทธิก็ขวิด ศิขรินทรกลางดง
แรงเริงดำเกิงจิตรก็ยง ดูพันฦกพุลกา


๏ เสือโคร่งคำรามฤทธิก็ปาน มฤคเอาเปนภักษา
เสือเหลืองแลดาวดลก็คลา พนเวศยงยวล


๏ กวางทรายอันตฤณคือเกลียง ละมั่งเมียงมาจวบจวน
คำโองอันโจรงศัพทก็สรวล สุรสิงฆเหลียวหลอน


๏ ยลเยื้องประเวศวนะไลย ก็ประไพประภากร
เรียงเรียงเรื่อยสัตวก็จร ในสายัณหเวลา


๏ โตตามคณาคณนิกร รกิเลนกระเวนหา
คู่คลอชลอสัตวก็พา นิกรสู่ที่อาไศย ฯ


๑๖๏ เมื่อนั้นพหลราชวิไชย คาวีฤทธิไกร
ตำเนิรทุราพนจร


๏ ดลแดนกรุงราชนคร นคเรศอันสร
สรนุกนิจันทบูรา


๏ นรนาถอันเปนราชา ปิ่นภพนามา
มคธราชนรินทร์


๏ นางเมืองแมนสวัสดิโฉมฉิน นางในธรณินทร์
นามจันทรวดี


๏ ยุพราชอันเปนบุตรี สุรสุดาศรี
ตระศักดิเฉิดโฉมสวรรค์


๏ เมืองกว้างช้างหลายโจษจรร ม้าแมนแสนสรรพ์
แลรถรัตนอัศวา


๏ พลแกล้งแผ้วบรบรา ไชยปราบราบมา
มาอ่อนมาโอนทุกทิศ


๏ พาเหียรแห่งกรุงไกรฤทธิ์ มีสระโสภิต
อุทกกลิ่นจรุงใจ


๏ นฤมลชลธารธไร กว้างยาวฦกใน
สระสาโรชประภา


๏ มียักษ์อุทกรักษา มันย่อมพาธา
นรานิกรนรชน


๏ ผู้ใดใฝ่ลงเอาชล สิ้นสุดเสียสกนธ์
บห่อนจะรอดคงคืน


๏ มันเอาเปนภักษบหืน ค่าใครฝ่าฝืน
จะเข่นจะฆ่าก็บมี


๏ ส่วนสองสุรราชกระษัตรีย์ จรถึงสระศรี
อันมีอุทกรากษษ


๏ ฉายาชายไทรปรากฎ สองเจ้าเข้าจรด
สำนักนิพักร่มไทร


๏ ลมชวยซาบเนื้อเย็นใจ สองสุขภายใน
ทรสมุทรสายสาขา


๏ บัดนั้นคาวียุพรา ชาไชยลีลา
ก็เอากมณทูลลง


๏ ตักนํ้าในสระโดยจง ยักษาอันยง
ก็ผุดตระบัดบัดใจ


๏ คุกคั้นซั้นจับจอมไท คาวีฤทธิไกร
ก็ลองประลองยักษา


๏ กุมกันผกผันไปมา ต่างตนต่างพา
จะจมบจมโดยถวิล


๏ คลื่นคลุ้มคลุ้มทั้งมุจลินท์ ฉ่าฉ่าเสียงสินธุ์
ระลอกกระฉอกชลธี


๏ คาวีถอดขรรคมุนี ชุบอวยอันมี
นุภาพด้วยสิทธิศักดิ์


๏ ฟอนฟันฟาดขาดคอยักษ์ ด้วยเดชอนรรฆ
แห่งผู้สิทธิอวยพระพร


๏ ท้าวไททายทอดวรกร กุมยักษามรณ์
ก็คว่างยังหลิ่งสระศรี


๏ โสรจสรงวรองค์รูจี เอารศวารี
ไปถวายแก่เชษฐกุมาร


๏ แถลงแจ้งจิตโดยอาการ ซึ่งรากษษธาร
กทำพิบัติเบียดเบียน


๏ ข้าฆ่ายักษาให้เนียร ชีพถึงขาดเศียร
ในกลางสลิลหล่ามไหล


๏ เชษฐาธิบดินทร์ฟังใน สารานุชไข
ก็บานกมลเปรมปรีดิ์


๏ สรรเสริญสุรภาพกระษัตรีย์ นุชนารถอันมี
ชเยศมล้างยักษา


๏ สองสถิตย์ในรุกขฉายา คือบุตรแมนมา
ประพาศในภูวมณฑล ฯ


๒๑๏ บัดนั้นบั้นหมู่นิคมคน พจนกิจะยุบล
ฦๅตระหลบดล ทั้งธาษตรี


๏ เกลื่อนกล่นกันมาทฤษดี ริปุชลนฤชี
วิทรด้วยจรี เปนสาธารณ์


๏ จึ่งฦๅข่าวถึงพระภูบาล มคธยศวิศาล
ว่าอุทกมาร มันตักไษย


๏ ท่านให้อำมาตย์เร่งไป วิตกวิจารณใด
อาจจะมาเนาใน สำนักเรา


๏ จะให้ศักดายศเสา วภิตวิบูลยสุเภา
โภคพัฬเหา ศุไขสวรรย์


๏ จักแบ่งแหล่งภูมีภาคันย์ ไหยรถคชอัน
จตุพิธพรร คโยธา ฯ


๑๖๏ บัดนั้นเสนามาตยา รับราโชงกา
รแห่งสมเด็จจักรี


๏ แล้วไปสู่สร้อยสระศรี เห็นยักษบาบี
อนาถกลิ้งกลางทราย


๏ กายาศีศะพลัดพราย หัวขาดเด็ดดาย
จรลู่ตระหมื้นเหมินเขา


๏ รอยขาดคือสินโดยเดา ด้วยดาบเพ็ชรเอา
มาเข่นมาฆ่ากลางสนาม


๏ ผู้มล้างยักษีนี้ใช่ทราม รอยราชฦๅนาม
นเรศผู้เรืองฤทธิ์


๏ เราเร่งหาจงทุกทิศ ให้พบผู้สิทธิ์
มล้างอุทกยักษา


๏ บัดนั้นเสวกราชา ต่างหมู่ต่างหา
สรพราศพร้อมทุกทาย


๏ จึ่งพบสองสวัสดิโฉมฉาย กล้องแกล้งเกลากาย
คือสุริยจันทรสถิตย์


๏ อยู่ในร่มไทรไพจิตร ต่างคนต่างพิศ
ก็ต่างดำรัสอัศจรรย์


๏ ฤๅว่าเทวาคนธรรพ์ ฤๅนาคสุบรรณ
ฤๅท้าวกินรราชา


๏ ฤๅสิทธิฤๅษีพิทยา พิทเยศรสุรา
ฤๅเทพท้าวด้าวใด



๏ ฤๅว่ายุพราชประไพ ประพาศมาใน
ป่าพลัดนิกรโยธา


๏ เห็นแต่สององค์นรา นเรศยุพา
ชรอยยุพินทรกุมาร


๏ อันมล้างยักษาให้ลาญ ชีพรอยภูบาล
ทั้งสองนี้หากรันทำ


๏ เราท่านทั้งหลายจะนำ โองการอันจำ
สมเด็จผู้เจ้าเรามา


๏ เขาไปแถลงแก่ราชา เยาวราชมหา
บรมบุตรกระษัตรีย์


๏ ทั้งสองพระองค์อันมี เดโชไชยศรี
นุภาพพ้นแดนดิน


๏ จึ่งหมู่มนตรีพลพฤนท์ ธามาตย์นรินทร์
ก็เข้าไปสู่สองกระษัตริย์


๏ ก้มเกล้าอ่อนโอนปฏิบัติ สรรเสริญศรีสวัส
ดิแล้วก็ทูลขอถาม


๏ ว่าท่านทั้งสองผู้งาม เช่นเชื้อพงศ์พราหมณ์
ฤๅว่าขัติโยวงศ์


๏ มานี้มีราชประสงค์ สิ่งใดโดยจง
อัญเชิญธกล่าวด้วยดี


๏ จึ่งพระพหลราชภูมี ฟังสารเสนี
ก็แย้มพระโอษฐกล่าวสนอง


๏ ว่าท่านทั้งหลายปูนปอง ถามตูทั้งสอง
ประโยชนด้วยสิ่งใด


๏ ใคร่รู้กิจนี้ด้วยใจ เองฤๅฤๅใคร
แลใช้มาถึงถามเรา


๏ เสนามาตยาเนืองเนา ก้มเกล้ากล่าวเกลา
ประนมประนตทูลสาร


๏ ว่าบัดนี้พระภูบาล ภูเบนทราธาร
พิภพจันบูรา


๏ อันเปนสวามินทรราชา นรวรมาตยา
ก็ใช้ผู้ข้ามนตรี


๏ เอารี้พลแสนเสนี มาหาผู้มี
นุภาพมล้างชนม์ยักษ์


๏ ถ้าพบสบภูมีศักดิ์ อาจให้ลาญทัก
อุทกแทตยทรุดโทรม


๏ ให้ตูข้าท่านมาโลม ลาเภสู่โสม
มนัศราชพิมาน


๏ จักแทนพระคุณอันผลาญ ยักษาสุรมาร
นิราศทุกขประชา


๏ โดยตูข้าเห็นฤทธา นุภาพนรา
นเรศทั้งสององค์


๏ มล้างแทตยอุทกโดยจง ขอเชิญยศยง
ทั้งสองสมเด็จเสด็จไป


๏ บัดนั้นพหลราชธไร ธรยากฤติไกร
ก็มีสุภาวาจก


๏ ซึ่งมล้างทุรแทตยอุทก อาจให้ยอยก
พระเกียรติยศฦๅขจร


๏ แต่พระอนุชาองค์อร องค์เดียวสู่สมร
สมรรถมล้างยักษา


๏ เราไซร้มิได้พาธา ทารุณมารา
อุทกชาติประทุษฐ


๏ แต่เราจักไปเพื่อนนุช ไมตรีตูสุด
สิเนหห่อนจากเจียร


๏ มาตยาทั้งหลายนำเนียร มลสองสู่เสถียร
นิเวศมณเฑียรวัง


๏ ทูลกิจคดียายยัง ได้โดยท่านหวัง
ประสบประสงค์ราชา ฯ


๑๑๏ บัดนั้นสมเด็จท้าว มคธราชมหา
มหิบาลภูดา ธิบดินทรเลงแล


๏ เห็นสองตไนยไวย วรภักตรคือแข
ขัดแข่งศศิแถง มุขเปรมอันสดใส


๏ เลงลักษณสองสรรพ สำหรับกระษัตริยมีใน
ทั่วองควิไลย ลักษณเลิศนิลาวรรณ


๏ เลงเครื่องประดับอง คยรรยงระยับพรรณ
แก้วเก้าประกิจกัน ประกอบกาญจนาภรณ์


๏ พรายพรายวิภูษิต พิจิตรลงกรณ์
อลงการสาธร อลงกฏพิภูษา


๏ เลงขรรคสองทรง ธำรงรักษรจนา
ยิ่งขรรคราชา ธรารักษธาษตรี


๏ เลงโฉมประโลมใจ ประไพภาคยสองศรี
สองสุรนี้มี ฤทธิพ้นห้าวหาญ


๏ เลงลักษณสองเสร็จ สมเด็จนารถภูบาล
ภูเบศวโรการ ปราไสสองสิเนหา


๏ ว่าเจ้าผู้พิริยภาพ ประสงค์ลาภสิ่งใดมา
แต่กรุงบุราธา นีใดจงแจ้งแจง


๏ เปนบุตรนัดดา ทวิชากระษัตริย์แถลง
ฤๅแพสยพึงแสดง ฤๅว่าสูทพงศ์พันธุ์


๏ จงเจ้าทั้งสองกล่าว วรวากยด้วยพลัน
เที่ยงแท้ทำนองอัน ประเสริฐสัตยวาที


๏ ครั้นพระพหลเทพ ฟังราชเสาวนี
แห่งท้าวมคธศรี สุวิบุลยราชา


๏ กล่าวสนองทำนองกล ยุบลราชปฤษณา
ว่าตูชะไมมา บมิพวกพลากร


๏ แต่พี่แลน้องฤๅ จะบอกวงศโสดร
ใครเลยจะเห็นอร อรรถกล่าวอันเที่ยงจริง


๏ เชิญท้าวธเพี้ยนพิศ จริตตูอันมาถึง
เลงลักษณทวดึงษ์ อันมีในดนูตู


๏ กิจนี้ก็จักแจ้ง ฤไทยในสมเด็จภู
ธรราชอันชู ยุติธรรมเพริศพราย


๏ ภูบาลธครั้นฟัง พจนราชอภิปราย
สัญญาก็มั่นหมาย ว่าสองสุริยวงศา


๏ จึ่งมีวโรรส พจนาถราชา
ถามสองกุมารา ยุพราชองค์อร


๏ ซึ่งมล้างอุทกราก ษษให้ม้วยมรณ์
พี่น้องทั้งสองรอน ฤๅว่าราญแต่เดียวใด


๏ จึ่งพระพหลเทพ ก็ทูลโดยดำเนียรใน
เมื่อถึงที่ร่มไทร อันพิศาลสาขา


๏ ตูข้าทั้งสองหยุด นุชนารถราชา
คาวีวิมลอา ดุรด้วยกระหายชล


๏ จึ่งจรตามผลู มูลมรรครอยคน
บมินานก็ลุดล มหาสระอันไพศาล


๏ ลุยลงจะจงตัก ชลยักษบันดาล
ครื้นเครงลเวงมาร ชลผุดผผกผัน


๏ รุกราญรวบรึงรัด พระนุชพัฒนด้วยพลัน
คาวีวิมลอัน สุรภาพปราบมาร


๏ ม้วยชีพด้วยขรร คธำรงคทรงธาร
ตระบัดก็ถึงสถาน ตูข้าอันอาไศรย


๏ ซึ่งมล้างชโลยักษ์ ประจักษ์ทั่วธราไลย
น้องข้าผู้เดียวใด แลบมีเปนถึงสอง ฯ


๑๕๏ มคธพจนปูนปอง ซึ่งจะแทนสนอง คุณาใน


๏ ตรุณวิบุลยมีไชย ชลยักษไกษย สรเสริญคุณ


๏ มหิทธิพิพิธอดุลย์ เดชสนองสุน ทราภาพ


๏ มนุษประทุษฐอันอาบ ทุกขแทรกทราบ ก็เสบย


๏ ศิขรศิขรินทรก่ายเกย เจ้าทั้งสองเผย อุราราษฎร์


๏ อมรนิกรจักสาธุ์ ธุการแต่อาตม์ สองสมร


๏ อนงคองคธิดาอร เราจักสวยมพร พระคาวี


๏ บวรบรมบุตรี เปนรางวัลศรี สุโรพล ฯ


๑๖๏ ส่วนพระคาวีนฤมล นฤมาลแกว่นกล
ประกอบคดีทูลทาน


๏ ว่าข้าผู้ยุพเภาพาล เปนนุชกุมาร
พหลราชนรินทร์


๏ ภักดีผู้ข้าโดยถวิล พี่เพี้ยงสวามินทร์
ทำนุกอำรุงผดุงผดา


๏ ข้าตั้งใจจงอาสา ศัตรูใดมา
กระทำวิบัติยายี


๏ เอาตัวทดแทนราวี ฤๅให้ถึงศรี
พหลราชพี่ตน


๏ เมื่อใดสุดสิ้นเสียสกนธ์ ม้วยภักดีดล
ประจักษ์ประจากเจียรกัน


๏ แม้ข้าทำชอบถึงพัน หมื่นแสนครามครัน
อนันตพ้นคณนา


๏ คุณนั้นได้แก่ราชา ผู้เปนเชษฐา
มหานราสวามี


๏ เรืองสิทธิเรืองศักดิเรืองศรี เรืองเกียรดิราชี
แลเรืองพระยศฦๅขจร


๏ ได้แก่เชษฐาภูธร ทาษากรรมกร
ดั่งฤๅจักปูนบำนาญ


๏ สิ่งนี้ขอเจ้าจอมปราณ ราโชพิจารณ์
ในพระราชฤๅไทย


๏ กรุงจันทบุราฟังไพ เราะหคำนุชไข
พหลพหูเสนหา


๏ จึ่งมีรศราชสุภา สิตสารกถา
อัมฤตยราโชงการ


๏ ว่าดูกรราชกุมาร กล่าวแกล้งแถลงสาร
ประเสริฐชอบทางธรรม์


๏ ไนยนี้ย่อมมีแต่บรรพ์ โบราณาอัน
ทำนุอำรุงเจษฎา


๏ สายสารแห่งเจ้าวัจนา นี้เราบัญชา
ก็จักประกอบการตาม


๏ ป่างนั้นท่านไท้ทรงนาม ธิเบศร์ชาญสนาม
มคธราชภูธร


๏ ก่อการพิธีสยมพร ธิดาดวงสมร
พหลราชกุมาร


๏ นักษัตรดิถีศุภวาร โยคเกณฑ์โดยสาร
วิวาหกล่าวศุภผล


๏ ลำดับสรรพการบัดดล บดีภูวมณฑล
ก็แต่งธิดาดวงจันทร์ ฯ


๑๑๏ ธิดาประดับสรรพ วรภุษณพรายพรรณ
แก้วเก้ากนกอัน รุจิเรขเรืองฉาย


๏ ภักตรากฤษดิศรี บริสุทธเปรมปราย
เปรมปรีดิเหมือนหมาย ศศิแจ่มในเวหา


๏ พระเกษยยับแยง คือแสงนิลนิลา
คิ้วค้อมลำเนาจา ปักธารก่งไก


๏ พระเนตรคือศร สมรราชยิ่งไกร
ใครเห็นก็พิศมัย รัญจวนจิตรจินต์จน


๏ ริมไรระเรียงเรียบ ระเบียบทิพยเกลากล
นาสาลำยองยล คือขอกามนิศกลง


๏ พระโอษฐเมื่อแย้มยิ้ม ใครเห็นปิ้มจะงวยงง
แสงทันตยับยง คือแสงไพรุแดงฉัน


๏ พระกรรณกัลยา ธราลักษณลาวรรณ
คางคอลอออัน อดิเรกโฉมฉาย


๏ ต้นแขนอันทรงพา หุรัดสวัสดิเพราพราย
เมื่อทอดพระกรกราย คือดังงวงพระไอยรา


๏ นิ้วนางนะแน่งนวย รทวยทิพยมณฑา
ผิวผ่องคือมุกดา บริสุทธแสงใส


๏ เลงแลอุรุศรี ฤดีดาลดูพิศมัย
คือฐานบันใน ศุขเสพย์เสวยรมย์


๏ ดวงนมอันครัดเคร่ง ตเต่งเต้าทั้งสองสม
แน่งนวยสลวยกลม ศุภสวัสดิไพบูลย์


๏ พิศเอวลำเภาเยาว์ พดีสุทธศรีสูร
สุดาอันสมบูรณ์ กชมาศบเทียมทัน


๏ เลงแลอุระศรี สุวิจิตรจาบัลย์
คือแสงฤดีอัน ลอองผ่องอนงค์ยง


๏ พิศพรรณชาณุ ดำรุรักษแจ่มจง
ใจจองจะปลดปลง ดลสบมโนใน


๏ พิศชงฆ์อันแน่งนวย รทวยทิพยเอาใจ
พิศโฉมอันเพ็ญไพ บุลยลักษณเลขา


๏ เลงลักษณธราสัพ พประดับณกายา
กาเยนทรพาลา สำนักศักดิสาวสวรรค์


๏ อาภรณ์พพรายแพร้ว มกุฏฺแก้วพพรายพรรณ
ภูษิตวิจิตรอัน ละจำรัสจำรูญเรือง


๏ เสด็จเหนือพระราเชน ทรยานกาญจนมลังเมลือง
สาวสนมนะแน่งเนือง ประดับดาษบริพาร


๏ วรราชบิดา อัญเชิญนารถนงคราญ
ศุภสวัสดิยังสถาน ธวิวาหโรงทอง


๏ จึ่งให้บรมหงส์ อภิพงศเศกสอง
ยุพราชโดยปอง ปาณิเคราะหเทพี


๏ แก่พระพหลราช ประสิทธิประสาทศรี
เสร็จการอันมี พิธีราชมงคล ฯ


  ๒๘๏ เมื่อนั้นคาวี
ยุพาราชี นบนิ้วนฤมล
กล่าวเกลี้ยงคำหวาน แก่พระพหล
กุมารชุมพล ผู้เปนเชษฐา


  ๏ สมพงศ์พระแก้ว
สมภารพระแล้ว เลิศล้ำโลกา
เชิญอยู่เสวยศุข ข้าข้อยขอลา
หล้าดงหงหา ถิ่นฐานบ้านเมือง


  ๏ บุญพระพี่เจ้า
ปกห่มร่มเกล้า ขอข้ารุ่งเรือง
ไปด้วยความชอบ อย่ามีความเคือง
ศุขานองเนือง อเนกไอสวรรย์


  ๏ พระฟังคำน้อง
ละห้อยในห้อง ละเหี่ยแดยัน
ด้วยจักพลัดพราก จากกันจาบัลย์
คิดแค้นแสนศัลย์ น้ำเนตรหลั่งไหล


  ๏ สร้วมกอดน้องแก้ว
เจ้าจากพี่แล้ว จะเห็นคนใด
ดุจพระกนิษฐ์ รักพี่พิศมัย
พิศวาศขาดใจ ซื่อซ้อมแสนทวี


  ๏ จักห้ามพระนุช
เกรงเกลือกบมิหยุด แค้นพระคาวี
พี่จักอวยพร แก่เจ้าจงมี
เดโชไชยศรี ดิเรกเหลือหลาย


  ๏ ครูเราประสิทธิ์
ประสาทชีวิตร ไว้ในแวงวาย
เจ้าเร่งประหยัด พระขรรค์ธทาย
น่องรักอย่าคลาย อย่าคลาศจากองค์


  ๏ พหลผู้ภูล
เกิดในกองกูณฑ์ ดาบศอันยง
จึ่งเอาโกมล ทั้งคู่โดยจง
มาแกล้งประสงค์ กทำธิษฐาน


  ๏ ถ้าเราทั้งสอง
ตั้งอยู่ในคลอง ความสัตย์ประทาน
เราอยู่ในธรรม โอฬาร์ธิการ
เชิญโลกบาล ท่านท้าวจงฟัง


  ๏ บัวดอกหนึ่งไซ้
พี่จักเอาไว้ โดยดังใจหวัง
ถ้าเจ้ามีทุกข์ ขุกข้องเคืองขัง
เหี่ยวแห้งหายรัง รศเร้าอับอาย


  ๏ ถ้าเจ้าเสวยสวัสดิ์
จงดอกปัวปัทม์ สดอยู่อย่าคลาย
กลิ่นเกลี้ยงเสาวคนธ์ นฤมลเปรมปราย
ดอกหนึ่งเจ้าหมาย รู้ข่าวพี่ยา


  ๏ เสร็จสองอธิษฐาน
คาวีกุมาร กระทำอำลา
เวียรไวสามรอบ แล้วจบบาทา
พระผู้เชษฐา ใส่เกล้าบังคม ฯ


๑๖๏ บัดนั้นพระผู้อุดม คาวีวรสม
บูรณด้วยฤทธิไกร


๏ จากจันทบุราคลาไคล เข้าดงพงไพร
ในที่ศิขรห้วยธาร


๏ เดินดงโดยดับวันวาร สัตตมาศประมาณ
ก็ลุนครกรุงไกร


๏ เมืองนั้นเกิดกาลประไลย ขุกเข็ญเปนไภย
พินาศสิ้นนรชน


๏ ท้าวไทเสนามุขมน ตรีหมู่รี้พล
แลพหลหญิงชาย


๏ เศร้าสูญชีวิตรวาตวาย เกิดความฉิบหาย
พินาศสิ้นทั้งเมือง


๏ ฝ่ายทรัพยากรนองเนือง เงินทองรองเรือง
พฟ้ธโภคสมบติ


๏ ผ้าผ่อนแพรพรรณนานัด เหลื้อมเหลื้อมแสงสัตร
บมีนิกรนรชน


๏ เมื่อนั้นคาวีนฤมล หยุดยั้งยืนฉงน
ก็คิดคำนึงไปมา


๏ ว่าเหตุอันใดนัครา นี้จึงโหดหา
มนุษย์บมีหญิงชาย


๏ ฉันใดจะแจ้งอภิปราย ไนยนี้โดยหมาย
วิบัติเกิดกลใด


๏ มากูจักจรเข้าไป ในมณฑิราไลย
ประเวศสู่เวียงวัง


๏ คิดแล้วบัดเดียวผาดผัง ลุดลโดยหวัง
ประสบประเสริฐเรือนทอง


๏ คาวีวรราชผันผยอง ขึ้นเข้าโดยปอง
ประเมิลประหม่ามณเฑียร


๏ เลงแลฉลุฉลักขบวนเขียน รายรัตนเกียรณ์
ประกิจประกับฉลักเฉลา


๏ แสงแก้วแกมกาญจนาเนา พรายพรายพัฬเหา
จำรูญจำรัสรามเรือง


๏ โภไคสวรรยานองเนือง แก้วเก้ามลังเมลือง
อเนกราไชสวรรย์


๏ เครื่องราชประโภคนานันต์ หลากหลากหลายพรรณ
สำหรับประดับเรือนหลวง


๏ ราชาพิศเพี้ยนในคลวง ในรัตนเรือนหลวง
บมีสุรางคนิกร


๏ สงบสงัดเสียงศัพท์อับศร แน่งนางอรชร
บมีบมานพานตา


๏ จึ่งเห็นกลองไชยราชา ไว้น่าเหมา
พิมลพิมานแมนผจง


๏ คาวีวรราชจำนง เอากรอันยง
กระทบกระทุ่มเภรี


๏ กลองไชยบมีเสียงสี หนาทโดยมี
เสนาะสนั่นครื้นเครง


๏ อับอายหายเสียงอลเวง คาวีวรเกรง
ก็คิดคำนึงเน่งนาน


๏ ฉงนฉงายใจพระภูบาล ใคร่รู้อาการ
ก็ทรงพระขรรค์ธทาย


๏ แหวะน่ากลองไชยเห็นสาย สมรพริ้งเพราพราย
พระภักตรแจ่มเพียงจันทร์


๏ คิ้วค้อมสมรคือเกาทัณฑ์ หม้ายม่ายเมียงมัน
ชำลักมลักลักแล


๏ นวลลอองผ่องภักตรคือแข ผาดผายปรวนแปร
ก็ออกมานบราชา ฯ


  ๒๘๏ บัดนั้นนรนารถ
คาวียุพราช เห็นแก้วกัลยา
อันทรงโฉมฉาย มีสารเสนหา
ว่าพระนุชมา เนาในเภรี


  ๏ เกิดเหตุอันใด
เชิญพระนุชไข โดยกิจอันมี
ให้พระพี่แจ้ง แค้นเคืองแห่งศรี
สุดากระษัตรีย์ มาอยู่เอองค์


  ๏ เมื่อนั้นนางน้อง
กล่าวเกลี้ยงคำพร้อง บอกกิจโดยจง
แถลงถวายแด่อาทิ์ ให้พระโฉมยง
ทราบกิจประสงค์ ใคร่รู้ราชา


  ๏ ข้าขอทูลพิท
จักแถลงโดยกิจ ทุกข์พ้นคณนา
ว่าในเมืองนี้ เปนราชภารา
พิศาลมหิมา ชื่อรมยนคร


  ๏ พระบิตุเรศ
แห่งข้าภูเบศร์ ทรงนามกร
ทาวมัทธราช มาดาองค์อร
นางแก้วเกสร เปนมิ่งมหิษี


  ๏ มีราชธิดา
องค์หนึ่งยุพา ยุพินทรนารี
ชื่อจันทรวรา ชาเยศบุตรี
บ่วงนางสาวศรี สี่หมื่นพระสนม


  ๏ ช้างม้ารี้พล
อเนกอนนต์ ถี่ถ้วนทุกกรม
นิกรมนตรี กระวีวรสม
ทวิชโยสดมภ์ นิคมเหลือหลาย


  ๏ เกิดการกระลื
กลัมพรมี อุบัติวอดวาย
มีนกอินทรีย์ ทั้งคู่ผันผาย
กินคนทั้งหลาย พินาศทั้งเมือง


  ๏ ไภยพ้นกำลัง
พวกพลทั่วทั้ง แผ่นภพแปลนเปลือง
นกเอาไปกิน ทุกวันนองเนือง
ราชาแค้นเคือง ด้วยไภยมหันต์


  ๏ ตัวข้าพระเจ้า
พระชนกเกิดเกล้า รักยิ่งชีวัน
ชีวาตมองค์ สมเด็จจอมธรรม์
ซึ่งไว้ในครรภ์ เภรีราชา


  ๏ พระวงศ์พระญาติ
พระบิตุราช ทั้งพระมาดา
นกเอาไปกิน สุดสิ้นวงศา
รี้พลโยธา สิ้นทั้งแผ่นดิน


  ๏ ตัวข้านี้ไซร้
รอดอยู่ด้วยได้ ไว้ในเภริน
จึ่งพบพระบาท เหมือนพบพระอินทร์
พระผู้บดินทร์ โปรดเกล้าเกษา ฯ


๑๖๏ คาวีวรราชผู้ปรา กฎเกียรดิ์ฤทธา
ก็ถามสุดาดวงจันทร์


๏ ว่าสกุณกายมหันต์ ยิ่งยักษาอัน
มาทำกลัมพรไภย


๏ บัดนี้อยู่ด้าวแดนใด มันจักมาใน
นครนี้ฤๅมี


๏ นางน้องสนองนาถด้วยดี ว่านกอินทรีย์
ครั้นเห็นธุมาพระเพลิง


๏ จักมาด้วยฤทธิ์แรงเริง กำลังมันเถกิง
ประมาณเจ็ดสิบช้างสาร


๏ ราชาได้ฟังอาการ เจ้าเร่งบันดาล
นิลาศให้เห็นควัน


๏ นางน้องสนองท้าวด้วยพลัน ดั่งฤๅจอมธรรม์
มาท้ามาทายมฤตยู


๏ ใครห่อนเอาเอื้องพุ่งภู เขาเท่าเมรู
บลื้นบหลอกหยอกการ


๏ แหนงเราเจ้าข้าอย่านาน จากมณเฑียรสถาน
ไปสู่วนาแดนดง


๏ เขาใหญ่ไพรกว้างซอกทรง เห็นพ้นไภยจง
ชีวิตรจะรอดคงคืน


๏ คาวีวรราชกล่าวฝืน คำนางนุชยืน
ประภาพกล่าวเกรียงไกร


๏ เรานี้มีเดโชไชย เดชะชาญใน
รณาภิมุขนั้นคือ


๏ ไกรสรสีหราชบรรฦๅ ผาดผลาญมฤคปือ
พินาศในอารญ


๏ ก่ายกองนองตายแจจล ฤทธิเรืองภุชพล
แลเจ้าอย่ากลัวสกุณา


๏ เราจักผาดผลาญปักษา ปักษีด้วยอา
นุภาพให้อรยล


๏ กล่าวแล้วกองกาษฐอนนต์ เปล่งเปลวอัมพล
ธุมาตระหลบคัคณานต์


๏ บัดนั้นปักษีสันนิษฐาน เห็นธุมาการ
ในรมยราชนคร


๏ สัญญาว่ามนุษยนิกร เหมือนยังไฟฟอน
สมรรถขึ้นเปนควัน


๏ สกุณาทั้งสองยืนยัน ถีบศีรขัณฑ์
สท้านเสทื้อนธรณินทร์


๏ กางปีกแถกถาโบยบิน เสียงศัพทนมดิน
ในรมยปัตครื้นเครง


๏ ยูงยางพานล้มหักเอง สรรพสัตว์กลัวเกรง
ก็ตกประหม่าบ่าใจ


๏ ซอกซอนเร้นในพงไพร พื้นคัคณาไลย
ชรอุ่มชรอํ่าอัมพร


๏ บัดนั้นชายาดวงสมร ซอนซบสยบอร
อนาถลืมสมประดี


๏ จึ่งพระวรราชคาวี ถอดขรรค์อันมี
ประภาพออกแกว่งไกว


๏ ขึ้นยืนเหนือแก้วเกยไชย อินทรีย์ตัวไกร
ก็เห็นยุพินทรราชา


๏ แถกถาลงด้วยสหัสา จิตรจงจินดา
จะคาบจะคั้นภูธร


๏ พระฟันด้วยขรรค์กับกร ขุกขาดคอมรณ์
มหาวิหคโดยจง


๏ สองตัวตายทับกันลง กองกูณฑ์กลางรงค์
คือดังภูเขาหลวงทลาย


๏ ราชาคืนสู่สมสาย สมรดวงเดียวดาย
อันสยบบรู้สึกองค์


๏ จึ่งเอาคนโทก็สรง พระภักตร์อนงค์
ก็ตื่นตระบัดบัดใจ


๏ แถลงกิจคดีมีใน สงครามมีไชย
ชเยศมล้างศัตรู


๏ มหันตวิหคริปู ล้มในสมรภูมิ์
แลเลือดก็ไหลเปนคลอง


๏ ลาญทักแลทักทั้งสอง เชิญเจ้าเสด็จปอง
ประโยชนไปเลงแล


๏ นางน้องได้ฟังปรวนแปร ทุกขม้วยในแด
ก็ดาลอมฤตยมาภูล


๏ พระเสด็จโยคย่างเยื้องยูร เอาอรอาดูร
ไปดูมหันตปักษี


๏ น้องท้าวท่านทอดทฤษดี เห็นกายอินทรีย์
อุบัติขาดกรรฐา


๏ ทั้งสองกองอยู่เสมอผา ท่าวล้มลงมา
ก็สู่ในพื้นภูวดล


๏ นางเอาพระเศียรซบซน กับบาทยุคล
บพิตรพระภรรดา


๏ สรรเสริญเจริญฤทธิราชา ธิราชมหา
คุโณตโมโอฬาร


๏ ข้าขอภักดีภูบาล เปนทาษกรรมการ
ไปกว่าจะสิ้นสุดสกนธ์ ฯ


๑๑๏ เสร็จกิจนั้นแล้ว นุชนารถพหล
เรืองฤทธิอัมพล ฤๅษีสฤษดิกลางกุณฑ์


๏ สมศุขด้วยนาง ศุภสวัสดิใสสุน
ทรภาพไพบูลย์ อดุลยราชราชา


๏ ในเหมปราสาท วรอาศนอาภา
อาโภคราชา จำนงเนาบคลาศรี


๏ แต่สองพระองค์ยง อดิเรกราชี
ราชาแลเทพี ศุขสวัสดิชื่นบาน


๏ วันหนึ่งทิวากร รวิจรจากสถาน
ราศีคือสงกรานต์ นิยมมาศโดยกรม


๏ เบื้องบั้นกุมารา ยุพาภาพปรารมภ์
ใคร่สนานนทีชม ก็ชวนราชชายา


๏ ว่าเจ้าจงแต่งสรร พสุคันธคนธา
คนธ์เทศบุษบา จะสนานสระเกษี


๏ ขันทองระรองแก้ว วชิรัตนโสภี
ใส่เครื่องภิเศกศรี มุรธารบรรจง


๏ คาวินทรราชา แลธิดาอันโฉมยง
เสด็จด้วยวิมลบง กชบาทบัดเดียว


๏ ดลเดียรถชลา ชลไหลก็กลมเกลียว
สายน้ำอันลดเลี้ยว แลรลอกเลือนผกา


๏ สองลงดำกลเกษ สุคนธ์เทศธารทา
พระเกษเกษา ก็ทรสายทรสรงสนาน


๏ เกษีสินีนาง นุชนารถนงคราญ
หลุ้ยหล่นก็บันดาล ศิโรทกโสรจสรง


๏ กลิ่นเกลี้ยงสุคนธา ทิพยรศยิ่งยง
กว่ากลิ่นกระบอกบง กชเกษเอาใจ


๏ เอาใส่ยังวรโกษฐ์ มณิโชติแสงใส
แล้วลอยชลาไลย สุดกระบัตรเสด็จคืน


๏ ยังรัตนมณเฑียร สุรสถานอยู่ยืน
ยาวยืดก็หึงหืน ศุขสวัสดิสองสมร ฯ




๑๖๏ โกษฐแก้วเกษาองค์อร ลอยล่องสาคร
ก็ถึงบุรีกรุงไกร


๏ เมืองนั้นชื่อพัทธพิไสย พิเศษโภไคย
พิพิธราชสมบัติ


๏ ช้างม้ารี้พลรถรัตน์ นาเนกสามรรถ
ด้วยหมู่พหลโยธา


๏ นรนารถอันเป็นราชา ธิราชสมญา
พระนามยศภูมี


๏ วันหนึ่งลงสรงวารี ดลเดียรถนที
ประพาศสายสาคร


๏ เห็นรัตนโชติบวร คล้ายคล้ายคลอนคลอน
ก็ตามกระแสชลธี


๏ มาไกลเยียใกล้ภูมี ศวรราชบดี
ก็ได้ผะอบพรายเพรา


๏ อันใส่เกษแก้วนงเยาว์ เผยกลิ่นเกลี้ยงเสา
วคนธตระหลบเอาใจ


๏ ซับซาบเข้าในพระไทย ท้าวดาลพิศมัย
ด้วยเกษแก้วกัลยา


๏ ท้าวเร่งรำพึงไปมา เหมือนมีชายา
ประเสริฐเทียรทรงลักษณ์


๏ เบญจางคธิดาทรงศักดิ์ สถิตย์เสถียรพัก
ในทิศฝ่ายเหนือชล


๏ คิดพลางเสด็จสู่พระมณ เฑียรแก้วแกมกล
กนกเก้าสิ่งผสาน


๏ จึ่งมีรศราโชงการ แก่ผู้รับภาร
อมาตยพระภูธร


๏ ให้ป่าวจงทั่วพระนคร นิคมจงจร
จังหวัดบุรีมณฑล


๏ ถ้าใครไปได้นฤมล นางหนึ่งเหนือชล
อันมีจุธากลิ่นเกลา


๏ เกษารวยรศรังเอา ใจจรุงอันเกา
ประเสริฐสุคนธตระหลบ


๏ มาถวายเราโดยปรารภ จักแบ่งแผ่นภพ
ประมาณภาครางวัล


๏ เสนามาตยาคั่งคัล ตกแต่งด้วยพลัน
คดีสมเด็จตรัสไตร


๏ ครั้นราชบุรุษป่าวไป หญิงแก่หนึ่งใน
นครนั้นซั้นขาน


๏ ว่าข้าขอรับนงคราญ อันมีเกษปาน
สุคนธนั้นมาถวาย


๏ ขอเรือลำหนึ่งคนพาย ไปถึงเมืองหมาย
อันชื่อว่ารมยธานี


๏ ท้าวไทแต่งให้ด้วยดี จึ่งพฤฒินารี
ก็ไปสำนักอนุกรม


๏ ยังทางวันหนึ่งถึงรมย์ ธานีอันจม
พิบัติเบียนบีฑา


๏ จึ่งไว้ผู้คนเรือชา หญิงเดียวจรมา
ก็ถึงนครเวียงวัง


๏ เห็นจันทรธิดาโดยหวัง เปนสององค์ทั้ง
กุมารเหมือนสวามี


๏ แต่สองสมสองกระษัตรีย์ จึ่งพฤฒินารี
ก็เข้าไปนบนงคราญ


๏ โหยไห้รํ่ารักเยาวมาลย์ รํ่าไรประปราณ
พิลาปพิไลยโศกศัลย์


๏ ข้านี้รักษาสวนขวัญ เก็บบุษบาบัน
สุคนธเด็ดกรองถวาย


๏ เมื่อกาลวิบัตินั้นยาย มาลาคลาศคลาย
นิราศประจากเจียรไกล


๏ ซัดไปยังพัทธพิไสย นางน้องนึกใน
ว่ามาสุภาพด้วยดี


๏ ชายาชื่นชมเปรมปรีดิ์ ด้วยเห็นทาษี
อันมาประสบพบกัน


๏ ส่วนเถ้ามาลากำนัล รำพึงใฝ่ฝัน
ฉันใดจะได้นงคราญ


๏ มันคิดจำนงจงผลาญ พระราชกุมาร
อยู่ทุกทิวาราตรี


๏ มันพิศพระกายคาวี หาผิดอันมี
ประหงิดประงอนราชา


๏ แต่เกล้าเท่าถึงบาทา เห็นทรงขรรคา
แลขัดพระองค์บวาง


๏ นอนนั่งสรงเสวยสำอาง ท่านท้าวบบิวาง
พระไทยนั้นมั่นคง


๏ บมิละพระขรรค์ไกลองค์ ขรรคารุธทรง
ดั่งนี้กูดูอัศจรรย์


๏ มันลอบทูลถามพระอรรค์ มหิษีด้วยพลัน
คือคุยห์รหัศราชา


๏ ส่วนพระมหิษีชายา ไป่แจ้งอรรถา
นุสนธิ์ที่กลภูบาล


๏ ทาษีสอนสวัสดิเภาพาล ให้ถามอาการ
จงแจ้งคดีอันฉงน


๏ ครั้นถึงเวลาเสด็จดล ยังพระเขนยขนน
สำเริงสำราญนิทรา


๏ แท่นทองเรืองรองรจนา แก้วเก้าอาภา
พิจิตรจันทรพิมาน


๏ ม่านแพรพแพร้วพิดาน ดัดดาษดวงมาลย์
อันพรายด้วยรัตนมณี


๏ พรายพรายฉายจันทรรูจี ดารกแสงศรี
มลักมลากมลังเมลือง


๏ ยับยับยงยงรุ่งเรือง ช่วงโชติประเทือง
ประดับจำรัสชัชวาลย์


๏ รวยรวยกลิ่นเกลัาเยาวมาลย์ กลั้วกลิ่นภูบาล
ตระหลบตระเล้าเอาใจ


๏ สองสมสมศุขเนืองใน ปรางค์แก้วแพร้วใส
ประดับประดิษฐชิดชน


๏ ชมช่อรศเร้าโกมล เบิกบานแบ่งคน
ธกลิ่นตระหลบจรุงใจ


๏ ดอกดวงปยุธไข กลิ่นเกลี้ยงเกลาใจ
ตระบอกตระบันบรรจฐรณ์


๏ เบญภูลอัมฤตยเอมอร เอมโอษฐศรีสมร
สมรรถในองค์อวร


๏ ยิ้มยิ้มแย้มแย้มเสสรวล สองสวัสดิเยียยวล
บรรธมบันทับกับองค์


๏ หันหื่นชื่นชมบุษบง กชกามอนงค์
อเนกโยคยำยาม


๏ เสร็จสองสังวาศภิราม น้องท้าวทูลถาม
บพิตรพระภรรดา


๏ เยียใดพระขรรค์ราชา ติดองค์นรา
ธิเบศรอยู่นิจกาล


๏ พระฟังคำน้องนงคราญ ทูลถามอาการ
สุขุมอรรถกำบัง


๏ ตริตรองพระไทยน่าหลัง สิ่งนี้โดยหวัง
จะบอกบควรควรอำ


๏ น้องท้าววิงวอนทูลทำ ทุกขทิ้งเกษกำ
พระหัดถรุมรันทรวง


๏ ทรงพระกรรแสงรลวง ลุงลานแดดวง
พระอุระซํ้าหมองหมาย


๏ ยุพราชครั้นเห็นโฉมฉาย แปรปรวนกวนกาย
แลทรงพระโศกแสนสยบ


๏ แดดาลดิ้นเดาเท่าทบ พระภักตร์ซอนซบ
สรอื้นสรเอื้อนประปราณ


๏ พระกรตระกองเยาวมาลย์ โลมลาเภพาล
กำโบลพระจุมพิต


๏ ว่าเจ้าอย่าแค้นเคืองคิด พิโรธจริต
รอย่าพิกลชวนชัง


๏ จักบอกอาการโดยหวัง เชิญเจ้าเร่งฟัง
ยุบลอรรถอันมี


๏ วันหนึ่งเราสองกระษัตรีย์ เชษฐาธิบดี
แลเราผู้เปนอนุชา


๏ เสด็จไปชมพนอาทวา อารัญวนา
มหาศีขรหลวงหลาย


๏ พบพระดาบศเพริศพราย อยู่อัจนาราย
ภิเนษเกล้าภพไตร


๏ อันเปนอัษฎาวาไศรย เอานฤพานใน
พระบาทผู้รังรักษ์


๏ เอาอรรคนิโหตรสำนัก พรหมโหติรศักดิ์
วรุทธิโชติชัชวาล


๏ เราทั้งสองถวายอุปทาน คือวันทนาการ
ประนตถ้วนอัษฎางค์


๏ ท่านไทเห็นตูบมิวาง ก้มเกล้าอุตมางค์
ธมีพระไทยกรุณา


๏ อวยสวัสดิอวยพรชยา ชเยศมหา
มหิทธิสมรรถภูมี


๏ แล้วสฤษดิพระขรรค์ไชยศรี สองเล่มวัชรี
คในศิขานลนาถ


๏ จึ่งเอาพระขรรค์ประสาท แก่เราสองราช
ให้เปนธำรงเรืองฤทธิ์


๏ แล้วท่านฝากฝังชีวิตร เราทั้งสองสถิตย์
ในขรรคธารธำรง


๏ ว่าถ้าศัตรูยศยง มล้างตูสององค์
บห่อนจะม้วยเมือมรณ์


๏ เมื่อใดได้ขรรคบวร นี้ใส่ไฟฟอน
จึ่งจักพินาศวายชนม์


๏ คือดาบเล่มนี้นฤมล จึ่งไว้กับตน
บคลาบคลาดอาตมา


๏ กิจนี้สุขุมหนักหนา เรียมบอกชีวา
ชีวาตมให้อรฟัง ฯ


  ๒๘๏ แจ่มจันทรธิดา
สดับคำพี่ยา บอกกิจกำบัง
ยิ้มแย้มประนต ประนมไหว้หวัง
เสน่หารึงรัง บมีราคี


  ๏ ตั้งใจประดิพัทธ
ภักดีเดียวทัด แทนคุณสวามี
พระไทยบพราย แพร่งกึ่งเกษี
ซื่อซ้อมแสนทวี โดยสัตยธรรม์


  ๏ ช่วงบ้ามุกบาป
ทาษีใจหยาบ มันจึ่งผายผัน
แฝงคอยราชา เห็นจากเจียรจรัล
เสด็จชมสวนขวัญ ลอบลูชาเยนทร์


  ๏ มันจึ่งทูลถาม
กล้องแกล้งเกลากาม ด้วยกิจนเรนทร์
พระอรสุภาพ บอกกิจราเชนทร์
มันฟังว่าเจนทร์ ชรายินดี


  ๏ มันคิดแม่นแล้ว
วันหนึ่งนบแก้ว ธิเบศร์คาวี
ว่าพระเสร็จมล้าง วิหคอรี
บนเกยไชยศรี ลุแล้วมีไชย


  ๏ จักฦๅพระเดช
ไปทั่วทุกประเทศ ทุกท้าวทุกไท
พระยศเซงซ่าน พระเกียรดิพระไกร
กว่ากระษัตริย์มีใน แห่งห้องชมพู


  ๏ ระบับระบิน
ระบอกภูมินทร์ ย่อมราชครู
ทำสงครามมา ภิเศกดนู
ดไนยโดยบู ราณราชวิธี


  ๏ การใหญ่ยกไว้
ขอทำตามได้ สังเขปโดยมี
แต่อย่าให้เสีย ราชประเวณี
ขึ้นเกยไชยศรี มุรธาสรงสนาน


  ๏ บัดนั้นราชา
ได้ฟังมาลา ยินชอบขอบการ
บรู้ว่ามัน กล่าวแกล้งจงผลาญ
พระองค์ให้ลาญ ชีพม้วยเมือมรณ์


  ๏ ครั้นได้ศุภวาร
พระราชกุมาร กับนางองค์อร
เสด็จขึ้นเกยมาศ ทาษีเกลากร
แบกคันธกำจร โดยเสด็จกระษัตรีย์


  ๏ พระเปลื้องภูษา
ภูษิตโสภา สร้อยสอิ้งโสภี
สังวาลอร่าม รุ่งเรืองรัศมี
มกุฏกระษัตรีย์ ออกจากพระองค์


  ๏ จึ่งสรงมุรธา
อภิเศกา พระเกษอันผจง
ตระหลบกลิ่นเกลา รศเร้าอลง
กฎด้วยบุษบง กชกลิ่นเอาใจ


  ๏ ทาษีผู้เถ้า
มันคอยเคี้ยมเข้า สีบาทจอมไตร
มันนบนอบทูล ว่าพระขรรค์ไชย
กีดองค์ประไพ เมื่อทรงพระสุคนธ์


  ๏ ข้าพระเจ้าขอ
แบกไว้พึงพอ กว่าเสร็จสรงชล
เมื่อจะเป็นเหตุ พระผู้นฤมล
ยื่นดาบเพ็ชรพล ให้แก่มาลา


  ๏ ส่วนน้องท้าวทรง
น้ำอบโสรจสรง สมเด็จพี่ยา
ทาษีได้ดาบ ผังผาดคลาศคลา
ใส่ไฟโดยปรา รภลุยินดี ฯ


๑๑๏ เมื่อนั้นพระนรินทร์ ธิบดินทรคาวี
ท้าวล้มก็สิ้นชี พิตรม้วยบมีปราณ


๏ น้องท้าวธครั้นเห็น กิจนั้นตระดกดาล
สยบซบลลุงลาน จิตรตกประหม่าใจ


๏ หายด้วยพระพี่ยา คือจะม้วยพิราไลย
กอดบาทร่ำไร ก็เสนาะทั้งเทพา


๏ ทาษีก็อุ้มเอา วรราชราชา
ลงจากสุวรรณา รัตนราชเรือนทอง


๏ พระแม่อย่าโศกา มลให้พระไทยหมอง
ร้องไห้แลเลือดนอง ไนยนามพุใครเห็น


๏ ภรรดาบพิตรม้วย แลจะหาผู้ใดเปน
เพื่อนพระอย่าลำเคญ แลมาโศกอยู่เดียวดาย


๏ แต่เราทั้งสองหญิง แลจะอยู่บมีชาย
เพื่อนพร้องจะผันผาย แลจะสู่ที่มีคน


๏ พระจันทรธิดา บมิรู้ว่าเปนกล
บัญชาก็ยินยล พฤฒินั้นก็พาไป


๏ ครั้นถึงที่พวกพรร คก็รับธิดาไคล
คลาเรือตระบัดใจ บมินานก็ลุดล


๏ ถึงเมืองอันชื่อพัท ธพิไสยมณฑล
ท้าวภูธราดล ธก็ให้ประกอบการ


๏ รับราชเทวี อรองคเยาวมาลย์
ขึ้นรัตนไพศาล พิจิตรเรือนรมย์


๏ สมใจสมเด็จท้าว ยศภูมิชื่นชม
นั่งแนบจะหวังสม เสน่หด้วยพระอรอร


๏ ด้วยเดชะบุญนาง รัศมิเปล่งคือไฟฟอน
ร้อนองคภูธร คือดั่งเพลิงมาเผาผลาญ


๏ แต่นั้นจะเขาใกล้ อรองคเยาวมาลย์
บได้ก็เดือดดาล ฤไทยโศกเสนหา ฯ


๑๖๏ จึ่งบัวธิษฐานราชา ราเชนทรยุพา
ยุพินทรคาวี


๏ ก็เหี่ยวแห้งอับอายหายศรี พหลราชี
ก็ร้อนฤทัยจินดา


๏ ว่าชรอยน้องกูผู้คา วีม้วยมรณา
แลจึ่งกุสุมภ์ให้ลาง


๏ คือไฟลนลุกในกลาง แดเดือดใจจาง
บรู้กี่โศกขุกเข็ญ


๏ จึ่งไปทูลทุกขลำเค็ญ แต่ท้าวผู้เปน
พระบิตุเรศราชา


๏ ว่าข้าพระบาทขอลา พระองค์ไปหา
อนุชพระคาวี


๏ จึ่งท้าวมคธกระษัตรีย์ ฟังสารเสาวนี
พหลปรับทุกข์ทน


๏ ว่าเราจะให้เรียบพล เสนาสามนต์
แลรถรัตนอัศวา


๏ จงเจ้ากรีธายาตรา ไปหาอนุชา
จงแจ้งคดีหม่นหมอง


๏ จึ่งพระพหลทูลสนอง ว่าพระเจ้าปอง
ประสาทหมู่จัตุรงค์


๏ พระคุณล้นเกล้ายิ่งยง ไป่แจ้งใจจง
พระนุชสถิตย์สถานใด


๏ แต่ข้าผูเดียวขอไป ด้วยสัตยคลาไคล
แลจึ่งจะพบพระคาวี


๏ ราชาฟังสารวาที หพลภูมี
ประภาพทูลแถลงสาร


๏ จึ่งมีรศราโชงการ ว่าเราประมาณ
ฤไทยตามภูธร


๏ พหลราชบังคมเจียรจร สู่นุชองค์อร
ก็สั่งสุดาเทพี


๏ แล้วเสด็จออกจากพระบุรี ตั้งสัตยวาที
ประนมประนตเทพา


๏ ถ้าข้ามีจิตรจินดา ชื่อซ้อมเสนหา
บสุดบส่างใจรัก


๏ แต่พระคาวีนงลักษณ์ ขอเทพาชัก
ไปพบประสบโดยจง


๏ เปนตายจงให้เห็นองค์ น้องกูผู้ยง
อันมีฤไทยภักดี


๏ กล่าวแล้วท่านท้าวเสด็จลี ลาโดยพงพี
ประมาณเจ็ดวันวาร


๏ ถึงรมยนครไพศาล ทางเจ็ดเดือนดาล
ก็แปรมาเปนเจ็ดวัน


๏ ด้วยเดชะพหลครามครัน อยู่ในสัตยธรรม์
แลเทพผ่อนทางเทา


๏ พระเข้าหานุชโดยเดา ในเมืองฉุกเฉา
พิโยคร้างศรีสวัสดิ์


๏ บมิพบน้องแก้วแก่นกระกษัตริย์ จึ่งจรยังรัตน
พิจิตรจันทรพิมาน


๏ ขึ้นเข้าในมณเฑียรสถาน เปล่าปลอดมิพาน
บมิพบพระนุชอดูร


๏ จึ่งขึ้นเรือนไชยชื่อสูรย์ พิมานจรัสจรูญ
พิพิธพรรณพรรณา


๏ บมิพบน้องนารถนรา จึ่งเสด็จลีลา
ยังเกยลำงาดบวร


๏ ผาดเห็นคาวีแน่งนอน อนาถม้วยมรณ์
ชีพิตรสิ้นสุดปราณ


๏ พระท้าวล้มลงบมินาน เหนือนุชเภาพาล
ก็กอดพิลาปรํ่าไร


๏ กำสรดกรรแสงพิศมัย พิศวาศขาดใจ
แลเพียงจะสิ้นสุดสกนธ์ ฯ


๒๘๏ พี่มาหาเจ้า
เยียใดสร้อยเศร้า หลับอยู่บยล
บเผยพระโอษฐ์ กล่าวเกลี้ยงเกลากล
รศคำอำพน ด้วยพี่บ้างรา


๏ ให้พี่ชื่นชม
สระสว่างอารมณ์ ฤไทยโศกา
ฤๅว่าแค้นเคือง พระไทยราชา
จึ่งมามรณา ในเมืองดรธารณ์


๏ เจ้ามาสูญหาย
วายชีพเดียวดาย บรู้อาการ
ตายอยู่คนเดียว ดุจคนสามาญ
ให้พี่เลวลาญ อกเปล่าอาดูร


๏ อกพี่จะคราก
โอ้อ้าลำบาก ด้วยเจ้ามาสูญ
ใจแก่พี่ได้ ให้พี่เร่งภูล
ทุกขามามูล เพียงสิ้นสุดปราณ
ร้องไห้ร้องหา ร้องเรียกราชา
เสนาะสนั่น เดือดดั้นแดดาล
เทวาทุกสถาน ฤๅกลั้นกระแสง


๏ ระทดระทวย
ระลุงระลวย คระโหยโรยแรง
ยะยับยะยับ ดุจปลาตีแปลง
อกชํ้ากํ่าแดง นํ้าตาลามไหล


๏ จึ่งพระพหล
เปลื้องปลิดทุกข์ทน หาพระขรรค์ไชย
สำหรับน้องแก้ว บเห็นเนาใน
กับองค์อาไลย ไปหาพระขรรค์


๏ ผาดเห็นจมเท่า
ในกองเพลิงเก่า อับอายหายพรรณ
พระจึ่งชื่นชม หยิบเอาด้วยพลัน
สรงด้วยชลจันทน์ ชำระมลทิน


๏ รัศมีจึ่งเปล่ง
ดุจจันทร์เที่ยงเคร่ง รวิระวินทร์
พระจึ่งเอาวาง ลงเหนือกายิน
พระนุชคาวินทร์ ได้ชีวาตมา


๏ ลุกขึ้นกราบเกล้า
พระพี่ยาเจ้า สร้วมกอดอนุชา
สองทรงกรรแสง แครงครวญไปมา
เสร็จสร่างโศกา ชื่นชมยินดี


๏ จึ่งพระพี่พร้อง
ถามกิจพระน้อง แต่มูลคดี
เชิญเจ้าเร่งกล่าว โดยเหตุอันมี
บัดนั้นคาวี ทูลแด่ราชา


๏ จึ่งพระนุชแถลง
คือความนั้นแจ้ง สรรพสิ่งมาตรา
แต่มูลคดี ตามมีหลังมา
ให้พระเชษฐา ทราบสิ้นสรรพสรรพ์


๏ บัดนี้ทาษี
กับนางกระษัตรีย์ หายไปด้วยกัน
พระคุณพระเจ้า มาโปรดด้วยพลัน
จึ่งรอดชีวัน ชีวาตมคืน


๏ พระคุณล้นฟ้า
ล้นดินแหล่งหล้า พิภพแผ่นผืน
ขอตั้งภักดี ชีวิตรยาวยืน
บมีใจฝืน จากพระบาทา ฯ


๑๑๏ เมื่อนั้นพระหลราช นรินทรราชา
ฟังลักษณสารา นุชนารถแถลงถวาย


๏ จึ่งกล่าวว่ากระสัตรี พฤฒินั้นมันโทบาย
มาหากจะเอาสาย สมรเจ้ากูปลิดไป


๏ แลมันมาทำเข็ญ พระนุชให้พิราไลย
ควรเราจะรีบไป และจะตามเอานงคราญ


๏ คิดแล้วพหลราช คาวีก็จากสถาน
ที่อยู่ก็ชื่นบาน แลลีลาก็คลาไคล


๏ บามบทระทวยทาง ดำเนินนางทั้งสองไป
ดลฝั่งชลาไลย ตระบัดบทรอยหาย


๏ สองคิดคำนึงใน กมลจิตรปลาศคลาย
สัญญาก็มั่นหมาย ชรอยเรือมารับเอา


๏ จึ่งมาแลสุดรอย กระแสชลเซาะเซรา
จักตามติดลำเนา สถลมารคแนวธาร


๏ คิดแล้วทั้งสองเสด็จ ดำเนินนาดตระบัดกาล
นั้นไปมิทันนาน ธก็ลุยังกรุงไกร


๏ คือเมืองสมเด็จท้าว ยศภูมิภูวไนย
ยกนารถอันไพ บูลยด้วยมไหสวรรย์


๏ ราชาทั้งสองแปร วรเพศด้วยพลัน
เปนทวิขนักธรร มะประเสริฐเสี่ยมสาร


๏ จึ่งเข้าในเมืองพัท ธพิไสยโอฬาร
ฟังอึงกฤดาการ นรชนวาที


๏ ว่าพระผู้เปนเจ้า มหิบาลธาษตรี
ได้ราชเทวี วรเกษกลิ่นขจร


๏ มาแล้วจะต้ององ คธิดาอันองค์อร
มิได้คือไฟฟอน ลุกลามไหม้บใกล้กราย


๏ ธทรงพระโศกา ดูรอยู่บวางวาย
ใครเลยจะโลมสาย สมรให้มายินดี


๏ ด้วยพระผู้เปนปิ่น ภพโลกยโมลี
ให้เสวยภิรมย์ปรีดิ์ ด้วยนาฏนฤมล


๏ สองท้าวธได้สดับ พจนานุคำคน
ทั้งหลายก็แยงยล ธก็แจ้งมโนใน


๏ ว่าท้าวยศภูมี บดีราชแต่งไป
ลักนางอันไฉไล วรจันทรชายา


๏ มาไว้มิได้ต้อง ศุขเสพยกรีธา
ด้วยเดชกัลยา ปฏิพัทธยิ่งยง


๏ เมื่อนั้นพหลราช ธก็แปลงพระองค์ทรง
ดาบศอันยง ฤทธิกุณชฎาธาร ฯ


๑๖๏ ฝ่ายท้าวยศภูมีบาล ครวญคิดกิจการ
จะสมธิดาด้วยพลัน


๏ ว่านางหนุ่มหน้าพรายพรรณ งามเงื่อนแจ่มจันทร์
ลออลอองอรองค์


๏ กูไซ้เถ้าพอกหงอกหลง พฤฒางวยงง
แลจึ่งบสบใจนาง


๏ ใคร่หานักสิทธิอุตมางค์ อันรู้เพทางค์
ประเสริฐประสิทธิวิทยา


๏ ทำให้เปนเยาวราชา เยาวรูปนรา
ธิราชเฉิดโฉมฉาย


๏ จึ่งนางจักสบใจหมาย รักร่วมฤๅคลาย
บห่างบแหหฤหรรษ์


๏ คิดแล้วบัดเดี๋ยวด้วยพลัน หามนตรีอัน
อธิกผู้รับภาร


๏ มาสั่งตรัสตริตรองสาร ซึ่งคิดเห็นการ
อันนางจะสบพระองค์


๏ ให้ตีฆ้องไชยป่าวจง ทั่วท้องเวียงวง
มหานครนอกใน


๏ ว่าถ้านักสิทธิผู้ใด รู้สฤษดิจอมไกร
บพิตรผู้พฤฒิองค์


๏ ให้เปนเยาวรูปอันทรง สุนทรวรองค์
ให้เยาวถ้วนทุกประการ


๏ จักแบ่งไอสูรย์ศฤงฆาร กึ่งภพพิศาล
ให้เปนพระราชรางวัล


๏ มนตรีตกแต่งด้วยพลัน ดุจท้าวไทอัน
ธมีกำหนดกฎหมาย


๏ จึ่งหมู่เสวกทั้งหลาย บ่าวไปใกล้กลาย
กุฏิพหลดาบศ


๏ ท่านไทผาดผายพระพจ จนาดถ์รังรศ
อัมฤตยนั้นซั้นขาน


๏ ว่านักสิทธิสรบสานดิ์ เพทางคประการ
ประกรณจบสบศิลป์


๏ จักสฤษดิสมเด็จภูมินทร์ เปนเยาวราชินทร์
ประดุจพระไทยใฝ่ฝัน


๏ เสนาผู้ไปคืนคัล ทูลกิจด้วยพลัน
คดีอันพบดาบศ


๏ ราชาได้ฟังใสสด ภักตร์คือบงกช
ตระบอกตระบันเบิกบาน


๏ สั่งให้รับสิทธาจารย์ นั้นมาในสถาน
รหัษรโหโสภี


๏ ส่วนพระวรราชคาวี ซ่อนกายินทรีย์
บให้ผู้ใดเห็นองค์


๏ ปางนั้นพหลราชอันทรง วรเทพอลง
กฏนักสิทธิโสภา


๏ เสด็จสู่มณเฑียรราชา เชิญขึ้นอาภา
พิจิตรแท่นทองพราย


๏ ภูเบศร์ยิ้มแย้มแล้วผาย พระโอษฐเปรมปราย
สุรศกล่าวปราไส


๏ ดูราพระดาบศธไร ธรยากฤติยไกร
ประภาษโพธิเสี่ยมสาร


๏ เสร็จแล้วจึ่งบอกอาการ จงท่านเอาภาร
เร่งประกอบกิจเรา


๏ ให้เปนเยาวรูปอันเปลา เปล่งปานคือเฉลา
อันเฉลิมประโลมใจคน


๏ จักแบ่งแผ่นภพมณฑล มณเฑียรถกล
กนกแก้วแกมทอง


๏ โภไคสวรรยาเรืองรอง แน่งนางเนืองนอง
กำหนดกำนัลนานา


๏ ไหยรถคชพลโยธา เสนามาตยา
อันมีในกรุงพระนคร


๏ ให้กึ่งแก่ท่านผู้สร ผู้สฤษดิบวร
ยุพายุภาพแก่เรา ฯ


๑๒๏ กัษนั้นพระฤๅษี ธก็มีรสเสา
วนิตอบพจเนา คืออมฤตยบันดาล


๏ ว่าบพิตรอย่าร้อน หฤไทยจงบาน
จะสฤษดิบนาน ยุพองคอดูลย์


๏ ธจงตรัสกิจแต่ง มฤดิการกรกูณฑ์
จัตุหัศถวิลบูลย์ จตุรัศวิศาล


๏ ศับตหัษฐอันฦกษ์ วรกุณฑประมาณ
ศุภกาษฐตระการ รศมฤตยทธี


๏ กษีรสุทธมฤธู บุษปลาชรูจี
เบญจยัชหุดี แลสมิทธิพิมล


๏ คือแลสิ่งแลมีพัน แลประเสริฐสุคนธ์
รศโอษฐคือผล พฤกษอันมฤธูรา


๏ รัตนฉัตรวิสุทธ ธุชทองมหิมา
นุประดับโดรณา แลอจลจงมี


๏ รุจีเรขคือโรง รัตนราชพิธี
ศรีลักษณรูจี แลพิจิตรอจินต์


๏ วรเหมพิดาน พรรณรายอภิสิญ
จะภิเศกนรินทร์ จะสฤษดิพระองค์


๏ พัสตรแพรพรรณราย คือว่าม่านอันอลง
กฏกั้นแลบรรจง สัตตชั้นก็อย่าคลา


๏ วรองคจงแต่ง ดุจเราวัจนา
คือมหิทธิมหา กิจราชพิธี ฯ


๑๔๏ เมื่อนั้นสมเด็จบพิตรท้าว ยศภูมิราชี
ได้ฟังพระดาบศอันมี วรวากย์แถลงสาร


๏ ท่านให้บำรุงกิจดังนั้น บมินานก็เสร็จการ
ในวันอันเปนวิสุทธวาร อดิเรกมงคล


๏ จึ่งท้าวธใช้วรบุรุษ ทั้งหลายไปเผดียงดล
เชิญพระฤษีสิทธิอำพน วรโยคคลาไคล


๏ ส่วนว่าพระดาบศผู้ทรง คุณคามพิรเลิศไกร
เอานุชคือสุริยประไพ ธก็ใส่ในโยลี


๏ ไปด้วยแลเสด็จจรก็สู่ วรสถานพิธี
ให้เชิญสมเด็จนฤบดี ยศภูมิราชา


๏ องค์เดียวอย่ามีนิกรหมู่ สุรราชโยธา
ห้ามสนมคืออับศรคณา คณะหมู่กำนัลใน


๏ เชิญแต่สมเด็จบวรนรา ธิปเดียวเสด็จไป
สถิตสถานทักษิณบไคล วรกุณฑบูชา ฯ


๒๘๏ ท้าวยศภูมี
แต่งองค์รูจี รูจันทรประภา
บวรภูษิต พิจิตรกรรฐา
สร้อยสรณมาลา มาไลยสุคนธ์


๏ มกุฏงามเสร็จ
ประดับด้วยเพ็ชร เหลื้อมเหลื้อมนฤมล
เปล่งแสงนพรัตน์ ยะยับกุณฑล
เกยูรดำกล ดำเกิงซ้ายขวา


๏ ทรงพระสังวาล
เก็จกรองด้วยกาญ จโนโอภา
ดิเรกด้วยแก้ว แพร้วแพร้วมหิมา
อร่ามนรา ธิราชเรืองรอง


๏ ทรงพระภูษา
ภูษิตราชา แพรผุดดวงทอง
พื้นแดงไพจิตร แก้วเก้ากุก่อง
ลวดลายลังลอง เลงแลประไพ


๏ ทรงทองพระกร
รัศมีบวร เพริศแพร้วแสงใส
ระยับธำมรงค์ ยะยงเอาใจ
ค่าเมืองเมืองใด บมิปูนปาน


๏ เสด็จด้วยรองบาท
เหยียบเหนือแพรลาด พัชนีทรงธาร
แต่พระองค์เดียว บมีศฤงฆาร
มายังรัตนศาล โรงราชพิธี


๏ ส่วนฝ่ายกองนอก
หลายชั้นขันขอก เรียบแสนเสนี
เสนาทหาร รณรงค์มากมี
โยธาโยธี ลอบล้อมเปนกง


๏ ขนัดช้างม้ารถ
ขนัดพลปรากฎ แกล้วกล้ากลางณรงค์
อาวุธนานา พิจิตรบรรจง
บรรเจิดใจยง ยุทธด้วยไพรี


๏ ฆ้องกลองแตรสังข์
ปี่โทนถ้าฟัง เสียงศัพทอันมี
โดยให้สัญญา ประโคมดนดรี
ละเวงเสียงสี หนาทเกรียงไกร ฯ


๑๖๏ เข้าในมณฑลวิไชย แต่สององค์ใน
บมีผู้อื่นแปมปน


๏ คาวีซ่อนไว้เปนกล เพราะพระจุมพล
พระพหลเพโทบาย


๏ แต่งกลเหนือกลอภิปราย ตอบแทนโดยหมาย
จะมล้างอริราชา


๏ กันความอภิมาณให้ปรา กฎเกียรดินรา
ธิราชท้าวทั้งสอง


๏ จึ่งตั้งวัจนาโดยปอง ยัชการทั้งผอง
แลถาปนาพระเพลิง


๏ เรืองรุ่งพุ่งรุทธดำเลิง เปล่งเปลวดูเถกิง
ก็ให้สำคัญโดยหมาย


๏ ฆ้องกลองแตรสังข์ทั้งหลาย บรรฦๅฦๅสาย
ล้วนอลเวงธรณี


๏ จึ่งพระพหลราชราชี ผลักยศภูมี
อันหลงแก่กามตฤษณา


๏ ลงในกองกุณฑ์สหัสสา หลั่งมฤตยธารา
แลกาษฐก่ายกองลง


๏ สมิทสมีพลีกรรมโดยจง ซ้อนซับทับลง
อนาถม้วยเมือมรณ์


๏ จึ่งพระดาบศบวร แต่งองค์ภูธร
พระนุชนารถมหิมา


๏ สรรพด้วยสรรพาภรณ์พา หุรัดเจษฎา
มกุฏิแก้วยรรยง


๏ จึ่งเบิกสนมอันทรง ยุพโยคอนงค์
อเนกแน่งนงคราญ


๏ อิกพฤฒิสัตรีเสงี่ยมสาร กำนัลกันการ
บรู้กี่หมู่โจษจล


๏ จึ่งให้เผยม่านมณฑล พิธีแย่งยล
บรมรูปภูบาล


๏ โนเนหนุ่มเหน้าบัวบาน สดใสเพ็ญพาล
คือเทพยแกล้งหล่อเหลา


๏ ฟ้อเฟ้กล้องแกล้งกลเกลา กาเยนทรอันเอา
มโนภิรมย์สาวสนม


๏ ต่างต่างกราบแล้วบังคม ถวายกรประนม
สรรเสริญสมเด็จธิบดินทร์


๏ เพียงบุตรสมเด็จอมรินทร์ อมเรศร์องค์อินทร์
แลจากพิมานแมนมา


๏ เพลิงราครัญจวนกวนกา มาราชยุพา
ยุพินทรหมู่อับศร


๏ หวังได้ร่วมรศภูธร ร่วมศุขสมสมร
ด้วยสมเด็จนฤบดี ฯ


๒๘๏ บัดนั้นบมินาน
นางอันชำนาญ ชำนิภูมี
ถวายกรประนม อัญเชิญเสด็จลี
ลาขึ้นสู่ศรี สิงหาศน์ยรรยง


๏ สิบสองกำนัล
กำหนดแก่กัน เอางานโดยจง
นางจูงพระกร รับกรพระองค์
เนื้อนวลอลง กชนกลิ่นเอาใจ


๏ เสร็จเถลิงสิงหาศน์
ท่านไทให้อาศน์ แท่นทองเรืองไร
แก่พระดาบศ จึ่งเบิกท้าวไท
เสนาสรไหว สว่างโจษจล


๏ หมู่มุขมนตรี
กราบเกล้าบทศรี สมเด็จจุมพล
ต่างต่างสรรเสริญ ชมโฉมนฤมล
คือเทพยเมืองบน หยาดฟ้าลงมา


๏ แล้วไหว้ฤๅษี
ว่าพระคุณมี เพียบพ้นคณนา
แต่ตูข้าบาท มนตรีเสนา
สฤษดิพระราชา ให้เปนยุพองค์


๏ บัดนั้นพระบาท
ธรธรรมิกราช ยศภูมีอันยง
สั่งแก่มนตรี แบ่งเมืองโดยจง
จิตรเราประสงค์ ประสาทแทนคุณ


๏ แก่พระดาบศ
ผู้ยิ่งยงยศ นักสิทธิอดุลย์
ผู้สฤษดิองค์เรา ให้ศุภให้สุน
ทรยุพใดปุน คุณท่านเหลือตรา


๏ ช้างม้าพลรถ
โยธาหลายขนด ขนาดเฝ้าราชา
แก้วแหวนเงินทอง โภไคสวรรยา
ทาษีทาษา ผ้าผ่อนแพรพรรณ


๏ สำหรับกึ่งเมือง
สาวสนมนองเนือง เร่งแต่งจงพลัน
รั้ววังเรือนหลวง ประกอบสรรพสรรพ์
บรรจงทุกอัน ถี่ถ้วนอย่านาน


๏ จึ่งพระดาบศ
ทูลสนองพระพจน์ สมเด็จภูบาล
ว่าเราชีป่า ชีไพรสันดาน
บเอื้อเอาภาร กินกึ่งเมืองหลวง


๏ ขอลาบพิตร
ไปสู่สุจริต โดยกิจทั้งปวง
ตามเพศชีไพร ในถํ้าในคลวง
บมีใจหวง ไอสูรย์สวรรยา


๏ พระสิทธาจารย์
ถวายพระภูบาล ตระบัดไคลคลา
ออกจากเวียงวัง ฝั่งสู่มรรคา
ไปเมืองราชา เสวยรมย์โอฬาร


๏ ส่วนพระคาวี
ครั้นได้เสวยศรี สมบัติไพศาล
ในพัทธพิไสย พิเศษศฤงฆาร
ทรงนามภูบาล ท้าวยศภูมี


๏ เสด็จสู่น้องท้าว
นุชนารถหนุ่มหน้าว สาวศรีกระษัตรีย์
พระจันทรชายา ครั้นเห็นพระศรี
ภรรดาธิบดี บพิตรมาสม


๏ ยอกรเหนือเกล้า
พระพี่ยาเจ้า แนบเนื้ออภิรมย์
สองสวัสดิสังวาศ ด้วยใจชื่นชม
ปวงนางพระสนม สกิดกันเจรจา


๏ เมื่อพระผ่านเผ้า
เรายังแก่เถ้า นางชังนักหนา
บัดนี้เปนหนุ่ม นางจึ่งเสน่หา
สองกระษัตริย์มหิมา ชื่นชมเปรมปรีดิ์


๏ ครั้นรัชนิกาล
พระราชกุมาร เสด็จดลเทพี
เหนือแท่นทิพอาศน์ เอื้อนสารวาที
กล่าวแก่มหิษี สายสวาดิวนิดา


๏ ว่าเรียมแสนสนิท
ดังดวงชีวิตร จึ่งแจ้งอรรถา
นุสนธิกำบัง แต่เยาวยุพา
ดั่งฤๅกัลยา แสดงพฤฒิทาษี


๏ มันแจ้งจึ่งผลาญ
ชีพพี่ให้ลาญ ม้วยสกนธอินทรีย์
หากพระเชษฐา มาโปรดปรานี
จึ่งได้ชีวี ชีวาตม์คืนพลัน ฯ


๑๔๏ บัดนั้นยุพินทรพนิดา วระลักษณลาวัณ
ก้มเกล้าประนมประนตอัน ชุลิกรประนมทูล


๏ แก่บาทกงกชนรา นรนารถธิเบศร์สูรย์
กรรแสงสอื้นหทัยภูล ทุกขเทวศกำสรวญศัลย์


๏ โหยไห้พิลาปอสุชลถาม ผู้วิจลจาบัลย์
ทูลพลางก็โทมนัศรัญ จวนพ่างจะวายปราณ


๏ ว่าข้าบยลยุบลใน พฤฒิภาพจงผลาญ
จงเจตรจำนงจิตรประหาร ชีวิตรท้าวธเมื้อสกนธ์


๏ ข้านี้ก็มีมหันตโทษ อดิเรกยิ่งยล
ใจเบาบคิดก็มาบัดดล บันดาลโมหกำบัง


๏ เพื่อเหตุกรรมบุพกาล ก่อนโพ้นแต่ปางหลัง
จึ่งเชื่อบแคลงกลก็ฟัง พจนพฤฒิพาที


๏ เถ้าจึ่งกระทำประทุษฐทา รุณโทษไพรี
รับรองประคองขรรคมณี จรจุ่มในเพลิงผลาญ


๏ ครั้นท้าวธม้วยมรณสกนธ์ กมลชีพลายลาญ
ช่วงชาติประดาษทุพลพาล ก็พาข้านิราคลา


๏ ข้าโทมนัศทุกขเทวศ แลบวายทรโหยหา
พระบาทสมเด็จบรมสา มิเผดียงบำบวงสรวง


๏ ทุกเทพทุกทศทิศา สินธุสมุทรปักปวง
ไพรพนมพนาดรตรทรวง กรรณทรินทรคูหา


๏ พรํ่าพร้องประกาศอมรแมน วิศณุเทพยธาดา
จวบจบในภพจักรพา พดลพิมานสถาน


๏ ขอข้าพระบาทบริจา ริกไท้ธราธาร
อย่ามีจลาวิจลพาล ธิบดินทรแปมปน


๏ ด้วยเดชะศีลสัตยา ยุติธรรมสาผล
หวังแต่พระบาทบทยุคล วรราชสามี


๏ เดชานุภาพมหิมา กฤติยศธิเบศร์ศรี
ท้าวยศภูมิจฤดี รศร่วมสโมสร


๏ ด้วยข้าก็ดาลดั่งอัคนี รุทสมุทรสายสมร
รุ่มร้อนรัญจวนจิตรก็ทร มนท้าวดังเพลิงกาล


๏ ไพรีอรินทรอริมา จำนงจงจะจองผลาญ
พระบาทบดินทมหิบาล นรนารถพระภรรดา


๏ พระบาทบวายสกนธม้วย ชนมชีพชิวาตมา
ด้วยเดชบรมนฤปนรา วรเชษฐภูธร


๏ ให้ท้าวธคืนคมะนยล ภักตรข้าผู้เจียรจร
ได้ดุจจำนงจิตรนุสร ดำริห์รํ่ารำพึงถวิล


๏ ข้าท้าวได้พบบพิตรภู บดินทรราชราชินทร์
ปานเปรียบสุรามฤตยสินธุ์ จะสฤษดิโสรจสรง


๏ ศิโรตมางคมหิษี ศุขสวัสดิยิ่งยง
เพื่อบุญธิเบศร์บรมอง คผู้เชษฐชาญไชย


๏ เรืองเดชตำเกิงดำกลเกียรดิ์ กฤติยศเกรียงไกร
เดโชชเยศมหิทธิไพ บุลยฤทธิธารทรง


๏ ท้าวมีมหันตคุณคาม ภิรภาพโดยจง
จึ่งข้าได้ทูลบวรบง กชบาทภรรดา


๏ ครั้นท้าวสดับพจนแสดง พนิดาสุดาพงา
ทูลแถลงยุบลกลสุภา สิตสุภสายสาร


๏ แจงแจ้งคดีนุสัตยา ยลทราบฤไทยธาร
ว่าเจ้าผู้จากเจียรมีมาน ประดิพัทธภักดีดี


๏ สองเสร็จสุรศพจนกล่าว มฤธุวากยวาที
สองไทธสมมนัศปรี ดิภิรมยหัทยา


๏ ในแท่นสุวรรณทิพรัตน วรอาศนอาภา
บันเทิงกมลจิตรสา พิลาศลานในกามี


๏ สองศุขเสวยรมย์ ภิรมยร่วมฤดีศรี
สองสวัสดิเปรมปรีดิ์ ประชิดชมประสมสมร


๏ เชยช่อลออเร ณุกบุษเอมอร
เบิกบุษปกำกร แลขจรจรุงใจ


๏ กลั้วกลิ่นตรบอกบาน ก็ตระการตระกองไกร
กรเกยประกิจใน ปิยุทรแย้มยเยียยวน


๏ สองสาพิลาศลาน มนชื่นสำรวลสรวล
สองไทธหรรษ์หวน ก็บันทับบันเทิงองค์


๏ เสร็จสองสู่ไสยาศน์ วิกสิตธารทรง
ดุจเทพยโสรจสรง อมฤตยรศสองศรี


๏ สองเสวยศุไขสวรรย์ ถวัลยราชธานี
ครอบครองบุรีศรี มไหสูรย์ศฤงฆาร


๏ ตั้งอยู่ในทศพิธ ราชธรรมโอฬาร
แจกจ่ายจำหน่ายทาน ทรัพยวาระหกแสน


๏ อวยแก่ทลิธก แลยาจกอันเคืองแคลน
ภูบาลบหวงแหน ก็บันโดยนุอิจฉา


๏ ภักษโภชนาหาร พัสดุแลพัตรา
เงินทองธปองปรา รภเพื่อตยาคิน


๏ บพิตรผดุงเผดียง นรชนอาจินต์
ใจจิตรเจตรถวิล สัตยศีลธรรมา


๏ ร้อยเอ็ดนครกรุง บุรีราชภารา
เกรงฤทธิเดชา ยศภูมิสบสกล


๏ ถวายบุษบากาญ จนรัชฏเนืองนนต์
ทั้งศุภมงคล บรรณาการเหลือไกร


๏ เสนานรากร นรชนบานใจ
กราบเกล้าบังคมไท ธิบดินทรทรงธรรม์


๏ สมบัติเพ็ญภูล พิพัฒนศุไขสวรรย์
ประเทศเขตรขัณฑ์ สิมาศุขสมบูรณ์ ฯ


๏ จบ จนจอมนาถไท้ คาวี
บ พิตรเสวยบุรี ร่วมน้อง
ริ พลหมู่มนตรี ชมชื่น จิตนา
บูรณ์ บำเรอรักซ้อง แซ่ไหว้ถวายพร ฯ


๏ เสือโคโปฎกไท ทั้งสอง
สิทธิฤๅษีสมพอง เศกแสร้ง
แลองค์แลกุรุงปอง เปนปิ่น เมืองนา
พระบรมครูแกล้ง กล่าวไว้เปนเฉลิม ฯ


แม่แบบ:จุดประ


เสือโคคำฉันท์
ต้นฉบับจากหนังสือ เสือโคคำฉันท์; พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี โปรดให้พิมพ์เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๖๕; พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
สกฺกตฺวา

สกฺกตฺวา สกฺกโต โหติ ครุ โหติ สคารโว
ปูชโก สภเต ปูชํ วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ
เอเตน สจฺจวชฺเชน วุวตฺถิ โหตุ เต สทา

จะเปนผู้ที่ท่านสักการก็เพราะสักการท่าน
ผู้มีความเคารพย่อมเปนผู้ที่คนเคารพ
ผู้บูชาท่านย่อมได้ซึ่งบูชา
ผู้ไหว้ท่านย่อมได้ซึ่งไหว้ตอบ
ด้วยคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อเถิด

สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี

แม่แบบ:จุดประ