ข้ามไปเนื้อหา

ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๘

จาก วิกิซอร์ซ

ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๘ จดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรต์ ราชทูตฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตอนที่ ๒ (ต่อจากประชุมพงศาวดารภาค ๔๗ ) พิมพ์ในงานปลงศพ นางนนทประชา ( สายหยุด เจียรณัย ) เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒

พิมพ์โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ถนนบำรุงเมือง ในพระนคร

จดหมายเหตุมองซิเออร์เซเบเรต์ ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงสยาม เมื่อปีค.ศ.๑๖๘๗ - ๑๖๘๘ ( พ.ศ.๒๒๓๐ - ๒๒๓๑ ) ตอนที่ ๒

ณวันที่ ๒๔ ( ตุลาคม ) มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จัดให้ มองซิเออร์เดอเฟรตวลี มาหาเราเพื่อเป็นการต้อนรับ บาดหลวง เลอรัวเย ๑ บาดหลวงดูชาล ๑ และบาดหลวงเดอเบซ ๑ รวม ๓ คนก็ได้มาหาเราเหมือนกัน มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ชี้แจงต่อบาดหลวงเดอเบซถึงข้อความต่าง ๆ ซึ่งเรากล่าวโทษติเตียน บาดหลวงตาซา เพราะบาดหลวงเดอเบซได้มาพูดแทนบาดหลวง ตาชาว่า บาดหลวงตาซาขอโทษอีกครั้ง ๑ ในการที่มิได้บอกให้ เราทราบถึงการที่จะตั้งแต่งนายทหารที่บางกอก แล้วมองซิเออร์ เดอลาลูแบได้ชี้แจงให้บาดหลวงเดอเบซฟัง ถึงข้อผิดต่าง ๆ ในหมายตั้งตำแหน่งนายทหารนั้น และได้กล่าวต่อไปว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาซาได้ทำการต่าง ๆ โดยมิได้ระลึกถึงพระเกียรติยศของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเลย และเมื่อได้ยกบางกอก ๑



๒ ให้แก่ฝรั่งเศสแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็เอากองทหารไทยเข้า ไปอยู่ในที่นั้น ยังมิหนำซ้ำทำการที่ผิดต่าง ๆ อีกหลายอย่างด้วย เพราะฉะนั้นเป็นการจำเป็นที่เราจะต้องกราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม กล่าวโทษผู้ที่ทำผิดให้เสียหนทางของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสดังนี้ เมื่อ บาดหลวงเดอเบซได้ฟังคำอธิบายชี้แจงของมองซิเออร์เดอลาลูแบ ก็มีความตกใจเป็นอันมาก จึงได้รับรองว่าจะได้ไปพาบาดหลวง ตาชามาหาเราในค่ำวันนั้นเอง มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้พูดกับ บาดหลวงเดอเบซว่า ถ้าบาดหลวงตาชาไม่รู้สึกตัวว่าเราพูดถูก และบาดหลวงตาชาไม่คิดจะช่วยเราแก้ไขการทั้งปวงด้วยน้ำใส ใจจริงแล้ว ก็อย่าพาบาดหลวงตาชามาเลย ในวันนั้นเองหัวหน้าของห้างฮอลันดาได้มาเยี่ยมเยือนเรา แต่เราได้ให้คนไปบอกแก่หัวหน้าห้างฮอลันดาว่า การที่จะมาพบปะกันในเวลานี้ต้องขอตัวสักทีหนึ่งก่อน ต่อไปจึงค่อยพบกันและจะพบกัน เวลาไรก็แล้วแต่หัวหน้าของห้างฮอลันดาจะพอใจเถิด ในตอนค่ำบาดหลวงตาชาได้มาหาเราพร้อมกับบาดหลวงเดอเบซและได้นำใบชากับของหวานมาให้เรา ซึ่งเป็นของกำนันของ มองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วย แต่ข้าพเจ้าสังเกตดูว่าบาดหลวงตาชา หาได้มีใจจริงต่อเรา ดังเราได้หวังไว้ไม่ เพราะในชั้นต้นบาดหลวงตาชาก็มาพูดแทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ยกยอสรรเสริญเราต่าง ๆ และในส่วนตัวบาดหลวงตาซาเองก็ได้กล่าววาจายกยอเราด้วยเหมือน


๓ กัน กับทั้งแสดงตัวว่ามีความประสงค์จะจัดการต่าง ๆ ให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่างด้วย แล้วบาดหลวงตาซาได้ รับรองต่อเราว่าจะได้จัดการให้งดเลิกในการที่ได้ตั้งแต่งนายทหาร ไปแล้ว และจะได้ร่างข้อสัญญาขึ้นใหม่ให้สมพระราชประสงค์ของ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง และบาดหลวงตาชาได้แสดงต่อไปว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คิดจะทำการให้ถูกพระทัยของพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสเหมือนกัน และเพื่อเป็นพยานแห่งความตั้งใจดีอันนี้ มอง ซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้มอบข้อสัญญามากับบาดหลวงตาชาให้มา คืนกับเรา เมื่อเราเห็นควรจะฉีกข้อสัญญาเหล่านั้นทิ้งเสียหรือจะทำประการใด ก็แล้วแต่เราจะเห็นสมควรทั้งสิ้น แล้วบาดหลวงตาชา จึงได้นำข้อสัญญามาให้กับเราเพื่อให้เราฉีกทิ้งเสีย และบาดหลวงตาชาได้ขอให้เราเอาข้อสัญญาต้นฉะบับที่เราเก็บรักษาไว้นั้น ออกมาฉีกทิ้งเสียพร้อมกันด้วย เมื่อเราได้ฟังบาดหลวงตาชาพูดเช่นนี้ เราก็พาซื่อคิดจะฉีกข้อสัญญาจริง ๆ ตามคำพูดของบาดหลวงตาชา แต่ครั้นบาดหลวง ตาชาเห็นว่าเราจะฉีกสัญญาจริง ๆ จึงได้มาแย่งสัญญาจากมือมองซิเออร์เดอลาลูแบ เพราะบาดหลวงตาชาได้ส่งสัญญานั้นให้แก่มองซิเออร์เดอลาลูแบ และมองซิเออร์เดอลาลูแบก็ยังถือไว้ในมือ แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้พูดกับเราว่า " เมื่อท่านจะฉีกสัญญาทิ้ง เสียก็ได้ ตามใจเถิด แต่ท่านมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ข้าพเจ้า


๔ สัญญาไว้ว่า จะได้เอาหนังสือสัญญานี้คืนให้แก่มองซิเออร์ คอนซตันซ์" เมื่อเป็นการเช่นนี้เราก็จำเป็นต้องคืนสัญญาให้แก่บาดหลวง ตาชา เพราะเกรงว่าบาดหลวงตาชาจะหาว่าเราทำร้ายร่างกายต่อตัวและอีกประการหนึ่งเราก็เห็นว่าถึงจะฉีกหนังสือสัญญานั้นทิ้งเสีย กองทหารไทยก็คงจะอยู่ในบางกอกนั้นเอง แต่ถ้าทหารไทยได้คงอยู่ที่ บางกอกแล้ว ก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับทำให้มีความสามัคคีในระหว่างฝรั่งเศสกับไทย ทั้งการบังคับบัญชาที่บางกอกก็จะสะดวก ขึ้นด้วย เพราะในเวลานั้นบาดหลวงตาชาได้บอกกับเราว่า ถ้าเรา ได้ฉีกหนังสือสัญญานั้นเสียแล้ว ก็ต้องเป็นอันขาดความสามัคคีกัน และจะต้องแยกให้กองทหารฝรั่งเศสอยู่ฝั่งหนึ่ง ให้กองทหาร ปอตุเกตและไทยอยู่ฝั่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นบาดหลวงตาชาเห็นว่าทางดี ที่สุดก็ควรเราจะร่างหนังสือสัญญาขึ้นใหม่จะดีกว่า มิฉะนั้นเราก็จะ ต้องกลับไปยังประเทศฝรั่งเศสโดยมิได้มาจัดการสำเร็จอย่างใดเลย ซึ่งเป็นการที่เราคงจะมีความเสียใจเป็นอันมาก เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาซาว่า การที่เราจะแก้ข้อสัญญานั้นไม่เป็นการสำคัญอย่างใดเลย เพราะเป็นเรื่องแต่เล็กน้อย แต่ข้อที่สำคัญและที่เราตั้งใจจะทำนั้น ก็คืออยากจะจัดการทั้งปวงให้เป็นที่ พอพระราชหฤทัยของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ถ้ากองทหาร ไทยยังคงอยู่ที่บางกอกตราบใด ก็เป็นอันจะจัดการให้สมพระราช


๕ ประสงค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ได้เป็นอันขาด เพราะไทยได้ยก บางกอกนี้ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพวกฝรั่งเศสโดยแท้ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบเราว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ จัดการตามความต้องการของเราแล้ว ศีร์ษะของมองซิเออร์คอนซ ตันซ์ก็คงจะต้องขาดเป็นแน่ ทั้งจะทำให้เกิดการจลาจลลุกลามทั่ว พระราชอาณาเขตต์ ผู้คนก็จะรวบรวมเป็นหมู่เป็นคณะนับตั้งหลาย พันคณะด้วย และจะเป็นโอกาศอันดีสำหรับผู้ที่เกลียดมองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้มีโอกาศทำการได้ถนัด เพราะผู้ที่เกลียดชังมองซิเออร์คอนซตันซ์มีจำนวนมากนัก และฝ่ายพระราชธิดานั้นก็เกลียดมอง ซิเออร์คอนซตันซ์อย่างที่สุด ด้วยพระราชธิดานั้นเป็นคนที่ถือพระองค์และหยิ่งจนเหลือที่จะเชื่อว่าจะหยิ่งได้ถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเรา ขืนดื้อจะเอาตามใจเราแล้ว ก็เท่ากับทำลายความคิดทั้งปวง ซึ่งได้ คิดไว้สำหรับให้ศาสนาได้แพร่หลาย และที่คิดไว้สำหรับให้บริษัท ฝรั่งเศสได้ทำการค้าขายต่อไปด้วย เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า เราไม่ได้มีเจตนาอย่างใด ที่จะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำความผิดอันจะมีโทษถึงประหาร ชีวิต และเราก็ไม่มีเจตนาที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดการวุ่นวายระส่ำ ระสายขึ้นเลย เราต้องการเพียงแต่ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จัด การตามที่ตัวได้มีหนังสือรับรองไว้เท่านั้น และในเรื่องนี้ถ้าเราไม่ เคี่ยวเข็ญให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำตามที่ตัวรับรองไว้แล้ว ก็


๖ เท่ากับเราทำการไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเหมือนกัน แต่เพื่อ จะให้การทั้งปวงได้ลงรูปต่อไปนั้น เราจะได้จดข้อขัดข้องต่าง ๆ ยื่น ให้แก่ตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์เอง เพราะเราได้รับคำสั่งมาว่า ใน การทั้งหลายทั้งปวงให้เราพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์แต่ผู้เดียว เท่านั้น และเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบในข้อขัดข้องของ เราแล้ว จะนำความกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยามตามข้อขัดข้องของเรา หรือจะกราบทูลพลิกแพลงไปอย่างไรก็แล้วแต่ใจของเขาเถิด บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ถ้าเราได้จดข้อขัดข้องยื่นให้แล้วเวลาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะนำความขึ้นกราบทูล ก็คงจะกราบทูลตามข้อความของเราทุกประการ คงจะไม่แก้ไขพลิกแพลงอย่างใดเพราะฉะนั้นถ้าเราจะทำการสิ่งใดก็ขอให้เราระวังจงมาก ลงท้ายที่สุดได้เป็นอันตกลงกันว่า เราจะได้ร่างข้อสัญญาขึ้นใหม่ และบาดหลวงตาชาสัญญาว่าพรุ่งนี้จะได้กลับรับสัญญา ที่เรา โดยรับรองว่าสัญญาที่เราจะได้ร่างขึ้นใหม่นี้ คงจะเป็นอัน ตกลงกันได้ แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้พูดขึ้นว่า ในการที่เราจะร่าง ข้อสัญญาขึ้นใหม่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ขออย่างเดียวเพียงแต่ ให้งดข้อเรื่องเมืองมะริดไว้ก่อน เพื่อเอาไว้ปรึกษากันต่อไปเท่านั้น ข้อเรื่องเมืองมะริดนั้นเป็นข้อที่ ๒ รองข้อสุดท้ายของสัญญา ซึ่งมีว่ามองซิเออร์ดูบรูอังจะต้องอยู่ในความบังคับบัญชาของมองซิเออร์ เดฟาชโดยตรง


๗ มองซิเออร์เดอลาลูแบยังไม่ทันได้ตรึกตรอง ก็รับปากว่าจะได้ปฏิบัติตามประสงค์อันนี้ ซึ่งเป็นการที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยเลย ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า ในเรื่องที่จะเอาข้อสัญญาที่เกี่ยวด้วยเมืองมะริดงดไว้สำหรับพูดจาหารือกันนั้น เป็นเรื่องที่ ข้าพเจ้าจะยอมไม่ได้ และที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้รับปากไว้นั้น ก็เพราะยังไม่ทันได้ตรึกตรอง แต่ถึงอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่ยอมแก้ไข ความในข้อสัญญาข้อนี้ แล้วมองซิเออร์เดอลาลูแบกับบาดหลวง ตาชาได้สนทนากันต่อไป ห่างกับที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ ภายหลังข้าพเจ้า ได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบในเรื่องนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบ จึงรับว่า ในชั้นแรกที่ได้ยอมตามความต้องการของบาดหลวงตาชา นั้น ก็เพราะยังไม่ทันได้ตรึกตรอง แต่พอรู้สึกขึ้นมาก็ได้พูดกับ บาดหลวงตาชาโดยทันทีว่า ในเรื่องสัญญานั้นจะต้องทำความตกลงพร้อมกันทุกข้อ ที่จะแยกเอาข้อนี้ออกจากข้อโน้นนั้นไม่ได้ และใน เรื่องนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ชี้แจงต่อข้าพเจ้า ว่าได้อธิบายให้ บาดหลวงตาชาเป็นที่เจ้าใจกันดีแล้ว เมื่อบาดหลวงตาชาได้ลามองซิเออร์เดอลาลูแบแล้ว ข้าพเจ้าได้ชักชวนบาดหลวงตาชาให้ มาสนทนากับข้าพเจ้าโดยฉะเพาะ เพื่อจะได้พูดจากันถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ได้พูดกันมาแล้ว ข้าพเจ้าเองจะต้องการใช้วาจาอย่างอ่อนหวานสำหรับปลอบบาดหลวงตาชา เพื่อให้บาดหลวงตาชาได้กลับใจมา เป็นพวกเราบ้าง เพราะข้าพเจ้าได้เห็นว่าในเวลาที่บาดหลวงตาชา


๘ พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ก็ได้ใช้คำแรงจนเกือบจะเกิดเปนปากเสียงกันขึ้นแล้ว ฝ่ายบาดหลวงตาชาไปเข้าใจเสียว่า ข้าพเจ้า จะต้องการพูดถึงเรื่องที่ได้เกิดขึ้นที่บางกอกในเรื่องมองซิเออร์เดอ เฟรตวลี บาดหลวงตาชาจึงได้เอาเรื่องนั้นเอ่ยพูดขึ้นก่อนเพื่อจะหา ทางแก้ตัว แต่ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์จะพูดกับบาดหลวงตาชาในเรื่องนั้นเลย ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาตรง ๆ ว่า ในเรื่องการต่าง ๆ นั้น ข้าพเจ้าก็ได้บอกให้บาดหลวงตาชาทราบในความคิดของข้าพเจ้าทุกอย่างแล้ว แล้วข้าพเจ้าจึงได้พูดถึงเรื่องที่ได้พูดจา โต้เถียงกันเมื่อแต่กี้นั้นว่า การต่าง ๆ ตามที่เป็นมาแล้ว หาได้ดำเนินตามพระราชดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ และการที่บาดหลวง ตาชาพูดจาว่าอย่างไรนั้น ก็เป็นการแสดงตัวขัดกับความเห็นของมองซิเออร์เดอลาลูแบเกินไป เพราะความเห็นของมองซิเออร์ เดอลาลูแบนั้น มุ่งหมายแต่จะเอาราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เป็นใหญ่เท่านั้น และที่บาดหลวงตาชามีความจงรักภักดีต่อมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ จนถึงกับแตกออกจากพวกเรา และคิดจะขัดขวางเราทุกอย่างทุกประการนั้น คงเป็นการที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะไม่ พอพระทัยเป็นแน่ และที่บาดหลวงตาชาได้แตกกับพวกเราเช่นนี้ ก็เห็นได้ปรากฏโดยที่เราจะพูดจากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ คงง่าย กว่าพูดกับบาดหลวงตาชาเสียซ้ำไป แล้วข้าพเจ้าได้พูดจาอย่าง อ่อนหวาน ชี้แจงชักชวนให้บาดหลวงตาชาได้กลับใจมาเป็นพวก


๙ เราอย่างเดิม เพื่อจะได้ช่วยกันคิดอ่านแก้ไขการไม่ดีที่ได้ทำกัน ไปเสียแล้ว บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบข้าพเจ้า อธิบายชี้แจงเหตุผลหลายอย่าง เพื่อให้ข้าพเจ้าเห็นว่าบาดหลวงตาชามีความตั้งใจอันดี แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้สัญญากับข้าพเจ้าว่า ถ้าหากว่าข้อ สัญญาที่เราจะได้ร่างขึ้นใหม่นั้น จะไม่เป็นการตกลงกันได้แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้นำข้อสัญญานั้นถวายต่อพระเจ้ากรุง สยาม แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดประการใดต่อไป และใน ข้อนี้บาดหลวงตาชารับรองว่าพรุ่งนี้จะได้นำหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ซึ่งจะได้รับรองว่าจะได้จัดการตามที่บาดหลวงตาชาพูด นี้ทุกประการ เมื่อพูดกันเสร็จแล้ว บาดหลวงตาชาก็จะลากลับไป ในทันใดนั้นมองซิเออร์เดอลาลูแบก็เดินมาเพื่อจะลาบาดหลวงตาชาข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ว่าการที่มองซิเออร์ คอนซตันซ์คิดจะงดข้อสัญญาเรื่องเมืองมะริดนั้น มองซิเออร์คอน ซตันซ์เองก็คงจะไม่ทราบว่าตัวจะประสงค์อย่างไร เพราะมอง ซิเออร์ดูบรูอังนั้นเป็นคนใจหนักแน่น ถ้าจะบังคับให้มองซิเออร์ ดูบรูไปฟังบังคับบัญชาคนอื่นนอกจากมองซิเออร์เดฟาชแล้ว ก็ จะเป็นการยากที่สุด เพราะมองซิเออร์ดูบรูอังถือว่า มองซิเออร์ เดฟาชเป็นนายผู้มีอำนาจเหนือโดยตรง และอีกประการหนึ่งถ้า ๒


๑๐ มองซิเออร์ดูบรูอังได้อยู่ในความบังคับบัญชาของมองซิเออร์เดฟาช แล้ว ก็อาจจะให้มองซิเออร์ดูบรูอังทำอะไรได้ทั้งสิ้น บาดหลวงตาชาได้ฟังข้าพเจ้าชี้แจงกับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ดังนี้ ก็หัวเราะแล้วก็ลากลับไป ภายหลังเราจึงทราบเป็นการแน่ว่า บาดหลวงตาชาได้ลงเรือไปพร้อมกับบาดหลวงเดอเบซ บาดหลวง ตาชาจึงได้บอกกับบาดหลวงเดอเบซว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ รับปากแล้ว ว่าจะงดข้อเรื่องเมืองมะริดไว้ปรึกษากับมองซิเออร์ คอนซตันซ์ต่อไป การที่บาดหลวงตาชาพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับเอา กะดูกไปแทะ ยากที่จะขบกะดูกให้แตกได้ ณวันที่ ๒๕ เดือนตุลาคมเวลาเย็น บาดหลวงตาชาได้มาหาเรามองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้เดินลงไปรับบาดหลวงตาชาในเวลาจะขึ้นจากเรือ พอบาดหลวงตาชาได้เห็นมองซิเออร์เดอลาลูแบ ก็ได้ เอ่ยพูดขึ้นก่อนต่อหน้าธารกำนันอันอยู่ในที่นั้นออกแน่นหนา และ ได้กระทำกิริยาอย่างอ่อนน้อมสุภาพ พูดว่า "ความจริง ท่านก็คงจะไม่เชื่อเลยว่า เมื่อฮิศเอ๊กซา เลนซีมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบว่า ท่านจะได้เอาข้อสัญญา ที่เกี่ยวด้วยเมืองมะริดไว้ปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีความปีติยินดีสักเพียงไร แต่ในส่วน สัญญาข้ออื่น ๆ นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่เห็นว่าจะแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้อย่างใดเลย "


๑๑ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงค้านว่า "ข้าพเจ้าหรือจะเป็นผู้เอา เรื่องเมืองมะริดไปปรึกษามองซิเออร์คอนซตันซ์" บาดหลวงตาชาชักจะฉุน ๆ จึงตอบว่า "แน่ที่เดียว ตัวท่าน เองได้บอกกับข้าพเจ้าเมื่อวานนี้" มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบว่า "ข้าพเจ้าได้พูดกับท่าน ก็จริงอยู่ แต่ข้าพเจ้ามิได้มุ่งหมายจะยืนยันตามที่ได้พูดไว้นั้นเลย และข้าพเจ้าก็ได้พูดกับท่านปฏิเสธคำเดิมไว้แล้ว" บาดหลวงตาชาจึงตอบว่า"ในคำที่ท่านพูดอย่างไรนั้น ข้าพเจ้า ขอเอามองซิเออร์เซเบเรต์เป็นพยาน เพราะถ้าท่านพูดโดยไม่มี พยานหลักฐานแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่ถือเอาถ้อยคำของท่านเป็น หลักเลย" ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า ข้อความที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดไว้กับบาดหลวงตาชาอย่างไรนั้น ข้าพเจ้าทราบไม่ ได้ตลอด เพราะเวลาที่พูดกันนั้นข้าพเจ้าหาได้อยู่ด้วยตลอดเวลาไม่ แต่ขอให้บาดหลวงตาชาระลึกดูว่า ในเรื่องสัญญาข้อที่โต้เถียงกัน อยู่นี้ ข้าพเจ้าหาได้ยอมเห็นด้วยไม่ ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องเอามาพูดปรึกษาหารือกันอย่างไร และข้าพเจ้าเองก็ได้คัดค้านไว้แล้ว เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบจะได้ยอมก็ตาม แต่ตัวข้าพเจ้าเองก็คงจะคัดค้านไว้อย่างแขงแรง และการที่จะมาเข้าใจ ว่า เรื่องซึ่งเป็นอันได้ตกลงกันแล้วและเปนเรื่องที่ต้องพระราช


๑๒ ดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เราจะยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ ง่าย ๆ นั้น เป็นการที่น่าขันมาก และถึงแม้ว่าสัญญาข้ออื่น ๆ จะได้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ดังบาดหลวงตาชาได้รับรองไว้แทน มองซิเออร์คอนซตันซ์สักเท่าใดก็ตาม แต่ในข้อที่เกี่ยวด้วยเมือง มะริดนี้ข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้แก้ไขเป็นอันขาด แล้วข้าพเจ้าจึงได้ ชี้แจงกับบาดหลวงตาชาต่อไปว่า การที่บาดหลวงตาชาได้มาพูด แทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ ว่าจะได้เอาสัญญาเรื่องเมืองมะริดไว้ พูดจาปรึกษาหารือกันนั้น เป็นเรื่องที่บาดหลวงตาชาคงรู้สึกอยู่ เต็มใจว่า เป็นการน่าปลาดอันเราไม่ได้รู้ตัวเลย และการที่ บาดหลวงตาชาได้ยอมตัวเป็นเครื่องมือของมองซิเออร์คอนซตันซ์สำหรับขัดขวางต่อประโยชน์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเช่นนี้ ดูเป็น การไม่บังควรเลย ถึงแม้ว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบจะได้ยอมโดย มิได้ตรึกตรองก็ตาม แต่ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของบาดหลวงตาชาที่ จะต้องทักท้วงขึ้น การที่บาดหลวงตาชาได้ทำไปแล้วนั้น ก็โดย มิได้ตรึกตรองเลย เพราะบาดหลวงตาชาก็เป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสผู้หนึ่ง จึงเปนการจำเป็นที่บาดหลวงตาชา จะต้องเอาใจใส่ในการงานของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเท่ากับเราเหมือน กัน แต่ตามที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้บาดหลวงตาชาหาได้กระทำการให้เป็นประโยชน์แก่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ กลับไปมีความจงรักภักดีต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ จนถึงจะมายืนยันให้มองซิเออร์เดอลา


๑๓ ลูแบได้กระทำตามวาจา ซึ่งบาดหลวงตาชาหาว่ามองซิเออร์เดอลา ลูแบได้พูดจารับรองไว้ อันเป็นวาจาที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่ามิได้พูดเลยดังนี้ ในขณะนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบได้กลับมาย้อนพูดเรื่องนี้ขึ้นอีกมองซิเออร์เดอลาลูแบกับบาดหลวงตาชา จึงได้เกิดพูดจาต่างคน ต่างเถียงกันใหญ่โต ถึงกับบาดหลวงตาชาได้อ้างว่ามองซิเออร์ คอนซตันซ์เป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตและเป็นคนตรง ซึ่งมองซิเออร์ เดอลาลูแบหาตรงและซื่อสัตย์สุจริตเหมือนมองซิเออร์คอนซตันซ์ ไม่ ครั้นเมื่อการโต้เถียงได้สงบลงไปบ้างแล้ว บาดหลวง ตาชาจึงได้เล่าให้เราฟังว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์มีความน้อยใจ มาก เพราะเหตุว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีลายพระหัตถ์ มาถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ รับสั่งมาว่าจะต้องปฏิบัติตามคำ แนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์ทุกอย่าง แต่เราก็หาได้ปฏิบัติ ตามคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ กลับจะหาความเสีย ซ้ำไป ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นผู้กระทำการลบล้างคำสั่งของ เราและคำสั่งของมองซิเออร์เดฟาช ส่วนมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ก็ตั้งใจจะให้การทั้งปวงได้ดำเนินไปตามพระราชดำริของพระเจ้า กรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง ขอแต่อย่างเดียวว่า ถ้าเราจะต้องการ อย่างใด ก็ขอให้บอกมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบเสียก็เป็น แล้วกัน


๑๔ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า บาดหลวงตาชาก็ทราบอยู่ ดีแล้วว่า คำสั่งต่าง ๆ นั้นหาได้เป็นเรื่องที่เปิดเผยเล่าสู่กันฟังที่ ประเทศฝรั่งเศสไม่ และวิธีดำเนินการในประเทศยุโรปก็ต่างกันกับ วิธีที่ทำกันในประเทศอินเดีย เพราะผู้ที่เป็นราชทูตของประเทศ อินเดียไม่มีหน้าที่อย่างใด นอกจากจะเอาหนังสือหรือพระราชสาส์น ที่ตนเชิญไป ไปวางต่อประเทศที่ตนไป และเมื่อตนได้รับคำสั่ง มาอย่างไร ก็ให้นำคำสั่งนั้นไปบอกเล่าเท่านั้น แต่ในส่วนเรานั้น ที่เราได้รับคำสั่งมาให้ฟังคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ก็ ต้องเข้าใจว่าเราจะต้องฟังคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ฉะเพาะแต่ในสิ่งที่เราจะต้องการคำแนะนำเท่านั้น แต่ข้อใดที่ได้มี คำสั่งมาเป็นเด็ดขาดแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำแนะนำหรือ ความเห็นของผู้ใดเลย ในข้อที่หาว่าเรากล่าวโทษมองซิเออร์ คอนซตันซ์นั้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะเราเข้าใจว่าการ ทั้งปวงที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำไปนั้น ก็คงจะได้ทำโดยได้ รับพระราชโองการของพระเจ้ากรุงสยามให้ทำทั้งสิ้น และเมื่อเรา จะต้องการกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามประการใด ก็ต้องพูดไปกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ดังนี้ เพราะฉะนั้นที่เราบ่นว่าหรือกล่าวโทษ อย่างไรนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จะออกรับว่าเราว่ามองซิเออร์ คอนซตันซ์อย่างไรได้ แต่นอกจากเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ไปตั้งแต่งนายทหารที่บางกอกนั้น ยังมีข้อสำคัญอีกข้อ ๑ ซึ่งเรา


๑๕ จะนิ่งไม่ได้เป็นอันขาด ถึงเรื่องที่เอากองทหารไทยไปประจำไว้ที่ บางกอก อันเป็นสิ่งที่ผิดกับคำสัญญาของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ซึ่งได้สัญญาไว้ว่าจะได้ให้กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เป็น ผู้รักษาบางกอกแต่ฝ่ายเดียว ดังนี้ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ถ้าเช่นนั้นท่านได้ปลงใจยอม สละมองซิเออร์คอนซตันซ์ และพระเจ้ากรุงสยามแล้วหรือ และ ท่านก็คงจะไม่ทราบว่าในประเทศสยามนี้ ได้แตกกันออกเป็นก๊ก เป็นเหล่ากันอย่างไร เพราะถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ปฏิบัติ ตามความต้องการของท่านแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศีร์ษะของมองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องขาดเป็นแน่ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถึงแม้ที่สุดพระเจ้ากรุงฝรั่ง เศสจะพอพระทัยในการที่ได้ให้กองทหารฝรั่งเศสมาประจำอยู่ในประเทศสยามนั้น พระองค์เป็นนายเป็นใหญ่จะพอพระทัยอย่าง ไรก็ได้ แต่ส่วนตัวเรานั้นหาได้เป็นนายของตัวเราเองไม่ จึงไม่ อาจจะลงความเห็นว่าเป็นการที่พอใจเราแล้ว และถ้าเราไม่ทำ การตามหน้าที่ของเราแล้ว หัวของเราก็อาจจะขาดได้เหมือนกัน เพราะการที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งกองทหารมาเมืองไทยนั้น ก็ โดยทรงพระราชดำริจะให้การศาสนาและการค้าขายของพวก ฝรั่งเศส ได้มีหลักฐานมั่นคงแน่นอน และการที่ได้ส่งกองทหารมา เมืองไทยนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็เปนผู้ที่ได้ขอร้องไปเอง


๑๖ แต่มาบัดนี้เราได้เห็นว่าการทั้งปวงได้ดำเนินไปโดยขัดกับพระราช ดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง เพราะการที่ได้ให้กองทหาร ฝรั่งเศสไปอยู่ที่บางกอกนั้น หาเป็นการที่พ้นอันตรายต่าง ๆ ไม่ กล่าวคือ ๑ การที่มีทหารสองชาติไปอยู่ปะปนกันนั้น อาจจะ เกิดแตกร้าวกันขึ้นได้ และอันตรายอยู่ในข้อที่กองทหารของไทย เป็นข้างฝ่ายของผู้ที่มีอำนาจ ๒ ยังจะต้องระวังในการทุจจริต ต่าง ๆ ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้ว เช่นเรื่องแขกมะกาซา และ เรื่องฆ่าฟันพวกอังกฤษที่เมืองมะริดเป็นต้น ๓ พระเจ้ากรุงสยาม อาจจะสวรรคตลงเวลาใดก็ได้ และผู้ที่จะครอบครองราชสมบัติ ต่อไปอาจจะไม่ยอมเป็นไมตรีกับเราก็ได้ เพราะฉะนั้นด้วยประการ ทั้งปวงเหล่านี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ควรจะรู้สึกใคร่ครวญให้มาก กว่าเรา เพราะเมื่อได้เกิดการดังอธิบายมานี้แล้ว มองซิเออร์ คอนซตันซ์เองจะเปนผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนมากกว่าผู้อื่น โดย เหตุว่าถ้าพระเจ้ากรุงสยามได้สวรรคตลงแล้ว ก็ต้องเชื่อได้แน่ว่า ทำอย่างไร ๆ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะถูกทำร้าย ก็เมื่อเป็น เช่นนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์จะไม่คิดหนีเข้าไปอาศัยที่บางกอก หรือ และถ้าที่บางกอกพวกฝรั่งเศสได้เป็นใหญ่แต่ฝ่ายเดียวแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์จะพ้นอันตรายหรือไม่เล่า อนึ่งในหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ซึ่งยกบางกออกให้อยู่ในความพิทักษ์รักษา ของพวกฝรั่งเศสนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยกเหตุว่า จำเป็นจะ


๑๗ ต้องหาที่อันมั่นคงแข็งแรงสำหรับพวกเข้ารีตจะได้หนีไปอาศัยได้สัก แห่งหนึ่ง เพราะถ้าพวกเข้ารีตได้อยู่ปะปนกับพวกมิจฉาทิฏฐิไม่เป็น ที่ไว้ใจได้ ดังนี้ ตามที่เราได้ยกเหตุผลต่าง ๆ มาอธิบายดังนี้ บาดหลวงตาชาหามีคำที่จะตอบไม่ เป็นแต่พูดว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสคงจะพอพระทัยและว่ามาควิศเดอเซเนเลได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า พระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสก็ทรงยอมให้มีกองทหารไทยอยู่ในป้อมที่บางกอกได้ ฝ่ายเราก็เถียงว่า การที่เอากองทหารไทยไปไว้ที่บางกอกเช่นนี้เป็นการตรงกันข้ามกับคำสั่งของเรา และการที่มีทหารไทยเช่นนี้ เป็นการทำให้เสียพระเกียรติยศของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสในประเทศอินเดียตลอดถึงประเทศจีน เพราะไม่เคยมีแบบอย่างเลยที่มหาประเทศใดในทวีปยุโรป จะมาขอบ้านเมืองจากเจ้านายฝ่ายอินเดีย โดยอำนาจไม่ได้อยู่เด็ดขาดในมหาประเทศนั้น บาดหลวงตาชาก็กลับโต้อีก ว่าน่ากลัวอันตรายจะมาถึงตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์ และถ้าเราขืนดื้อไม่พอใจอยู่เช่นนี้แล้ว ก็ น่ากลัวมองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องหัวขาดด้วย เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้าฉะนั้นเพื่อจะแสดงให้ท่านเห็นว่า เราไม่มีเจตนาอย่างใดที่จะทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ต้อง ล้มตาย เราจะยอมให้มีทหารไทยประจำอยู่ที่บางกอก ๑๐๐ คน ๓


๑๘ สำหรับแทนพลทหารฝรั่งเศส ๑๐๐ คน ซึ่งได้ล้มตายตามทางนั้น แต่จะต้องให้เรากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ทำหนังสือไว้เป็นหลักฐาน ให้ปรากฏว่า การที่ให้ทหารไทย ๑๐๐ คนเข้าไปอยู่ในป้อมที่บางกอก ได้นั้น ก็โดยมองซิเออร์เดฟาชได้ยอมและได้ขอเอาทหารไทย ๑๐๐ คนนี้มาสำหรับแทนทหารฝรั่งเศส ซึ่งขาดจำนวนเดิมที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงกำหนดไว้สำหรับรักษาตำบลนี้ บาดหลวงตาชาได้ฟังเราพูดดังนี้ก็เข้าใจว่าได้ชนะเราเพราะเราก็ได้ผ่อนผันให้แล้ว จึงแกล้งทำพูดว่าตามที่เราพูดเช่นนี้ไม่เห็นเป็น การแปลกอะไรเลย แต่บาดหลวงตาชาก็ยังไม่เห็นด้วย และยังไม่ ยอมรับรองในการเรื่องนี้ แต่ครั้นเราได้พูดต่อไปว่า ในเรื่องที่จะ กระทำสัตย์สาบาลกันนั้น มองซิเออร์เดฟาชจะไม่ยอมสาบาลอย่างอื่นนอกจากตามคำสาบาลที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงอนุญาตไว้แล้วเพราะเราก็ได้กำชับมองซิเออร์เดฟาชว่า ถ้าขืนทำนอกเหนือคำสั่ง ไปแล้ว มองซิเออร์เดฟาชจะต้องรับผิดชอบแต่ผู้เดียวเท่านั้น บาดหลวงตาชาได้ฟังก็ออกจะร้อนใจขึ้นบ้าง จึงได้พยายามอธิบาย ว่า คำสาบาลตามที่ปรากฏในข้อสัญญานั้น เป็นเกียรติยศต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส มากกว่าคำสาบาลที่เราได้ร่างขึ้นไว้ตามคำสั่งของเรา เสียอีก และได้อธิบายชี้แจงต่าง ๆ จะให้เราเชื่อตามถ้อยคำของ บาดหลวงตาชาให้จงได้ แล้วได้ยกย่องชมเชยมองซิเออร์คอนซตันซ์


๑๙ ว่าเป็นคนที่เอาใจใส่ซื่อสัตย์สุจริตต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจริง ๆ แม่ แต่ชนชาติฝรั่งเศสเองก็ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเท่ากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนที่แสดงตัวว่า เปนผู้ที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่างแล้ว ก็เป็นการน่าปลาดอยู่ว่าเหตุใด มองซิเออร์คอนซตันซ์ จึงมิได้ถือตามคำสั่งที่เราได้รับมาในเรื่องการกระทำสัตย์สาบาล อันเป็นคำสั่งที่กล่าวโดยชัดเจนแจ่มแจ้งเล่า บาดหลวงตาชาออกจะขัดเคืองจึงได้พูดขึ้นว่า ถ้าเช่นนั้นอย่ามีการสาบาลกันเสียเลยดีกว่า เพราะถ้ามีคนขอร้อง พระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสจึงจะทรงอนุญาต ฝ่ายพระเจ้ากรุงสยามก็จะไม่ทรงขอร้อง ให้ผู้ใดทำสัตย์สาบาล และคงจะทรงไว้พระทัยในพวกฝรั่งเศสต่อไป จะได้เปนอันหมดความขัดข้องกันเสียสักที เราจึงได้ตอบว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็จะเป็นการดีนักหนาทีเดียวแต่เดิม ๆ มาบาดหลวงตาชาไม่เคยได้เห็นเราขัดแข็งเช่นนี้เลย เพราะแต่ก่อนเราถือเสียว่าบาดหลวงตาชาเป็นคนที่เอาใจใส่ในกิจ ราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส แต่ครั้นมาภายหลังเราก็ได้เห็นแน่ ชัดแล้ว ว่าบาดหลวงตาชามิได้เอาราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เป็นประมาณ แต่กลับเอาใจใส่ฟั่นเฝืออยู่ในมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่ผู้เดียว จนที่สุดต่อมาบาดหลวงตาชาหาได้มาหาเราสำหรับที่จะปรึกษาหารือ ในข้อที่จะต้องไปพูดจา กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่


๒๐ แต่ได้มาหาเราสำหรับเอาข้อความของมองซิเออร์คอนซตันซ์มาพูด กับเราแทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ และถ้ามีข้อโต้เถียงอย่างใด บาดหลวงตาชาก็คอยขัดกับความเห็นของเราอยู่เป็นนิตย์ จนที่สุด บาดหลวงตาชาได้พูดว่า การที่เราจะได้ปฏิบัติต่อไปนั้นจะทำให้ เสียราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และในเวลาที่เรายังพักอยู่ ในเรือ เราก็ได้พยายามทำการต่าง ๆ ทุกอย่างแล้ว เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะเป็นที่พอใจเสียบ้าง เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ๑ เราไม่ได้ทำการอย่างใดที่จะเป็นข้อให้เราติตัวเราเองได้ เพราะเราจะทำไปอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากทำไปตามทางที่เราได้ปฏิบัติมาแล้ว แต่ตามการที่เป็นไป แล้วนั้น ไม่เป็นสิ่งที่จะทำให้เราพอใจได้เลย และการที่บาดหลวง ตาชาพอใจนั้น ก็เป็นการที่เราปลาดใจนักหนาทีเดียว ๒ การที่ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะพอพระทัยหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่เหตุการณ์ที่จะเป็นไป ๓ ควรบาดหลวงตาชาจะไปชี้แจงความจริงให้มองซิเออร์ คอนซตันซ์ฟัง ไม่ควรที่บาดหลวงตาชาจะไปยอมมองซิเออร์ คอนซตันซ์เลย ๔ เราเชื่อได้แน่ว่าการที่บาดหลวงตาชากระทำบาป เช่นนี้ไม่ใช่เพราะเจตนาไม่ดี แต่เป็นด้วยบาดหลวงตาชาไม่รู้ความ จริงในพระราชดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และไปเข้าใจผิดเสียว่า ถ้าได้จัดทำอะไรไปแล้ว คงจะเป็นการพอพระทัยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ทั้งสิ้น


๒๑ ครั้นได้สนทนาและโต้เถียงกันเสร็จแล้ว บาดหลวงตาชาก็ลา กลับไปกรุงศรีอยุธยา และรับรองว่าพรุ่งนี้จะได้กลับมารับร่าง สัญญาใหม่ซึ่งเราจะได้ร่างขึ้นนั้น ณวันที่ ๒๖ เดือนตุลาคม เวลาเช้า ราชทูตที่ ๑ ได้มาหาเราบอกว่าพระยาพระคลังใช้ให้มาถามว่า ในการที่เราจะเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามนั้น เราจะต้องการให้มีเกียรติยศหรือทำพิธีอย่างใดบ้าง การที่พระยาพระคลังได้ให้มาถามเช่นนี้ เป็นการที่เราปลาดใจมาก ด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการที่ ๑ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้เกียรติยศแก่เรา โดยยกให้เราเป็น เอ๊กซาเลนซี และการที่ได้รับรองเรามาแล้ว ก็ได้ให้เกียรติยศต่าง ๆ มากกว่าครั้งเชอวาเลียเดอโชมองหลายอย่าง เราจึงได้เข้าใจเสียว่า เรื่องพิธีและวิธีเข้าเฝ้าต่าง ๆ คงเป็นเรื่องที่ ได้ตกลงกันไว้แล้ว และเราคงจะได้รับการรับรองเหมือนกับครั้ง เชอวาเลียเดอโชมอง ทั้งไทยก็ได้ขอให้เราพาผู้ดีฝรั่งเศส ๓๐ คน ให้มากับเรา เพื่อได้เป็นการเพิ่มเกียรติยศเราด้วย เราจึงได้เข้าใจ ว่า วิธีที่จะเข้าเฝ้านั้น คงจะได้รับเกียรติยศยิ่งกว่าครั้งเชอวาเลีย เดอโชมองเสียอีก ประการที่ ๒ เราได้มีความปลาดใจว่าเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาหาเชอวาเลียเดอโชมอง เป็นการเงียบ ๆ เพื่อจะมาทำความตกลงในเรื่องพิธีที่จะเข้าเฝ้าว่า


๒๒ จะต้องมีอะไรบ้าง ส่วนเรานั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์หามาไม่ แต่ ให้ราชทูตที่ ๑ มาหาเรา โดยอ้างนามของพระยาพระคลัง ซึ่งเป็น ผู้ที่ไม่มีอำนาจอย่างใดเลย จนที่สุดเมื่อเราพักอยู่ที่บางกอก มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็มิได้มาหาเราเลย และในเวลาที่เรากับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์พักอยู่ที่บางกอกนั้น ก็ชั่วแต่มีแม่น้ำคั่นอยู่เท่านั้น และในเวลานั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็มิได้มีเหตุผลอย่างใดที่จะไม่ พอใจเราเลย เว้นแต่ในข้อที่บาดหลวงตาชาได้บอกกับมองซิเออร์ คอนซตันซ์ ว่าการที่เราไม่ยอมขึ้นบกก็เพราะเราขาดความไว้ใจ เท่านั้น แต่จะอย่างไรก็ตาม เราก็ยอมต้อนรับและพูดจากับราชทูต ที่ ๑ เพราะเป็นคนที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้เคยโปรดปรานมาแล้ว เราจึงได้พูดกับราชทูตที่ ๑ ว่าเราได้รับพระราชโองการมาจาก พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ให้เราขอร้องให้ได้รับเกียรติยศเท่าเทียม กับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง และได้พูดต่อไปว่า พระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสทรงหวังพระทัยว่าการที่เราจะขอร้องเช่นนี้ ข้างฝ่ายไทยคง จะไม่ขัดข้องอย่างไร แต่ทรงเชื่อพระทัยว่า บางทีไทยจะให้เกียรติยศ แก่เราสูงกว่าเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองก็จะเป็นได้ เพราะทรง เห็นว่าเมื่อคราวราชทูตของพระเจ้ากรุงสยามได้ไปยังประเทศฝรั่งเศส นั้น ก็ได้ทรงรับรองให้เกียรติยศเป็นพิเศษ ทั้งได้ทรงเอื้อเฟื้อแก่ พระเจ้ากรุงสยามหลายอย่างด้วย


๒๓ ราชทูตที่ ๓ จึงตอบว่า พระเจ้ากรุงสยามของข้าพเจ้าก็ ทรงตั้งพระทัยจะพระราชทานเกียรติยศให้แก่ท่านตามความต้องการของท่านทุกอย่าง แต่ทรงพระราชดำริเห็นว่าต่อไปยังจะมีพระเจ้า แผ่นดินองค์อื่น ๆ แต่งทูตเข้ามาเฝ้าอีก จึงต้องทรงระวังมิให้เกิด ความลำบากขึ้นได้ ก็ส่วนตัวท่านนั้นเป็นแต่เอนวอยเอกซตราออดี นารีเท่านั้น จึงทรงเกรงว่าต่อไปถ้าประเทศฝรั่งเศสได้แต่งทูตซึ่ง เป็นแอมบาซาเดอเอกซตราออดีนารีมาแล้ว ทูตนั้นมิขอเกียรติยศ ให้สูงยิ่งกว่าท่านไปอีกหรือ เราจึงได้ตอบราชทูตที่ ๑ ว่า ข้อนั้นไม่ควรจะวิตกเลย เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ทรงพอพระทัย ในการที่ไทยได้ให้เกียรติยศ แก่เชอวาเลียเดอโชมองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าต่อไปภายหน้าจะ ทรงแต่งเอกอัครราชทูตมาอีกแล้ว ก็คงจะทรงมีพระราชดำรัสสั่ง ให้ทูตนั้นได้รับเกียรติยศเพียงครั้งเชอวาเลียเดอโชมองเท่านั้น ราชทูตที่ ๑ จึงถามขึ้นว่า ในข้อนี้เราจะยึดอะไรเป็นหลัก ว่าจะได้เป็นไปตามที่ท่านพูดนั้นเล่า เราจึงได้ตอบว่าตัวท่านเองก็ได้เป็นพยานว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ได้ทรงพอพระทัยในการที่ไทยได้รับรองเซอวาเลียเดอโชมอง แล้วราชทูตที่ ๑ จึงได้ตอบเราว่า ตำแหน่งราชทูตซึ่งเรียกว่าแอมบาซาเดอร์ กับตำแหน่งราชทูตซึ่งเรียกว่า เอนวอยเอกซตรา ออดีนารีนั้น ต่างกันอย่างไร


๒๔ เราจึงได้ตอบว่าตำแหน่งหน้าที่ของราชทูตทั้ง ๒ นี้ในราชสำนักสยามจะถือว่าต่างกันไม่ได้ เพราะราชทูตไม่ต้องทำอะไรนอกจาก เป็นผู้เชิญพระราชสาส์นไปเท่านั้น แต่ในยุโรปนั้นเมื่อพระมหากษัตริย์องค์ ๑ แต่งทูตให้ไปเฝ้าพระมหากษัตริย์อีกองค์ ๑ แล้ว พระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้แต่งทูตไปนั้น มีสิทธิ์ที่จะตอบให้พระมหากษัตริย์ ผู้รับทูตได้แต่งทูตตอบแทนได้ แต่ถ้าได้แต่งทูตเป็นแต่เพียงเอนวอย ตอบแทนก็ได้ แต่ส่วนตำแหน่งทูตเอนวอยเอกซตราออดีนารี ซึ่ง พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงตั้งแต่งให้เราเป็นมาในครั้งนี้นั้น เป็น ตำแหน่งที่สูงสุด เพราะฉะนั้นบรรดาเจ้านายและขุนนางในประเทศ ฝรั่งเศสจึงถือว่าเกียรติยศของทูตเอนวอยเอกซตราออดีนารีนั้น สูง กว่าตำแหน่งทูตแอมบาซาเดอร์ธรรมดามาก แล้วเราจึงได้ยก ตัวอย่างให้ราชทูตที่ ๑ ฟัง ในเรื่องท่านมาเรซาลเดอลูมีแย ซึ่ง ราชทูตที่ ๑ ได้เห็นด้วยตัวของตัวเอง ในเวลาที่มาเรชาลเดอลูมีแย ได้เป็นเอนวอยเอกซตราออดีนารี ไปยังประเทศอังกฤษนั้น ราชทูตที่ ๑ จึงได้พูดซ้ำหลายหนว่า ดีแล้ว ดีแล้ว แล้วก็ได้บอกซ้ำอีกว่า พระเจ้ากรุงสยามทรงตั้งพระทัยที่จะพระราชทาน เกียรติยศให้แก่เราเหมือนกับที่ได้เคยพระราชทานเชอวาเลียเดอโช มองมาแล้ว แต่ต้องทรงระวังมิให้เกิดความลำบากขึ้นในภายหน้า ดังได้อธิบายให้เราฟังมาแล้ว


๒๕ เราจึงได้พูดซ้ำอีกว่า ข้อนั้นไม่ควรจะวิตกและการข้างหน้าคงจะไม่ลำบากอย่างไร เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสคงจะต้องสั่งผู้ที่ จะได้เป็นราชทูตในภายหน้า ให้ได้รับเกียรติยศเท่าเทียมเพียงเชอ วาเลียเดอโชมองเท่านั้น ในข้อนี้ได้พูดจาซ้ำไปซ้ำมาหลายหนและราชทูตที่ ๑ ก็ยังสงสัยขอให้เราทำหลักฐานให้อยู่เสมอ เราจึงได้รับว่าจะได้ทำคำรับรอง ไว้ด้วยลายลักษณ์อักษรให้ ราชทูตที่ ๑ ก็พอใจ จึงขอให้เราเซ็นชื่อและประทับตราของเราลงไปในใบรับรองนั้นด้วย ครั้นเวลาค่ำบาดหลวงตาชาก็ได้กลับมาหาเราอีก แต่หาได้ มาขอรับเอาร่างสัญญาดังได้นัดไว้ไม่ กลับมาบอกว่ามองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้ห้ามมิให้บาดหลวงตาชามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยอีก ต่อไป และเล่าว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกว่า ทั้งพระเจ้า กรุงสยามและพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส พอพระทัยในการงานที่บาด หลวงตาชาได้ทำไปแล้ว เพราะฉะนั้นให้บาดหลวงตาชางดเสีย อย่าเกี่ยวข้องด้วยการงานเหล่านี้อีกเลย เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้ห้ามไว้แล้ว ก็ควรบาดหลวงตาชาจะต้องปฏิบัติตามคำห้าม ของมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่ความจริงการที่บาดหลวงตาชา ไม่ยอมมาเกี่ยวข้องด้วยการงานต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่เรามิได้ ๔


๒๖ เสียใจเลย เพราะเราหวังใจอยู่ว่าเมื่อเราได้พบปะกับมองซิเออร์ คอนซตันซ์แล้ว เราคงจะได้พูดจาทำความตกลงกับมองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้ง่ายกว่าบาดหลวงตาชา และมองซิเออร์คอนซตันซ์ คงจะรักษาวาจาที่ได้พูดกับเราดีกว่าบาดหลวงตาชาเป็นแน่ มอง ซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า การที่บาดหลวง ตาชาจะงดไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวในการงานทั้งปวงนั้น เป็นการ สมควรยิ่งนัก เพราะการที่บาดหลวงตาชาเอาใจใส่ในกิจราชการ ของพระเจ้ากรุงสยามแต่ฝ่ายเดียวนั้น เป็นการที่เราดูไม่ได้ และ ถ้าบาดหลวงตาชาไม่ประพฤติตัวเช่นนี้แล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็คงจะไม่เชื่อถือบาดหลวงตาชาเป็นแน่ บาดหลวงตาชาจึงได้ชี้แจงว่า ความจริงบาดหลวงตาชาก็มีเจตนาดีในสิ่งทั้งปวง เมื่อการเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ ตกลงใจว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะไม่พูดการงานกับบาดหลวง ตาชาต่อไป แล้วเราจึงได้ถามบาดหลวงตาชาว่าที่กรุงศรีอยุธยา มีข่าวอะไรบ้าง บาดหลวงตาชาจึงได้เล่าว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ มีความโกรธเคืองเราเป็นอันมาก เราจึงได้ถามขึ้นว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์โกรธเรานั้นเพราะเหตุใดเล่า เพราะตั้งแต่เราได้มาถึงเมืองไทย ก็ยังไม่เคย ได้พบปะกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เลยจนครั้งเดียว ยังไม่เคย


๒๗ ได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์จนคำเดียว และหนังสือที่ได้มี ไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ล้วนแต่เป็นหนังสือที่อ่อนน้อม สุภาพทุกฉะบับ เพราะฉะนั้นการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์โกรธเรา นั้น มิต้องโกรธเราก่อนที่ได้รู้จักกันดังนั้นหรือ บาดหลวงตาชาจึงพยายามชี้แจงจะให้เราเชื่อว่า การที่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์โกรธเรานั้น ก็เพราะเหตุที่ข้าราชการฝรั่งเศส ที่ได้มากับเราบางคนนั้นได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ และได้ไป เล่าถึงข้อความที่เรากับบาดหลวงตาชาได้โต้เถียงกัน และอธิบาย ว่าพวกฝรั่งเศสที่เก็บความไปเล่าให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังนั้น อาจจะได้ยินคำโต้เถียงของเราได้ เพราะเขาอยู่นอกห้องก็จริงอยู่ แต่ฝาประจันห้องนั้นกั้นด้วยไม้ไผ่บาง ๆ อาจจะได้ยินถนัด ตามที่บาดหลวงตาชาอธิบายเช่นนี้ เมื่อพิเคราะห์ดูไม่เป็นสิ่ง ที่น่าเชื่อเลย เพราะเหตุว่า ๑ พวกฝรั่งเศสจะไปพูดกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ตัวต่อตัวไม่ได้เป็นอันขาด แต่จะต้องมีล่ามจึง จะพูดเข้าใจกันได้ ๒ พวกฝรั่งเศสเหล่านี้ได้มาถึงด่านภาษีพร้อม กับเรายังไม่ได้ไปไหนเลย จริงอยู่ในระวางที่บาดหลวงตาชา ได้พูดอยู่กับเรานั้น ก็ได้โต้เถียงกันโดยต่างคนต่างมีโทษะด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายหลายครั้ง และภายหลังในเวลาที่ข้าพเจ้าได้สนทนากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ข้าพเจ้าก็ได้ทราบว่า ในข้อโต้เถียง ระวางเรากับบาดหลวงตาชามีอย่างไรนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์


๒๘ ก็ได้ทราบอย่างละเอียดทุกอย่าง แต่ทำอย่างไร ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ เชื่อว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้ทราบมาจากทางอื่น นอก จากทราบจากบาดหลวงตาชาผู้เดียวเท่านั้น เพราะบาดหลวงตาชา ไม่มีนิสสัยที่จะปิดความ หรือที่จะกลบเกลื่อนให้มากเป็นน้อยได้ ในเวลานั้นก็พอดีบาดหลวงตาชาได้เข้ามาอยู่ในห้องข้าพเจ้า และได้มาบ่นในการที่มองซิเออร์เดอลาลูแบมีโทษะพูดจาห้าวหาญ มาก ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสที่ดี จึงได้ชี้แจงกับบาดหลวงตาชาว่า การที่บาดหลวงตาชาคาบเอาความต่าง ๆ ที่เราพูด ไปรายงานให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบนั้น เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ฝ่ายเรา ได้ถือใจว่าบาดหลวงตาชาก็เป็นชาวฝรั่งเศส และเป็นพลเมืองของ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสผู้หนึ่ง เราจึงได้พูดอะไรต่ออะไรต่าง ๆ ต่อหน้า บาดหลวงตาชา โดยมิได้ระวังถ้อยคำที่ใช้อย่างใดเลย และ บอกให้บาดหลวงตาชาทราบในข้อขัดข้องต่าง ๆ แต่เมื่อบาดหลวง ตาชาได้ยินได้ฟังเราแล้วก็ควรที่จะปิดความที่เราพูดไว้ และควร จะคัดเลือกแต่ฉะเพาะใจความที่พูดเท่านั้น ไม่ควรจะถือกิริยาและ ถ้อยคำที่เราใช้เป็นใหญ่เลย ถ้าแม้ว่าจะมีข้อความอย่างใดที่จะเป็น คำแหลมแล้ว บาดหลวงตาชาก็ไม่ควรจะทำเป็นรู้สึก แต่ควร จะปิดเสียอย่าให้คำนั้นแพร่หลายออกไปได้จึงจะถูก เพราะถ้า เกิดการบาดหมางซึ่งกันและกันขึ้นแล้ว ก็จะกระทำให้การงาน ทั้งหลายเสียไปหมด


๒๙ บาดหลวงตาชาได้ฟังข้าพเจ้าอธิบายชี้แจงดังนี้ จึงตอบข้าพเจ้าว่า ก็ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำอย่างไรเล่า ท่านก็เห็นอยู่เอง แล้วว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบ ได้ทำกับข้าพเจ้าและมองซิเออร์ คอนซตันซ์อย่างไร อีกประการหนึ่งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ ทราบความต่าง ๆ จนถึงกับมีความขัดเคืองนั้น ก็หาใช่ข้าพเจ้า เป็นผู้ไปเล่าให้ฟังไม่ แต่ผู้ที่ไปเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้มองซิเออร์คอนซ ตันซ์ฟังนั้น ก็คือข้าราชการฝรั่งเศสที่มากับท่านนั้นเอง เพราะมองซิเออร์เดอลาลูแบเคยพูดต่อหน้าท่านเหล่านี้ด้วยเสียงอันดัง อันอาจจะให้ใคร ๆ ได้ยินก็ได้ แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้ชี้แจงต่อไปว่า มองซิเออร์คอนซ ตันซ์พอใจจะฟังถึงการต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์แก่ราชการของ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส แต่วิธีที่ดำเนินการนั้น ๆ เป็นวิธีที่มองซิเออร์ คอนซตันซ์มิได้พอใจเลย มองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเป็นคนที่มี เจตนาอันดี จะหาผู้ใดที่จะมีเจตนาดีเท่าเป็นไม่ได้แล้ว และเมื่อ ท่านได้ปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเวลาที่ท่านจะทำ หนังสือสัญญาซึ่งเกี่ยวด้วยการค้าขายแล้ว ท่านก็คงจะเห็นในข้อ นี้ด้วยตัวของท่านเอง ข้าพเจ้าจึงได้ตอบบาดหลวงตาชา ว่าก่อนที่จะได้พูดจากัน ถึงเรื่องการค้าขาย และในเรื่องที่จะตั้งบริษัทฝรั่งเศสในเมืองไทย นั้น จะต้องได้ทำความตกลงกันในเรื่องที่จะให้นายทหารและกอง


๓๐ ทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เข้าไปประจำอยู่ที่บางกอกและ เมืองมะริด ให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง เสียก่อน ถ้าไม่ได้ตกลงกันในเรื่องบางกอกและเมืองมะริด ให้เป็นที่พอใจเสียก่อนแล้ว ถึงเราจะทำสัญญาอย่างอื่น ๆ สักกี่ ฉะบับ สัญญาเหล่านั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย เพราะเหตุ ว่า ถ้าพวกมิชันนารีไม่มีที่แห่งใดสำหรับเป็นที่พักอาศัยในเวลาที่ จะเกิดกบฏขึ้นในเมืองไทยอยู่ตราบใดแล้ว ก็ไม่ควรจะคิดถึงการ ที่จะแผ่ศาสนาคริสเตียนให้แพร่หลายในเมืองเหล่านี้เลย ที่พักอาศัย อันพ้นจากความอันตรายทั้งปวงอันนี้เอง เป็นรากเง่าของการที่จะ จัดให้ศาสนาคริสเตียนได้แพร่หลายออกไป และเป็นที่สำคัญ สำหรับจัดการเรื่องค้าขายด้วย การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรง พระราชดำริจะหาที่มั่นเช่นนี้ ไม่ฉะเพาะแต่เพื่อประโยชน์ของการศาสนาและการค้าขายอย่างเดียว แต่เพื่อประโยชน์สำหรับให้เป็น หนทางให้พระราชไมตรีในระหว่างประเทศฝรั่งเศสและประเทศสยาม ได้ติดต่อกันอย่างสะดวกด้วย ทั้งในเวลาที่จะเกิดความร้อนขึ้นในประเทศสยาม ก็จะได้ส่งกำลังไปช่วยให้ทันท่วงทีได้ด้วย ข้อความที่ข้าพเจ้าได้สนทนากับบาดหลวงตาชานี้ ข้าพเจ้าได้รีบรายงานบอกให้มองซิเออร์เดอลาลูแบทราบโดยทันที ก่อนที่บาดหลวงตาชาจะลากลับไปนั้น บาดหลวงตาชาได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า ในเรื่องนี้ถ้ามองซิเออร์เดอลาลูแบ


๓๑ จะคิดอ่านฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ใดแล้ว ข้างฝ่ายไทยก็จะไม่ถือว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบเป็นราชทูต ( เอนวอย ) ข้างฝ่ายพระเจ้า กรุงสยามก็คงจะตอบว่า ทรงเชื่อว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบไม่มี หน้าที่ที่จะมาฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ใด และผลที่สุดมองซิเออร์เดอ ลาลูแบคงจะได้รับความรำคาญใจหลายพันอย่าง จนมองซิเออร์ เดอลาลูแบคงจะเบื่อหน่ายไปเอง มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงถามว่า ถ้าฉะนั้นการที่ข้าพเจ้ามาเมืองไทยนั้น คงจะไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไร นอกจากจะมาคอยดู คอยรับความรำคาญ และจะพูดอะไรก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ และ ผลที่สุดของการที่จะทำสัญญานั้นจะเป็นอย่างไรเล่า บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ในเรื่องสัญญานั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลยจนข้อเดียว แต่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์จะยอมเติมความลงไปให้อีกข้อ ๑ ว่าการทั้ง หลายทั้งปวงเหล่านี้จะควรสถานใด ก็แล้วแต่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส จะทรงพระมหากรุณา ตามที่บาดหลวงตาชามาบอกดังนี้ ถึงจะเติมความลงไปอีก ข้อ ๑ อย่างว่า ก็ไม่เห็นจะเป็นหลักอะไรเลย แต่คงเป็นเรื่อง อุบายสำหรับหาเวลาให้ชักยืดออกไปเท่านั้น เพราะฝ่ายเราจะต้อง การหาตัวจริง มิต้องการฟังถ้อยคำอันไพเราะอย่างใดเลย เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า


๓๒ ตามที่ท่านมาพูดบอกเล่าเช่นนี้ ก็เป็นข่าวที่แปลกมาก เพราะเราสังเกตเห็นว่า ท่านได้มาหาเราสองสามครั้งโดยอ้างเหตุว่า จะมารับเอาร่างข้อสัญญาไป แต่ความจริงที่ท่านมาหาเรานั้น ก็เพื่อสำหรับมาแนะนำการแปลก ๆ ต่าง ๆ แทนมองซิเออร์คอนซ ตันซ์เท่านั้น บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บ่นอยู่ว่า ท่านได้ออกความเห็นเปลี่ยน แปลงอยู่ทุก ๆ วัน มิได้ยุตติลงไปได้เลย เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า การที่เราจะมาโต้เถียงกัน อยู่เช่นนี้หาประโยชน์อันใดมิได้เลย แล้วเราจึงได้ถามบาดหลวง ตาชาว่า สัญญาข้อใหม่ตามที่บาดหลวงตาชามาพูดนั้น ได้เอา ร่างมาด้วยหรือเปล่า บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า สัญญาข้อใหม่นั้นมิได้ร่างเอา มาด้วย เพราะไม่ต้องร่างมาก็ได้ ให้เราร่างเอาเองก็แล้วกัน เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า เราได้จดข้อความร่างไว้แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้ขอดู เราก็ได้เอาร่างให้บาดหลวงตาชาดู บาดหลวงตาชาจึงรับว่า จะเอาร่างนั้นไปให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ดูต่อไป ในระวางที่ร่างและเขียนสัญญาข้อนี้อยู่นั้น เราได้บอกกับ บาดหลวงตาชาว่า เราได้มีหนังสือไปถึงมองซิเออร์โวลัง ผู้เป็น


๓๓ เอนยินเนียของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ซึ่งประจำอยู่ที่บางกอก สั่งให้มองซิเออร์โวลังมาหาเรา เพื่อจะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะควรทำ ความตกลงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ประการใดบ้าง บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบเราว่า พื้นที่ดินที่บางกอกนั้น เป็นพื้นที่ซึ่งยากจะตรวจตราให้ละเอียดได้ เพราะเป็นพื้นที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ และใต้พื้นแผ่นดินก็หนา ๆ บาง ๆ ไม่เสมอกัน บาดหลวงตาชาจึง เห็นว่า กว่าจะได้ทำแผนที่และแปลนป้อมอันแน่ชัดได้แล้ว ก็คง จะต้องกินเวลาไม่ต่ำกว่า ๓ เดือน ในข้อนี้เราก็มิได้เคี่ยวเข็ญคาดคั้นอย่างใด แต่เราก็ได้ระลึก ขึ้นได้ว่าบาดหลวงตาชาได้บอกเราไว้ว่า พระเจ้ากรุงสยามได้ทรง พระราชดำริไว้ว่า จะได้ทรงจัดให้บางกอกเป็นที่แข็งแรงมั่นคง อย่างสำคัญ ซึ่งจะต้องมีกองทหารรักษาอยู่ไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ คน เราจึงได้ทาบทามบาดหลวงตาชาเพื่อจะฟังดูว่า ในเรื่องที่จะสร้าง ป้อมขึ้นที่บางกอกนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จะมีความเห็นอย่าง ไรบ้าง บาดหลวงตาชาจึงได้อธิบายว่า ในตำบลบางกอกซึ่งเป็น ลูกกุญแจอันสำคัญของประเทศสยามนี้ จะต้องจัดการให้เป็นตำบล ที่สำคัญที่สุด และจะต้องขอร้องให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งกอง ทหารมาเพิ่มเติมสำหรับตำบลนี้อีก ครั้นข้อสัญญาที่บาดหลวงตาชาคอยอยู่นั้นได้ร่างและเขียนเสร็จ แล้ว เราจึงได้มอบข้อสัญญานั้นให้บาดหลวงตาชารับไป แต่เรา ๕

๓๔ ได้บอกกับบาดหลวงตาชาว่า การที่เราได้มอบให้บาดหลวงตาชา รับข้อสัญญาไปนั้น ก็เพราะเหตุที่บาดหลวงตาชาขอร้องจะรับเอา ไปเท่านั้น แต่มิได้เป็นการแสดงว่าเราได้เป็นที่พอใจในข้อสัญญา นั้นเลย บาดหลวงตาชาได้ฟังก็มิได้ว่าประการไร แล้วก็ได้รับ ข้อสัญญานั้นไป การที่เราจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามนั้นต้องเลื่อนเวลาออกไปอีก เพราะเหตุว่าของเครื่องราชบรรณาการยังหาได้เตรียมไว้ พร้อมเสร็จไม่ ด้วยมีของต่าง ๆ ที่ได้บุบฉลายหักพังไปหลายอย่าง ของที่เสียหายนั้น คือ ลูกโลกกลม ๒ อัน กับนาฬิกากะจก สี่ด้าน ซึ่งเรากำลังพยายามจะซ่อมแซมแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างเดิม เพราะฉะนั้นเราจึงขอให้บาดหลวงตาชาไปพูดกับมองซิเออร์คอนซ ตันซ์ ขอให้เราได้พบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นการส่วนตัว ในวันพรุ่งนี้ การที่เราร้อนใจอยากจะพบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ นั้น ก็เพราะจะพยายามทุกอย่างไม่ให้ฝ่ายเรามีความบกพร่องได้จนอย่างเดียว แต่เราก็มิได้หวังเลยว่าจะทำความตกลงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อย่างใด เพราะเราเชื่อแน่ว่าทำอย่างไร ๆ มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะไม่ห่างกับบาดหลวงตาชาได้ และเรา กลับสงสัยเสียซ้ำไปว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะคิดจัดพวก บาดหลวงเยซวิตบางคนให้ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อนำความ ต่าง ๆ ไปกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และจะทรงโปรดมา


๓๕ ประการใดก็แล้วแต่จะทรงเห็นควร แต่ในระวางนี้มองซิเออร์ คอนซตันซ์คงจะต้องการให้การทั้งปวงที่บางกอกได้ตกอยู่ในกำมือ ของตัวทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราจึงได้ตั้งใจว่าเราจะไม่เอาถ้อยคำ ของมองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นหลักสำหรับให้เรามีความหวังต่าง ๆ แต่จะต้องการหลักฐานและตัวจริงให้จงได้ เพราะเหตุฉะนั้นข้อ สัญญาที่เราได้มอบไปกับบาดหลวงตาชานั้น จึงเป็นการที่เรามิได้ พอใจเลย ณวันที่ ๒๗ เดือนตุลาคม บาดหลวงตาชาได้มารับประทานอาหารกับเรา เราจึงได้ถามว่า ในเรื่องที่เราจะขอไปพบกับมองซิเออร์ คอนซตันซ์เป็นการส่วนตัวนั้น จะตกลงอย่างไรกัน บาดหลวง ตาชาก็ตอบแต่สั้น ๆ ว่า ถ้าเราไปมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยินดีที่ จะได้พบกับเรา และว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็กำลังหาโอกาสที่จะ มาหาเราบ้างเหมือนกัน เราจึงได้ถามต่อไปว่า ในเรื่องสัญญาข้อ ใหม่นั้นว่าอย่างไรกัน บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า มองซิเออร์ คอนซตันซ์ไม่ยอมตรวจดูร่าง และได้กำชับบาดหลวงตาชาอีก มิให้บาดหลวงตาชาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยการเหล่านี้ เราจึงได้ขอ ให้บาดหลวงตาชาส่งข้อสัญญาคืนให้แก่เรา และบาดหลวงตาชา ก็ได้คืนให้ตามความประสงค์ แล้วมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ พูดกับบาดหลวงตาชาว่า เราทราบอยู่ดีแล้วว่าเวลาที่เราจะไป


๓๖ หามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นการส่วนตัวนั้น ฉะเพาะตรงกับ เวลาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เคยเข้าไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม และ การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะมาเยี่ยมเรานั้น ก็คงจะเป็นการ ติดขัดต่าง ๆ เพราะเหตุฉะนั้นเราจะไม่ไปหามองซิเออร์คอนซ ตันซ์ และอย่าให้มองซิเออร์คอนซตันซ์คอยเราเลย อีกประการ หนึ่งเราก็ได้สังเกตเห็นแล้วว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แกล้ง ไม่มาหาเรา สำหรับที่จะทำความตกลงในเรื่องพิธีที่จะเข้าเฝ้า ผิดกันกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง เพราะเมื่อครั้งนั้นมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาทำความตกลงกับเชอวาเลียเดอโชมองด้วย ตัวเอง และการที่เราได้ยอมฟังและพูดจากับราชทูตที่ ๑ นั้น ก็เพราะเหตุที่ราชทูตที่ ๑ เป็นคนโปรดของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เท่านั้น บาดหลวงตาชาได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้เลยอยู่ กับเราตลอดวัน และข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสที่จะพูดกับบาดหลวง ตาชาฉะเพาะสองต่อสองได้ บาดหลวงตาชาได้ถามข้าพเจ้าถึงเรื่อง การค้าขายหลายข้อ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ยอมขยายความให้บาดหลวง ตาชาฟัง เพราะไม่อยากให้บาดหลวงตาชามาเกี่ยวข้องด้วยอีก ต่อไป โดยถือเสียว่าเมื่อได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นแล้ว ก็จะ ได้พูดจาทำความตกลงตรงกับตัวมองซิเออร์คอนซตันซ์เองดีกว่า


๓๗ ฝ่ายมองซิเออร์เดอลาลูแบก็พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้บาดหลวงตาชาหายใจแข็งลงบ้าง เพราะบาดหลวงตาชาร้องว่าถ้า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราก็โทษแต่บาดหลวงตาชาผู้เดียวเท่านั้น เรา จึงได้บอกว่าเรามิได้โทษบาดหลวงตาชาอย่างใดเลย แต่บาด หลวงตาชาเองไปคิดเสียว่า การงานทั้งปวงซึ่งเป็นกิจราชการ ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ดำเนินไปอย่างดีแล้ว และถ้ายังมี กองทหารไทยประจำอยู่ที่บางกอกตราบใด เราจะเห็นพ้องกับ บาดหลวงตาชาว่าการทั้งปวงได้ดำเนินไปอย่างดีไม่ได้อยู่เอง นอก จากนั้นบาดหลวงตาชาจะทำประการใด ก็แล้วแต่บาดหลวงตาชา จะทำ เพราะต้องรับผิดชอบในส่วนตัวของตัวเอง และข้าง ฝ่ายเราก็ต้องรับผิดรับชอบในส่วนการงานที่เราได้ทำไปเหมือนกัน ถ้าหากว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะพอพระทัยในเรื่องต่าง ๆ ที่ได้เป็น ไปแล้ว เราก็จะพลอยมีความยินดีด้วยเป็นอันมาก เพราะเรา ไม่ได้มุ่งหมายอะไรนอกจากจะทำการให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเท่านั้น เราจึงได้ขอต่อบาดหลวงตาชาว่าอย่าได้มี ความบาดหมางกับเราเลย เพราะถ้าเราได้รู้สึกเสียแต่ชั้นเดิม ว่าความคิดของบาดหลวงตาชาไม่ตรงกับความเห็นของเราแล้ว เรา ก็คงจะพยายามหาหนทางมิให้บาดหลวงตาชาและตัวเราขัดใจกันได้เป็นอันขาด


๓๘ บาดหลวงตาชาจึงตอบและพูดซ้ำกับคำเก่าอีกว่า บาดหลวง ตาชาทราบได้ดีทีเดียว ว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและท่านมาดวิศเดอ เซเนเลได้ส่งตัวบาดหลวงตาชามาว่าเป็นอย่างไร เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่าความจริงเราก็หาได้มีเกียรติยศที่จะได้รับคำสั่งตรงจากพระโอษฐของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ แต่ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ให้เจ้าพนักงานมีคำสั่งมายังเรา อันเป็น คำสั่งที่เราได้เข้าใจดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่จะพูดกันไปให้ ยืดยาว และที่จะขัดใจบาดหมางกันต่อไปนั้น ไม่เป็นประโยชน์ อันใดเลย เพราะทำอย่างไร ๆ ความเห็นของเรากับบาดหลวง ตาชาก็แตกต่างกันเสียแล้ว เวลาค่ำบาดหลวงตาชาได้กลับขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยา ไม่ช้าบาดหลวงตาชาก็ได้กลับลงมาอีกพร้อมกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่เราได้ทำตวามตกลงในใจว่า ในคราวแรกที่จะได้พบปะกับมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น เราจะไม่พูดถึงการงานเลยจนคำเดียว เพราะในน้ำใจของมองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชาก็มี ความขุ่นมัวขัดใจเราอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องคิดอ่านลบล้างให้ท่าน ทั้งสองนี้หายขัดใจเสียก่อน จึงจะพูดถึงการงานต่อไปได้ เมื่อเราได้พบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ก็ไม่ได้พูดถึง อะไรนอกจากต่างคนต่างแสดงความต้อนรับตามธรรมเนียม และ เราได้เอาสุราต่าง ๆ ของ ประเทศยุโรปและประเทศอินเดียออก


๓๙ มาเลี้ยง ในเวลาที่สนทนากันอยู่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ เอ่ยถึงเรื่องซึ่งเราเห็นเป็นการปลาดมาก เรื่องที่ ๑ นั้น มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ได้กล่าวว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ มาหาเชอวาเลียเดอโชมอง เพื่อทำความตกลงในเรื่องพิธีที่จะ เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นนั้น ก็เพราะเหตุที่เชอวาเลียเดอโชมอง ได้เชิญมองซิเออร์คอนซตันซ์มาโดยฉะเพาะ แต่ความจริง การชะนิดนี้ก็หาใช่หน้าที่ของมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ การที่ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กล่าวเช่นนี้ เราก็เข้าใจได้ดีว่าเป็นการ แก้ตัวของมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ มิได้มาหาเราเหมือนที่ได้ไปหาเชอวาเลียเดอโชมอง และที่ มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดแก้ตัวเช่นนี้ ก็เนื่องจากคำที่เราได้พูด ต่อว่าบาดหลวงตาชานั้นเอง ต่อนั้นมาข้าพเจ้าได้ทราบว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มีความขัดเคืองมองซิเออร์เดอลาลูแบ เพราะได้มีคนเอาเรื่องต่าง ๆ ไปเล่า ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟัง มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตั้งใจ พยายามจะทำให้เราได้รับความราคาญใจที่สุดที่จะทำได้ แต่ความ จริงเมื่อแรกเราได้มาถึงเมืองไทยนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ ตั้งใจไว้ว่าจะให้เกียรติยศกับเราทุก ๆ อย่าง แต่ในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดจะรังแกเราเช่นนี้ก็ยังหาหนทางที่จะออกตัวได้ จึง ได้เอาชื่อของพระยาพระคลังมาอ้าง เพื่อต่อไปจะได้ซัดพระยา


๔๐ พระคลังได้ แต่ความจริงการที่ราชทูตที่ ๑ ได้มาหาเรานั้น ก็คือมองซิเออร์คอนซตันซ์เองเป็นผู้ที่ให้มา และราชทูตที่ ๑ ก็เอา ข้อความที่ได้มาพูดกับเราไปรายงานกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ หา ใช่พระยาพระคลังใช้ให้มาไม่ ที่จริงมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ควร จะเข้าใจผิดเลยว่าเราอยากจะทำธุระกับพระยาพระคลัง เพราะเราอยากทำธุระต่าง ๆ ตรงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ดีกว่า และ ที่จริงในเรื่องพิธีที่จะเข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นนั้น เราก็มิได้ขอร้องอย่างใดเลย และเมื่อราชทูตที่ ๑ ได้มาหาเราโดยอ้างว่าพระยา พระคลังใช้ให้มานั้น เราเป็นแต่ฟังราชทูตที่ ๑ พูดฝ่ายเดียวเท่านั้นกับทั้งการที่เรายอมฟังราชทูตที่ ๑ นั้นก็โดยเราอ้างเหตุว่า ราชทูต ที่ ๑ เป็นคนโปรดของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ในเวลาที่ราชทูตได้ไป เจริญทางพระราชไมตรีในประเทศฝรั่งเศส ดังนี้ เรื่องที่ ๒ ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์กล่าวนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวแก่ราชทูตของกรุงเปอเซีย ซึ่งได้มาเจริญทางพระราชไมตรีกับเมือง ไทย ในเวลาภายหลังที่เชอวาเลียเดอโชมองได้กลับไปประเทศ ฝรั่งเศสแล้ว ในเรื่องราชทูตกรุงเปอเซียนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้อ้างถึงพระมหากรุณาของพระเจ้ากรุงสยาม และได้ยกย่อง พระเจ้ากรุงสยามจนเหลือที่จะฟังได้ แล้วจึงได้เล่าว่า ก่อนวันที่ราชทูตกรุงเปอเซียจะเข้าเฝ้าเพื่อทูลลานั้น เจ้าพนักงานได้ถามราชทูตตามธรรมเนียมว่า พระเจ้ากรุงสยามมีรับสั่งให้ถามว่า


๔๑ ราชทูตมีกิจที่จะกราบทูลหมดเพียงเท่านี้ หรือจะมีกิจธุระ อย่างใดอีกบ้าง ราชทูตเปอเซียได้ตอบว่า หมดกิจไม่มีธุระอะไร อีกแล้ว แต่ครั้นรุ่งขึ้นในเวลาที่ทูตเปอเซียได้เข้าเฝ้า เมื่อพระเจ้า กรุงสยามได้ทรงโยนใบรับพระราชสาส์นของพระเจ้าเปอเซียตาม ธรรมเนียมพระราชประเพณีแล้ว ราชทูตเปอเซียได้ชักหนังสือ เขียนเป็นภาษาไทยออกจากเสื้อฉะบับ ๑ และได้ร้องขอให้ เจ้าพนักงานมาอ่านถวายหน้าที่นั่งในเดี๋ยวนั้น หนังสือฉะบับนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรนอกจากเป็นเรื่องกล่าวโทษมองซิเออร์คอนซตันซ์เท่านั้น ในระวางที่เจ้าพนักงานกำลังอ่านหนังสือถวายอยู่นั้น พระเจ้ากรุง สยามก็ทอดพระเนตร์เหลียวไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง หาได้ทรงฟังหนังสือไม่ จนตลอดเวลาเสด็จขึ้น การที่ราชทูตกรุงเปอเซียถวายหนังสือนั้นก็หาได้เป็นผลอย่างใดไม่ เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เล่าจบเรื่องลงแล้ว พวกเรา ก็พากันหัวเราะขึ้น แต่หาได้ทำให้รู้สึกไม่ว่าเราเข้าใจดีว่า เหตุใดมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงเอาเรื่องนี้มาเล่า ความประสงค์ของ มองซิเออร์คอนซตันซ์ที่เอาเรื่องราชทูตเปอเซียมาเล่านั้น ก็คือเกรงว่าเราจะกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามกล่าวโทษในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำกับเราต่าง ๆ จึงได้เอาเรื่องทูตเปอเซียมาเล่า เพื่อเรา จะได้ท้อใจจะได้ไม่กราบทูลกล่าวโทษตัวเท่านั้น และที่มองซิเออร์ ๖


๔๒ คอนซตันซ์วิตกเช่นนี้ ก็เนื่องจากคำบอกเล่าของบาดหลวงเดอเบซ ซึ่งไปเล่าให้บาดหลวงตาชาฟังว่า เราคิดจะกราบทูลฟ้องต่อพระเจ้า กรุงสยามถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เป็นไปแล้ว แต่ความจริงในเรื่อง ที่จะกราบทูลฟ้องกล่าวโทษผู้ใดต่อพระเจ้ากรุงสยามนั้น เรามิได้ คิดเช่นนั้นเลย แต่เราได้คิดไว้ว่าจะได้ทำหนังสือกราบทูลพระเจ้า กรุงสยามให้ทรงทราบในข้อขัดข้องต่าง ๆ แต่หนังสือนั้นจะได้ยื่น ต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามแบบธรรมเนียมของทวีปยุโรป ซึ่ง เป็นธรรมเนียมที่ผิดกับธรรมเนียมในฝ่ายอินเดีย เพราะในฝ่าย อินเดียนี้ พระเจ้าแผ่นดินเป็นแต่สั่งการกับเสนาบดีด้วยพระโอษฐ์ เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าผลของคำสั่งนั้น ๆ จะเกิดภัยขึ้นแล้ว ความ ผิดก็ตกหนักอยู่กับเสนาบดีผู้รับคำสั่งนั้นมาปฏิบัติ และความจริง ก็ได้มีผู้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม กล่าวโทษมองซิเออร์คอนซตันซ์ อยู่บ่อย ๆ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นผู้ที่กลั้นโทษะไม่ใคร่จะได้ เมื่อเช้านี้ราชทูตที่ ๑ ได้กลับมาหาเราอีก และแจ้งว่าพระเจ้ากรุงสยามนายของเขาจะได้โปรดพระราชทานเกียรติยศให้แก่เรา เหมือนกับที่ได้พระราชทานแก่เชอวาเลียเดอโชมองทุกอย่าง และ ได้พูดต่อไปว่า พระยาพระคลังมีประสงค์จะให้เราเขียนจดหมาย อีกฉะบับ ๑ รับรองว่า ถ้าต่อไปในภายหน้าพระเจ้ากรุงสยามจะทรงแต่งทูต ( เอนวอยเอกซตราออดีนารี ) ไปยังประเทศฝรั่งเศสบ้าง แล้ว ข้างฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะต้องรับรองและพระราชทาน


๔๓ เกียรติยศให้แก่ราชทูตไทย เหมือนกับที่พระเจ้ากรุงสยามได้ พระราชทานเกียรติยศให้แก่ทูตฝรั่งเศสในครั้งนี้เหมือนกัน การที่ราชทูตที่ ๑ มาพูดเช่นนี้ กระทำให้เรามีความปลาด ใจมาก เพราะเราเข้าใจว่าการเรื่องนี้ได้เป็นการตกลงกันตั้งแต่วัน วานนี้แล้ว เราจึงได้ตอบราชทูตที่ ๑ ว่า เราเชื่อแน่ว่าเมื่อพระเจ้า กรุงสยามได้รับสั่งไว้ว่าอย่างไร ก็คงจะได้ทรงจัดการให้ได้เป็นไป ตามที่ได้รับสั่งไว้นั้น แต่ส่วนหนังสือที่พระยาพระคลังจะต้องการนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีหนังสือก็ได้ เพราะไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย โดยเหตุที่พระยาพระคลังได้หนังสือของเราไปไว้ฉะบับ ๑ แล้ว และ ในหนังสือฉะบับนั้นเราก็ได้ขอร้องให้เราได้รับเกียรติยศเหมือนกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง หนังสือฉะบับนั้นเองเป็นหลักสำหรับการ ข้างหน้า เพื่อพระเจ้ากรุงสยามจะทรงแต่งทูต ( เอนวอยเอกซตรา ออดีนารี ) ไปยังประเทศฝรั่งเศสเวลาใด ข้างฝ่ายทูตไทยก็มีอำนาจ ที่จะขอร้องให้ได้รับเกียรติยศอย่างทูตได้ทีเดียว เมื่อเราได้อธิบาย ดังนี้แล้ว ราชทูตที่ ๑ ก็เป็นที่พอใจ จึงได้ลากลับไป ณวันที่ ๒๘ เดือนตุลาคม เราได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นการส่วนตัวที่กรุงศรีอยุธยา มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ต้อนรับ เราอย่างดี และได้เชิญให้เราเข้าไปในห้อง เพราะมองซิเออร์ คอนซตันซ์จะต้องการพูดในเรื่องสำคัญกับเรา ในการที่ได้สนทนา กันในคราวนี้ บาดหลวงตาชาก็อยู่ด้วย รวมที่ได้นั่งสนทนากันเป็น


๔๔ ๔ คน และเรื่องสำคัญที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการพูดกับเรา นั้น บาดหลวงตาชาก็ได้ทราบเรื่องตลอด แต่ก็หาได้บอกให้เรา ทราบล่วงหน้าไม่ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอ่ยพูดขึ้นว่า ธรรมดาพระเจ้าแผ่นดินในฝ่ายตะวันออกนั้น ทรงถือนักในเรื่องพิธีจะเข้าเฝ้า และยิ่งใน ประเทศสยามแล้ว พระเจ้ากรุงสยามทรงถือจัดอย่างที่สุด ก็พวก เราก็ทราบอยู่ทุกคนแล้วว่า ในประเทศยุโรปนั้นได้ขีดขั้นว่า ตำแหน่งราชทูต ( แอมบาซาเดอร์ ) กับตำแหน่งราชทูต ( เอนวอยเอกซตรา ออดีนารี ) ต่างกันอย่างไร ในเรื่องนี้พระยาพระคลังก็ได้นำความ กราบทูลอธิบายให้พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทราบโดยละเอียดแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะรับรองเราอย่างราชทูตแอมบาซาเดอร์นั้นเป็นการไม่สมควร เพราะเหตุว่าเราหาได้รับตำแหน่งแอมบาซาเดอร์มาไม่ มองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเป็นคนที่พูดจายืดยาดและเป็นคนถือตัว หยิ่งด้วย เพราะฉะนั้นที่พูดกับเราคราวนี้จึงได้พูดโดยยืดยาวและใช้ถ้อยคำที่แรง ๆ มาก และพูดเป็นภาษาปอตุเกตด้วย มองซิเออร์ เดอร์ลาลูแบจึงพูดภาษาปอตุเกตตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงเป็นพระธุระเอื้อเฟื้อแก่พระเจ้ากรุงสยามหลายอย่างหลายประการมาแล้ว โดยเหตุนี้จึงทรงหวังว่า เราคงจะได้รับเกียรติยศไม่ฉะเพาะแต่เพียงเท่าเทียมเชอวาเลียเดอโช มอง แต่คงจะได้รับเกียรติยศสูงกว่าเชอวาเลียเดอโชมองขึ้นไปอีก


๔๕ ในส่วนที่ว่าตำแหน่งราชทูตแอมบาซาเดอร์กับเอนวอยเอกซตราออดี นารีต่างกันนั้น ก็ต่างกันจริงแต่ฉะเพาะในประเทศยุโรปเท่านั้น และฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็เข้าพระทัยได้ดีว่า ธรรมเนียมของทวีป ยุโรปในข้อนี้ ยังหาได้ถือกันในฝ่ายประเทศอินเดียไม่ และการที่ได้ มีทูตเชิญพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสมานั้น ก็เป็นการเพียงพอที่จะต้องให้ทูตได้รับเกียรติยศทุกประการแล้ว ส่วนราชทูตของ พระเจ้ากรุงสยามที่ไปเจริญทางพระราชไมตรีนั้น ก็ได้รับตำแหน่ง เป็นราชทูต อันเป็นตำแหน่งซึ่งไม่มีใครรู้จักในประเทศฝรั่งเศสเลย แต่ถึงดังนั้นพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ทรงแปลคำว่าราชทูตอย่างดีที่สุดที่จะแปลได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงทรงเชื่อว่า ข้างฝ่าย พระเจ้ากรุงสยามก็คงจะทรงแปลตำแหน่ง เอนวอย ให้อย่างดีที่สุดที่ จะแปลได้เหมือนกัน อีกประการ ๑ เมื่อครั้งพระเจ้ากรุงสยาม ได้ทรงแต่งราชทูตไปยังประเทศฝรั่งเศสนั้น พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ได้ทรงรวมพิธีของฝ่ายอินเดียควบกับพิธีของฝ่ายยุโรป เพื่อพระราชทานเกียรติยศให้แก่ทูตของพระเจ้ากรุงสยาม เพราะฉะนั้นในส่วนที่เรา เป็นทูตมาในครั้งนี้ ถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะทรงถือแต่ฉะเพาะแบบประเพณีของประเทศยุโรปอย่างเดียวเท่านั้นก็ได้ แต่ถ้าต่อไปใน ภายหน้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะทรงรับทูตของพระเจ้ากรุงสยาม โดยถือแต่ฉะเพาะแบบประเพณีของประเทศยุโรปบ้างแล้ว พระเจ้า กรุงสยามก็คงจะไม่มีคำที่จะพูดคัดค้านขึ้นได้ เพราะพระเจ้ากรุง


๔๖ ฝรั่งเศสได้ทรงรับทูตไทย โดยวิธีเดียวกันกับที่พระเจ้ากรุงสยาม ได้ทรงรับทูตฝรั่งเศสเหมือนกัน ถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงรับทูต ของพระเจ้ากรุงสยามอย่างเดียวกับที่ได้เคยรับทูตกรุงสเปน คือว่า ในเวลาที่ทูตจะเข้าเฝ้า ก็ให้ทูตเอาพระราชสาส์นใส่มาในกระเป๋าเสื้อ ( ความตอนนี้ในต้นฉะบับขาดหายไปหมด ) ในระวางที่มองซิเออร์เดอลาลูแบอธิบายชี้แจงอยู่นั้น มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ทักท้วงคัดค้านกลางคันหลายครั้งหลายหน และได้ใช้วาจาและขึ้นเสียงดังอันไม่ใช่วาจาสุภาพเลย โดยมิได้ถือว่าที่ นั่งพูดกันนั้นก็อยู่ในบ้านของตนเอง ซึ่งควรจะทำกิริยาและใช้วาจา ต่อแขกให้สุภาพเรียบร้อย การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใช้กิริยา และวาจาเช่นนี้เรามิได้พอใจเลย เมื่อมองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูด จบลงแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้พูดต่อท้ายคำของมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า ราชทูตที่ ๑ ได้มาหาเราโดยที่พระยาพระคลังใช้ให้มาพูดแทนพระเจ้ากรุงสยาม เพื่อจะได้มาทำความตกลงถึงพิธีต่าง ๆ ในเวลาที่จะเข้าเฝ้า และราชทูตที่ ๑ ก็ได้บอกกับเราอย่างชัดเจนว่าพระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดพระราชทานเกียรติยศให้แก่เราเหมือนกับที่ได้ พระราชทานเชอวาเลียเดอโชมองมาแล้ว และข้อนี้ราชทูตที่ ๑ ได้มาพูดรับรองกับเราถึง ๓ วันติด ๆ กัน จนที่สุดราชทูตที่ ๑ ได้ ขอให้เราทำหนังสือให้ยึดไว้เป็นหลักฉะบับ ๑ และเราก็ได้เขียน หนังสือให้ตามความประสงค์ของราชทูตที่ ๑ แล้ว


๔๗ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบด้วยเสียงเบาลงกว่าเก่าว่า ( ความตอนนี้ในต้นฉะบับเขียนเปนภาษาปอตุเกต ) การที่เราจะได้เข้าเฝ้าหรือไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามนั้นไม่เป็นปัญหาเสียแล้ว เพราะเราได้ขึ้นมาถึงตำบลซึ่งตามปกติเป็น ตำบลที่พักสำหรับเตรียมจะเข้าเฝ้า และเราก็ได้มาถึงตำบลนี้หลาย วันมาแล้ว เพราะฉะนั้นการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์มาพูดจากับเรา ดังนี้ จึงทำให้เราเห็นได้ชัดว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ได้มุ่งหมายอะไรนอกจากจะทำให้เรารำคาญดังบาดหลวงตาชาได้พูดไว้เท่านั้น อีกประการ ๑ คำพูดของมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นก็ได้อ้างว่าพูด ในนามของพระยาพระคลังทุกเรื่องไป แต่ความจริงก็เป็นคำของมองซิเออร์คอนซตันซ์เองทั้งสิ้น พระยาพระคลังมิได้รู้ได้เห็นด้วยเลยเพราะพระยาพระคลังมีตำแหน่งหน้าที่ในเมืองไทย เท่ากับเป็นหุ่น ตัวหนึ่งเท่านั้น จนที่สุดหนังสือของมองเซนเยอร์เดอครัวซีที่มีมาถึง พระยาพระคลังนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ไม่ยอมให้เราส่งหนังสือ ฉะบับนั้นให้พระยาพระคลังเสียซ้ำไป เพราะฉะนั้นการที่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์รับอาสาจะเป็นคนกลางในระวางเรากับพระยา พระคลังนั้นก็เป็นอุบาย มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงตอบมองซิเออร์ คอนซตันซ์ว่า ถ้าเราจะต้องการหาคนกลางเมื่อไร เราจึงจะมาหามองซิเออร์คอนซตันซ์เมื่อนั้น แต่ในเรื่องนี้เรายังหาต้องการคน กลางไม่ เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้รับสั่งห้ามมิให้เรามาโต้เถียง


๔๘ ในเรื่องนี้เป็นอันขาด แต่ถ้าหากว่าจะเกิดการขัดข้องขึ้นอย่างใด แล้ว ก็ให้เรานำความกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยาม แล้วแต่ พระเจ้ากรุงสยามจะโปรดกรุณาสถานใดเป็นแล้วกัน บาดหลวงตาชาซึ่งได้นั่งนิ่งอยู่ไม่ได้พูดเลยจนคำเดียวตั้งแต่ต้นมา จึงได้ค้านขึ้นว่า ถ้าท่านได้รับกระแสรับสั่งมาเช่นนั้นแล้ว เหตุ ใดท่านจึงขอให้ได้รับเกียรติยศเท่าเทียมกับเชอวาเลียเดอโชมองเล่า มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า เพราะเหตุว่าเราได้รับคำสั่งมาให้ขอร้องเช่นนั้น แต่ถ้าจะมีการขัดข้องเกิด ขึ้นแล้ว ก็อย่าให้เราโต้เถียงหรือพูดจาเกลี่ยไกล่อย่างใด แต่ให้ เรานำความกราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยาม แล้วแต่พระเจ้ากรุงสยาม จะโปรดสถานใด เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงเชื่อพระทัยว่า คง จะไม่มีใครกรุณาเรายิ่งกว่าพระเจ้ากรุงสยามเป็นแน่ การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ตอบไปเช่นนี้ ก็โดยยังมิได้ทันปรึกษาหารือกับข้าพเจ้าอย่างใดเลย และถ้ามองซิเออร์เดอลาลูแบ ได้คาดว่าการเรื่องนี้จะได้มาพูดจาโต้เถียงกันแล้ว ก็คงจะเอาเรื่อง นี้มาปรึกษาหารือกับข้าพเจ้าเสียก่อนเป็นแน่ และถ้ามองซิเออร์ เดอลาลูแบได้มาหารือข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็คงจะต้องแนะนำ ห้ามมิให้มองซิเออร์เดอลาลูแบตอบเช่นนี้ เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ เต็มใจว่า คนไทยมิได้รู้จักเลยว่าการกระทำกิริยาอ่อนน้อมสุภาพ ซึ่งกันและกันนั้นเป็นอย่างไร ไปเข้าใจเสียว่าใครอ่อนน้อมเข้าหาแล้ว


๔๙ ก็เพราะความเกรงกลัว และฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็กลาย เป็นนิสสัยข้างฝ่ายไทยเสียด้วย จึงเป็นการจำเป็นที่เราจะต้องยืนในเรื่องนี้ไว้ให้แข็งจะหย่อนให้ไม่ได้เลยจนนิดเดียว เพราะเหตุว่าตั้ง แต่ต้นมาไทยก็ได้จัดรับเราอย่างตำแหน่งแอมบาซาเดอร์แล้ว และ วิธีรับรองกันเช่นนี้ในฝ่ายทิศตวันออกถือกันว่าเป็นการใหญ่และ สำคัญมาก เพราะฉะนั้นถ้าได้ลดหย่อนพิธีรับรองแม้แต่เล็กน้อยแล้ว ก็จะเป็นการกระทำให้ชาวยุโรปซึ่งอยู่ในอินเดียได้ดูถูกชาติฝรั่งเศส และในเรื่องนี้เมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง ก็ได้เคยเป็นตัวอย่าง มาแล้วด้วย อนึ่งข้าพเจ้าก็ทราบอยู่ว่าพระเจ้ากรุงสยามก็มีพระราชประสงค์จะให้เราเข้าเฝ้าเสียโดยเร็ว ถ้าเราได้ถือตามคำเดิมซึ่งเขา ได้มาพูดกับเราแทนพระเจ้ากรุงสยามแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็คงจะขัดขวางไว้ไม่ได้ และเราก็คงจะได้ตามความต้องการของ เราทุกอย่าง เพราะพระเจ้ากรุงสยามก็ได้มีพระราชดำรัสสั่งมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ไว้แล้วว่า ถ้าเราจะต้องการอย่างไรก็ให้ยอมเรา ทุกอย่าง แต่ตามที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดโต้ตอบกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ก็ได้ทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์หนักใจ อยู่บ้าง จึงได้คิดอุบายทำเป็นรับอาสาว่าจะเป็นคนกลางเกลี่ยไกล่ ให้ระวางเรากับพระยาพระคลัง และการที่จะมาเป็นกลางให้นั้น ก็กลับจะยกบุญยอคุณว่าเพราะมีความกรุณาแก่เราเสียซ้ำไป เมื่อ เราไม่ยอมให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนกลางนั้น มองซิเออร์ ๗

๕๐ คอนซตันซ์ก็ได้ต่อว่าเราหลายครั้งหลายหน เราก็ได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ทุกครั้งว่า ถ้าเราจะต้องการให้มีคนกลางเมื่อใด เราจะ ยินดีนักหนาที่จะได้เชิญให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนกลาง แต่ ในครั้งนี้ยังหามีข้อใดที่เป็นข้อโต้เถียงกันไม่ จึงยังไม่จำเป็นจะต้อง มีคนกลางสำหรับเกลี่ยไกล่ เพราะตามกระแสรับสั่งของพระเจ้า กรุงฝรั่งเศสนั้น เราก็จะได้นำเรื่องนี้กราบทูลพระมหากรุณาต่อ พระเจ้ากรุงสยามอยู่แล้ว เพราะเราเชื่อใจได้แน่ว่าพระเจ้ากรุงสยาม คงจะทรงพระกรุณารับรองเราให้สมพระราชประสงค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกอย่าง และที่เราเชื่อใจเช่นนี้ก็เพราะเหตุว่าเมื่อครั้ง ราชทูตไทยได้ไปยังประเทศฝรั่งเศส ราชทูตก็ได้มอบการรับรอง ทั้งปวงแล้วแต่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะทรงโปรด พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส จึงได้ทรงรับรองราชทูตสยามเป็นอย่างดีดังนี้ แต่มองซิเออร์ คอนซตันซ์ก็ยังขืนยั่วเย้าเราไม่หยุดเลย เราจึงได้ลุกขึ้นเพื่อจะลา กลับไป และได้พูดว่าเวลานี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่มองซิเออร์ คอนซตันซ์เคยเข้าเฝ้าอยู่แล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ขอให้ บาดหลวงตาชาเชิญให้เราอยู่รับประทานอาหารที่บ้านมองซิเออร์ คอนซตันซ์ก่อน เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดว่าไม่กล้าออก ปากเชิญเราเอง เราเห็นว่าเวลานั้นเป็นเวลาหัวต่อเราจะเล่นตัวยัง ไม่ได้ ถ้าจะไม่เชิญก็ดูจะไม่สู้เหมาะ เราจึงได้รับคำเชิญของ บาดหลวงตาชา ได้เดินออกไปจากห้องเขียนหนังสือของมองซิเออร์


๕๑ คอนซตันซ์ เข้าไปในห้องใหญ่อีกห้องหนึ่ง ในห้องใหญ่นี้ได้พบ พวกนายทหารฝรั่งเศสหลายคน ซึ่งเวลานั้นขึ้นมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา รอคอยอยู่ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้สั่งบาดหลวงตาชาด้วย เสียงอันดัง ให้บาดหลวงตาชาเข้าไปที่ครัวและสั่งให้เขายกอาหาร มาให้รับประทาน ครั้นบาดหลวงตาชาได้กลับมาจากครัวแล้ว มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็เอ่ยพูดถึงเรื่องต่าง ๆ แล้วได้พูดว่าเชอวาเลีย เดอโชมองได้เอาเรื่องต่าง ๆ พิมพ์ลงในรายงานหลายอย่าง มอง ซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า เรื่องที่เกี่ยว ด้วยการที่เชอวาเลียเดอโชมองได้มาเจรจาการบ้านเมืองนั้น เชอ วาเลียเดอโชมองมิได้จดลงในรายงานที่ออกเป็นตัวพิมพ์จนสักข้อ เดียวเลย หรือมิได้กล่าวถึงการที่มาเจรจานั้นเลยจนคำเดียว เป็น แต่ได้จดในรายงานว่าเชอวาเลียเดอโชมองได้กราบทูลความลับต่อ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสหลายเรื่องเท่านั้น ในทันใดนั้นบาดหลวงตาชาก็เอาเท้าเหยียบเท้ามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นเครื่องอาณัติสัญญา เพื่อเตือนมิให้มองซิเออร์ คอนซตันซ์ลืมตัว มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รู้สึกตัว ก็เปลี่ยนพูด ถึงเรื่องอื่นทันที ในคืนวันนั้นเองมองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าบาดหลวงตาชาคงได้เอารายงานของเชอวาเลียเดอโชมอง ซึ่งได้ยื่นไว้กับมาควิศเดอเซเนเลนั้น ส่งให้กับมองซิเออร์


๕๒ คอนซตันซ์เสียแล้ว เพราะรายงานฉะบับนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบ ได้แจ้งกับข้าพเจ้าว่า ได้มอบไปกับบาดหลวงตาชาเมื่อยังอยู่บน เรือลัวโซ และได้มอบไว้ให้กับบาดหลวงตาชาก่อนที่บาดหลวง ตาชาจะลงเรือไปกรุงศรีอยุธยา แต่การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบ ได้เอารายงานของเชอวาเลียเดอโชมองมอบหมายไว้กับบาดหลวง ตาชาเช่นนี้ เป็นการที่ข้าพเจ้ามิได้รู้ได้เห็นด้วยเลย และตัวมอง ซิเออร์เดอลาลูแบเองก็ออกจะเสียใจที่ได้ทำเช่นนี้ จึงได้พูดกับ ข้าพเจ้าว่า ทำอย่างไร ๆ ก็จะต้องเอารายงานฉะบับนี้คืนจาก บาดหลวงตาชาให้จงได้ เพราะรายงานฉะบับนี้เป็นต้นฉะบับที่มาควิศเดอเซเนเลได้มอบไว้กับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ในระวางที่รับประทานอาหารอยู่นั้น ก็ต่างคนต่างสนทนา กันเฮฮาสนุกสนานครึกครื้นทั่วหน้ากัน และมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ได้พูดจาเยาะเย้ยล้อเชอวาเลียเดอโชมองว่า เชอวาเลียเดอโชมอง ไม่ยอมฟังเสียงใครเลย เมื่อใครจะแนะนำออกความเห็นว่าอย่างไร เชอวาเลียเดอโชมองก็คอยคัดค้านขัดข้องไปเสียทุกเรื่อง เพราะ เชอวาเลียเดอโชมองมิได้มุ่งหมายอย่างใด นอกจากคิดจะชักชวน เชิญให้พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงเข้ารีดอย่างเดียวเท่านั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบคันปากเต็มที่ จึงได้พูดขึ้นว่า " จริงนะเป็นการน่าขันมากว่าเหตุใดเชอวาเลียเดอโชมองจึงได้อุดหูของตัว เองเสียเช่นนี้ "


๕๓ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า " สิ่งที่ท่านติเตียนเชอวาเลียเดอโชมองนั้น เป็นสิ่งที่ท่านเองก็ ประพฤติอยู่เหมือนกัน แต่ท่านก็อ้างแต่คำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น " มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบว่า " ข้าพเจ้ามิได้ติเตียน เชอวาเลียเดอโชมองอย่างใดเลย เพราะเชอวาเลียเดอโชมองก็ได้ ทำการตามคำสั่งของตัวเท่านั้น แต่ส่วนตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่ยอมฟัง คำแนะนำของใครเหมือนกัน " ในการที่ข้าพเจ้าได้มาพบปะกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ในคราวนี้และเมื่อคราวมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ไปหาเราที่ด่านภาษีนั้น ได้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักนิสสัยมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าเป็นคนช่างพูด และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็พูดถึงเรื่องต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว และ มิได้พูดระวังตัวอย่างใดเลย ซึ่งเป็นการกระทำให้รู้จักนิสสัยได้ง่าย ขึ้น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้ตกลงใจว่าจะแกล้งพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ให้น้อยที่สุด เพื่อจะได้เป็นโอกาสให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้พูดข้างเดียว ข้าพเจ้าจะได้คอยสังเกตนิสสัยและจะได้คอยดูว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะมีสติปัญญาเพียงไร ทั้งจะได้รู้ด้วยว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะชอบเกลียดพวกฝรั่งเศสอย่างไร และมองซิเออร์คอนซตันซ์จะมีความคิดความอ่านในเรื่องฝรั่งเศสอย่างไรด้วย การที่ข้าพเจ้าได้คอยสังเกตนิสสัยของมองซิเออร์คอนซตันซ์ นั้นก็ได้สมความปรารถนาทุกอย่าง


๕๔ เมื่อได้รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบได้หาโอกาสพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า "เมื่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสกำลังมีพระราชธุระมากที่จะทรงพระราช ดำริทำสงครามกับข้าศึกซึ่งมีกำลังมากนั้น หาได้ทรงรู้สึกไม่ว่า ในโลกนี้จะมีพระเจ้าแผ่นดินสยามเลย " มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตอบว่า "ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่าจริง และในทวีปยุโรปนั้น ก็คงยังมี พระเจ้าแผ่นดินอีกหลายองค์ ที่ไม่เคยได้ยินพระนามของพระเจ้า กรุงสยามเลย" มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงพูดต่อไปว่า "เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงทราบว่า ข่าวเล่าลือถึงเรื่องที่พระองค์ได้ทรงมีชัยชนะในการทัพศึก ได้เล่าลือมา ถึงประเทศอันพระองค์ไม่เคยได้ทรงรู้ชื่อเลยนั้น จึงกระทำให้ พระองค์มีความปีติยินดีนัก แต่ในขณะนั้นเองพระองค์ก็ทรงเสีย พระทัยที่สุดที่ได้ทรงทราบว่า ราชทูตที่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงแต่งออกไปนั้น ได้ไปตายเสียในคราวที่เรือโซเลดอริอังได้ถูกอัปปาง ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ทรงพระราชดำริจะแต่งทูตให้ออก มาเจริญทางพระราชไมตรีกับราชสำนักไทย ครั้นมองซิเออร์วาเช ได้ไปกราบทูลว่ามีเหตุผลควรจะหวังได้ว่า พระเจ้ากรุงสยามคงจะ ทรงเข้ารีด พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงได้ทรงรีบแต่งให้เชอวาเลียเดอ


๕๕ โชมองเป็นทูตออกมายังเมืองไทย และได้ทรงสั่งเชอวาเลียเดอโช มองให้มาจัดการต่าง ๆ อันเห็นได้แน่ชัดว่า การนั้น ๆ มิได้เป็นประโยชน์ในส่วนพระองค์พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเลย จนที่สุดพระเจ้า กรุงสยามทรงรู้สึก จึงได้รับสั่งหลายครั้งว่า การที่พระเจ้าฝรั่งเศส ได้เป็นไมตรีด้วยนั้น เป็นการที่พระเจ้ากรุงสยามทรงยินดียิ่งนัก มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่า ( ความตอนนี้และคำตอบของมองซิเออร์เดอลาลูแบ ในต้น ฉะบับเขียนเป็นภาษาปอตุเกต ) เมื่อมองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดเช่นนี้แล้ว มองซิเออร์ คอนซตันซ์ก็หาได้ตอบประการใดไม่ ต่อนี้ไปได้สนทนากันถึงเรื่องพวกบาดหลวงเยซวิดได้ถูกขับไล่ออกจากประเทศตังเกี๋ยและประเทศญวนว่า พวกบาดหลวงเยซวิด จะมีข้อที่จะฟ้องร้องอย่างไรได้บ้างหรือไม่ และได้สนทนาถึงความประพฤติของพวกมิชันนารีบางคน ซึ่งมองซิเออร์ตอนซตันซ์ขอให้ เรารับเป็นธุระไปจัดการให้เรียบร้อย และมองซิเออร์คอนซตันซ์ กับบาดหลวงตาชาก็ได้รับรองว่า ในเรื่องนี้จะได้เล่าเรื่องให้เราฟัง อย่างละเอียดต่อไป เพราะฉะนั้นในเวลานั้นเราจึงยังไม่รับรองที่จะ ช่วยเป็นธุระในเรื่องนี้ เพราะเราจะรอฟังเรื่องให้ละเอียดเสียก่อน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เห็นมองซิเออร์คอนซตันซ์หรือบาดหลวงตาชาเอา เรื่องพวกมิชันนารีมาพูดกับเราอีกเลย แต่ในเวลาที่สนทนากันอยู่นั้น


๕๖ ทั้งมองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชาได้พูดพอให้เราจับเรื่อง ได้ว่า ข้อที่กล่าวโทษพวกมิชันนารีในเรื่องต่าง ๆ นั้น เป็นหัวใจสำหรับให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ล่อให้บาดหลวงตาชาได้เป็นพรรค พวกของมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเอง ณวันที่ ๒๙ เดือนตุลาคมได้มีพวกหัวหน้าของชนประเทศต่างๆ ซึ่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ได้มาหาเราเป็นการต้อนรับ มองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้บอกกับเราว่าในกรุงศรีอยุธยา มีชนชาติต่าง ๆ อยู่ถึง ๔๐ ชาติ แต่เราได้นับพวกหัวหน้าที่มาหาเรานั้นก็นับได้เพียง ๒๐ ชาติเท่านั้น และพวกทหารปืนใหญ่ของพระเจ้ากรุงสยามก็นับว่าเป็น ชาติ ๑ ด้วย เพราะเหตุว่าพวกนี้เป็นพวกโมกูล ในวันนี้เองบาดหลวงตาชาได้มาหาเรา มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงขอให้บาดหลวงตาชาคืนต้นรายงานของเชอวาเลียเดอโชมอง บาดหลวงตาชาก็รับว่าจะคืนให้ และได้พูดต่อไปว่ามองซิเออร์ คอนซตันซ์มีความเสียใจมาก ในการที่เราไม่ยอมรับให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนกลาง สำหรับเกลี่ยไกล่ในเรื่องพิธีที่เราจะเข้า เฝ้าว่าจะตกลงกันอย่างไรแน่ ในวันนั้นข้าพเจ้ามีโอกาสได้สนทนากับบาดหลวงตาชาอย่างยืด ยาว บาดหลวงตาชาได้พยายามนักหนาที่จะให้เรายอมในเรื่องการ รับรองให้ต่างกันกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง และบอกว่า ถ้าเราได้ยอมเสียแล้ว พระเจ้ากรุงสยามก็คงจะโปรดพระราชทาน


๕๗ เกียรติยศเพิ่มให้เราบ้าง และการที่บาดหลวงตาชาได้พยายาม ชี้แจงแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ได้ยกเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างทุก ๆ อย่าง ข้าพเจ้าก็มิได้ตอบบาดหลวงตาชาว่าอย่างไร เป็นแต่ตอบว่า ทำ อย่างไร ๆ เราก็จะยอมไม่ได้ ถึงจะพูดกันสักเท่าไร หรือจะมีคน กลางมาเกลี่ยไกล่อย่างไร เราจะยอมลดเกียรติยศให้น้อยกว่า เชอวาเลียเดอโชมองไม่ได้เป็นอันขาด เรายอมได้แต่ทำให้ตาม คำสั่งของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสอย่างเดียวเท่านั้น บาดหลวงตาชาคิดจะให้ข้าพเจ้าตกใจจึงได้พูดว่า "ก็ถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะให้ท่านเข้าเฝ้าโดยมีพิธีอย่างต่ำอันไม่สมเกียรติยศของ ท่านแล้ว ท่านจะทำอย่างไรเล่า" ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า " ถ้าฉะนั้น เราก็ไม่ยอมเข้าเฝ้าเท่านั้นเองแต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อไม่ได้เป็นอันขาดว่า พระเจ้ากรุง สยามจะทำกับเราได้เช่นนั้น เพราะได้ทรงรับรองเป็นเด็ดขาดแล้ว ว่า จะได้พระราชทานเกียรติยศแก่เราให้เสมอเท่ากับที่ได้พระราช ทานเชอวาเลียเดอโชมอง ไหนเลยจะมาทรงกลับคำเสียเช่นนี้เล่า อีกประการ ๑ ข้าพเจ้าไม่ต้องการขัดคอมองซิเออร์เดอลาลูแบ ซึ่ง ได้พูดไว้ว่าในการรับรองจะควรอย่างไรก็แล้วแต่พระเจ้ากรุงสยามจะ ทรงพระกรุณานั้น เพราะที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดเช่นนี้ ก็คง จะมีเหตุผลพอ แต่ถ้ามองซิเออร์เดอลาลูแบได้มีเวลามาปรึกษา ๘


๕๘ กับข้าพเจ้าเสียก่อนแล้ว ข้าพเจ้าก็คงจะได้แนะนำมิให้มองซิเออร์ เดอลาลูแบไปรับปากเช่นนั้นเลย ถึงแม้ว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส จะได้สั่งไว้เช่นนั้นก็จริงอยู่ แต่ข้าพเจ้าก็คงจะไม่ยอมให้มอง ซิเออร์เดอลาลูแบไปรับรองเช่นนั้น เพราะเหตุว่าพระเจ้ากรุง สยามได้รับสั่งเป็นเด็ดขาดแล้ว และการทั้งปวงก็คงได้ ดำเนินไปตามรับสั่ง ถ้ามิฉะนั้นข้าพเจ้าก็จะไม่ยอมเข้าเฝ้าเลย เป็นอันขาด" บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า "ไม่เข้าใจเลยว่าราชทูต ที่ ๑ ได้เอาอะไรมารับปากกับท่านดังนี้ หรือบางทีล่ามจะแปลความผิดกระมัง " ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า " ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้ให้ล่ามแปลทบ ทวนหลายครั้ง จนเป็นอันเข้าใจกันดีแล้ว และเพื่อจะให้ท่าน หายสงสัย ก็ขอให้ท่านเรียกล่ามมาถามในเวลาข้าพเจ้าไม่อยู่ ก็ได้ " บาดหลวงตาชาได้ฟังข้าพเจ้าพูดก็เห็นชอบด้วย จึงได้ให้คนไปตามล่ามมา และในเวลาที่บาดหลวงตาชาพูดอยู่กับล่ามนั้น ข้าพเจ้าก็ออกไปเสียนอกห้อง อีกสักครู่หนึ่งบาดหลวงตาชาก็ออกมาหาข้าพเจ้า บอกว่าล่ามได้พูดอย่างเดียวกับข้าพเจ้า และได้ยืนยัน ตามที่ข้าพเจ้าได้พูดทุกอย่าง บาดหลวงตาชาจึงได้แสดงความ ปลาดใจว่า ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดราชทูตที่ ๑ จึงได้มาพูดผิด


๕๙ อันผิดด้วยคำสั่งเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ดี ถึงบาดหลวงตาชาจะกล่าวว่าราชทูตที่ ๑ ได้ทำความผิดก็จริง แต่ก็ไม่เห็นว่าราชทูตที่ ๑ หรือ ล่ามต้องรับโทษอย่างใดเลย ณวันที่ ๓๐ เดือนตุลาคม ราชทูตที่ ๑ ได้มาหาเรา บอกว่า ในการรับรองและพิธีเข้าเฝ้าของเชอวาเลียเดอโชมองมีอย่างไรนั้น พระเจ้ากรุงสยามจะโปรดให้เราได้รับเหมือนเชอวาเลียเดอโชมอง ทุกอย่าง ผิดกันแต่ข้อเดียว คือว่า ในเวลาที่เราจะกราบทูลต่อ พระเจ้ากรุงสยามนั้น ขอให้เราถอดหมวกเสียเท่านั้น นอกจากนี้ เราจะนั่งกราบทูลก็ได้ และเกียรติยศต่าง ๆ ได้พระราชทานแก่ เชอวาเลียเดอโชมองอย่างไร ก็จะโปรดพระราชทานให้แก่เรา เหมือนกันทุกอย่าง แต่ขอให้เราทำหนังสือรับรองไว้ว่า ถ้าพระเจ้า กรุงสยามจะได้โปรดแต่งทูตเอนวอยเอกซตราออดีนารีไปยังประเทศ ฝรั่งเศสบ้างแล้ว ทูตนั้น ๆ จะได้รับเกียรติยศเหมือนกับเมื่อครั้งรับ ราชทูตไทยทุกอย่าง ซึ่งราชทูตที่ ๑ มาขอให้เราทำหนังสือรับรอง เช่นนี้ เราก็หายอมทำให้ไม่ โดยเราอ้างเหตุว่าเราไม่มีอำนาจที่จะ รับรองเช่นนั้นได้ ราชทูตที่ ๑ จึงตอบว่า " ถ้าฉะนั้นท่านจะทำ หนังสือบอกว่า ท่านเชื่อว่าข้างฝ่ายฝรั่งเศสคงจะรับรองเช่นนั้นได้ ไหมเล่า " เราจึงได้ตอบว่า " ได้ แต่ท่านจะต้องรับรองว่า ใจความในหนังสือเพียงเท่าว่านี้เป็นอันพอแล้ว " ฝ่ายเราจะต้องการให้ ราชทูตที่ ๑ ได้จดจำถ้อยคำต่าง ๆ ที่พูดกันไว้ และให้เขียนไว้เป็น


๖๐ ลายลักษณอักษร เราจึงได้ให้ล่ามเขียนถ้อยคำที่เราได้โต้ตอบนั้น ไว้เป็นภาษาไทย ในวันนั้นเอง ตอนเย็นบาดหลวงตาชาได้มาหาเราพร้อมด้วยราชทูตที่ ๑ เพื่อมาถามว่าหนังสือที่เราได้รับไว้ว่าจะเขียนให้ใน ตอนเช้านั้นจะเป็นหนังสืออะไรแน่ แต่ครั้นบาดหลวงตาชาได้เห็นว่าหนังสือรับรองของเรา ไม่ได้เป็นคำมั่นสัญญาที่เป็นหลักฐานอย่างใดบาดหลวงตาชาก็ไม่ยอมรับหนังสือนั้นไป และได้บอกเราว่าพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงตกลงว่าในเวลาที่เรากราบทูลต่อพระองค์นั้น เรา จะต้องถอดหมวกออกเสีย เราจึงได้ถามขึ้นว่า " การที่เราได้ชี้แจงไว้เมื่อเช้านั้น ท่าน ได้เอาไปตรึกตรองดีแล้วหรือ " บาดหลวงตาชาได้ตอบว่า " ได้ตรึกตรองดีแล้ว แต่เราหาฟังเป็นอารมณ์ไม่ " เราจึงได้ขอให้ราชทูตที่ ๑ คืนหนังสือของเราที่ได้เขียนไว้เมื่อ วันที่ ๒๖ ราชทูตที่ ๑ ก็รับว่าจะคืนให้ แต่บาดหลวงตาชาก่อน ที่จะลาไปนั้น ได้อ้อนวอนขออย่าให้เราเรียกหนังสือฉะบับนั้นคืนเลยแต่เราก็หาฟังไม่ ในตอนเช้านั้นเราได้พูดไว้ว่า ในเวลาที่เราจะเข้า เฝ้านั้น ถ้าเราไม่ได้รับเกียรติยศอย่างราชทูตแอมบาซาเดอร์แล้วเราจะไม่ยอมพาพวกผู้ดีฝรั่งเศสเข้าไปเฝ้าเลยเป็นอันขาด การที่ เราได้พูดเช่นนี้ บาดหลวงตาชาไม่พอใจเลย เพราะบาดหลวงตาชา


๖๑ เป็นผู้ที่ได้มาขอร้องแทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ ให้เราพาผู้ดีฝรั่งเศส ไปด้วย ๑๐ คน บาดหลวงตาชาจึงได้พูดว่า การที่เราทำเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่ยอมรับสิ่งที่เชอวาเลียเดอโชมองต้องการนัก ครั้นในตอนค่ำ เมื่อบาดหลวงตาชาได้กลับขึ้นไปกรุงศรีอยุธยาแล้ว มองซิเออร์ดูบรูอังได้ลงมาจากกรุงศรีอยุทธยาและได้มาหาเรา จึงได้เล่าให้เราฟังว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มีความโกรธเคืองมาก ในการที่เราไม่ยอมให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนกลางในระวาง เรากับพระยาพระคลัง และที่เราได้พูดไว้ว่า ถ้าเราจะต้องการ คนกลางเมื่อใดเราก็จะได้เชิญให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนกลาง นั้น หาเป็นการพอใจมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ เพราะมองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้อวดอ้างว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เป็นธุระใน เรื่องนี้แล้ว ก็จะได้ช่วยเราอย่างแข็งแรงทีเดียว และในเรื่องนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้เที่ยวเล่าให้พวกนายทหารฟัง พวกนาย ทหารจึงมีความเสียใจนักที่จะไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม เราจึงได้ขอให้มองซิเออร์ดูบรูอัง ไปบอกบรรดาพวกนายทหารเหล่านั้นให้ทราบความที่เป็นจริง เพื่อเขาจะหายเข้าใจผิด และเรา ได้ขอให้มองซิเออร์ดูบรูอังรีบกลับขึ้นไปกรุงศรีอยุธยา ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วยตัวเอง และให้ไปชี้แจงให้มองซิเออร์ คอนซตันซ์เข้าใจว่า เวลานี้เป็นโอกาสอันเหมาะที่สุด สำหรับแก้ไข


๖๒ ข้อเสียหายให้ดีขึ้น เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นผู้หาว่า การ ที่ได้เสียหายไปนั้น ก็เพราะเราเป็นผู้ทำให้เสียหายขึ้น เมื่อวันที่ ๓๑ เดือนตุลาคม มองซิเออร์เดอลาลูแบได้มาขอ ให้ข้าพเจ้าช่วยกันร่างหนังสือถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ฉะบับ ๑ ให้เป็นทีว่าเราขอร้องให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ช่วยเหลือจัดการ ในเรื่องพิธีที่เราจะเข้าเฝ้าให้ได้เป็นการเรียบร้อยต่อไป ในชั้นต้นข้าพเจ้ามิได้เห็นพ้องด้วยมองซิเออร์เดอลาลูแบที่จะมีหนังสือไปเช่น นี้เลย แต่ครั้นข้าพเจ้าเห็นว่ามองซิเออร์เดอลาลุแบได้ตั้งใจจะมี หนังสือไปให้จงได้ ข้าพเจ้าจึงได้ยอม เพราะเห็นว่าเมื่อมีโอกาส ควรจะทำได้ประการใด ก็ไม่ควรจะทิ้งโอกาสนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าก็มิได้หวังหวังเลยว่า การที่จะมีหนังสือไปเช่นนี้จะได้ผลอย่างไร เพราะ การเรื่องนี้ก็เท่ากับเป็นเรื่องที่ตกลงกันเด็ดขาดแล้ว ก่อนที่จะส่ง หนังสือฉะบับนี้ไปยังมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น เราได้ตกลงว่า จะได้รอให้มองซิเออร์ดูบรูอังกลับมาจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อฟังข่าวคราวดูเสียก่อน ครั้นเวลาบ่ายประมาณ ๔ โมง มองซิเออร์ดูบรูอัง ก็มาถึง และได้มาเล่าว่าได้มีประกาศทางราชการตั้งให้บาดหลวง ตาชาเป็นราชทูต เอนวอยเอกซตราออดีนารี แทนพระเจ้ากรุงสยาม ไปยังประเทศฝรั่งเศสแล้ว และได้เล่าต่อไปว่าบาดหลวงตาชา จะไม่ไปราชการฉะเพาะแต่ที่ประเทศฝรั่งเศสแห่งเดียว แต่จะเลย ไปถึงกรุงโรมด้วย


๖๓ เมื่อเราได้ทราบความจากมองซิเออร์ดูบรูอังดังนี้แล้ว เราจึง ได้นำข่าวนี้เล่าให้พวกบาดหลวงเยซวิด ๔ คนฟังซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วยและเราก็แกล้งทำเป็นยินดีในข่าวอันนี้ และแกล้งพูดว่า การที่ บาดหลวงตาชาจะไปประเทศฝรั่งเศสนั้น คงจะมีเรื่องสำคัญอัน พอพระทัยของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเป็นแน่ มิฉะนั้นไหนเลยบาด หลวงตาชาจะยอมไปเช่นนี้ แต่ความจริงเราก็เข้าใจว่า เรื่องที่ บาดหลวงตาชาจะนำไปพูดที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น ก็คงจะเอาเรื่องที่ พวกมิชั่นนารีถูกขับไล่จากเมืองตังเกี๋ย และเรื่องเชิญให้พระเจ้า กรุงสยามเข้ารีด ไปพูดกับบาดหลวงเดอลาเชซ เพื่อจะได้ให้บาด หลวงเดอลาเชซ มีใจนำความกราบทูล ต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเท่านั้น แต่การที่จะให้บาดหลวงตาชาไปประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นเรื่องที่ได้คิดกันไว้ตั้งแต่แรกบาดหลวงตาชาได้ขึ้นมาที่กรุงศรีอยุธยา เสียแล้ว เพราะมองซิเออร์เวเรต์ผู้จัดการห้างฝรั่งเศสได้เล่าให้ ข้าพเจ้าฟังว่า บาดหลวงตาชาได้กระซิบบอกมองซิเออร์เวเรต์ มานานแล้ว และมิได้บอกกับมองซิเออร์เวเรต์แต่ผู้เดียว แต่ บาดหลวงตาชายังได้พูดกับคนอื่น ๆ ก็อีกหลายคนว่า การเรื่องนี้ ได้เป็นอันตกลงกันตั้งแต่บาดหลวงตาชาได้พบกับมองซิเออร์คอนซ ตันซ์ในคราวแรกอยู่แล้ว ตามที่มองซิเออร์เวเรต์ได้เล่าให้ ข้าพเจ้าฟังดังนี้ ต่อมาก็มีเหตุผลทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ จริง เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง บาดหลวงตาชาได้พูดกับข้าพเจ้าว่า


๖๔ พระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดให้ส่งข้อสัญญาไปถวายพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศส และจะเป็นการตกลงกันอย่างไร ก็แล้วแต่พระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสจะทรงเห็นควรทั้งสิ้น ในการที่จะส่งข้อสัญญาไปนั้น พระเจ้ากรุงสยามจะได้ทรงจัดคนที่ดีสำหรับให้นำข้อสัญญานั้นไป และบาดหลวงตาชาก็ยังได้พูดต่อไปอีกว่า กองทหารที่พระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสได้ส่งมานั้น หาเพียงพอสำหรับพิทักษ์รักษาบางกอกไม่ เพราะต่อไปเมื่อได้สร้างป้อมคูประตูหอรบขึ้นแล้ว บางกอกก็จะ กลายเป็นตำบลใหญ่และสำคัญมาก จึงจำเป็นจะต้องมีกองทหารสำหรับรักษาตำบลนี้ไม่ต่ำกว่า ๒,๐๐๐ คน และบาดหลวงตาชา เชื่อว่า ถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงทราบถึงเรื่องบางกอกโดย ละเอียดแล้ว ก็คงจะได้พระราชทานกองทัพเรือและกองทหาร ออกมาอีก เมื่อมีจำนวนทหารประจำอยู่ที่บางกอกพอแล้วเมื่อใด พระเจ้ากรุงสยาม จึงจะทรงถอนทหารไทย ออกจากบางกอกเมื่อนั้น ตามที่มองซิเออร์เวเรต์มาเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง และตามความ ที่ข้าพเจ้าได้ทราบจากบาดหลวงตาชานั้น จึงเป็นเหตุจำเป็นทำให้ข้าพเจ้าต้องพูดชี้แจงกับบาดหลวงตาชา เป็นทีเหมือนข้าพเจ้าเล่าความลับให้ฟังในเวลาที่ได้มีโอกาสสนทนากันว่า ในเรื่องของ ต่าง ๆ ที่มองซิเออร์ตอนซตันซ์บอกว่า ได้ฝากไปยังประเทศฝรั่ง เศสเมื่อปีก่อนนั้น เป็นเรื่องที่ราชสำนักฝรั่งเศสเบื่อหน่ายเต็มที เราจึงได้รับคำสั่งมาให้คิดจัดการให้งดการส่งของฝากต่าง ๆ ไปสักที


๖๕ และให้งดการทูตตอบกันไปตอบกันมาด้วย เพราะฉะนั้นพระเจ้า กรุงฝรั่งเศสจึงได้โปรดให้เรามาจัดการทั้งปวงให้เรียบร้อย ถ้าแม้ ว่าไทยได้คิดจัดการกับคนอื่นโดยไม่ได้ทำความตกลงกับเราแล้ว พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็คงจะไม่พอพระทัยเป็นแน่ ในส่วนเรื่องพิธีและระเบียบที่จะเข้าเฝ้านั้น มองซิเออร์ดูบรู อังได้เล่าให้เราฟังว่า ในเวลาที่มองซิเออร์ดูบรูอังไปพูดกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์นั้น บาดหลวงตาชาได้เป็นล่ามให้ ครั้นมอง ซิเออร์ดูบรูอังได้แนะนำและชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ ให้ฟังแล้ว ทั้งมองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชาได้แสดงตัวว่า จะได้ตั้ง ใจที่จะให้เราได้รับความพอใจทุกอย่าง และมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ได้พูดว่า ทำอย่างไร ๆ ก็จะได้จัดการให้เราได้ถวายพระราชสาส์นต่อพระหัตถ์ โดยจะได้จัดทำคั่นบันไดขึ้น ๓ คั่น เพื่อเราจะได้เดินขึ้นไปให้ถึงพระแท่นที่ประทับได้ และจะได้จัดการให้เราได้มี โอกาสกราบทูลการต่าง ๆ ต่อพระเจ้ากรุงสยามได้ ที่มองซิเออร์ดูบรูอังได้เล่าเช่นนี้ ก็ทำให้แลเห็นได้ว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อาสาจะเป็นคนกลางเกลี่ยไกล่ในเรื่องนี้นั้น จะมีผลอย่างไร เพราะเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองถวายพระ ราชสาส์นนั้น เชอวาเลียเดอโชมองได้เดินแต้มเอาให้พระเจ้า กรุงสยามต้องก้มพระองค์ ลงมารับพระราชสาส์น ของพระเจ้ากรุงฝรั่ง ๙


๖๖ เศสจนได้ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้คิดป้องกันมิให้เป็นเช่นนั้น ในคราวนี้อีก โดยจัดให้มีคั่นบันได ๓ คั่นพอที่เราจะได้เดินขึ้นไป ถวายพระราชสาส์นต่อพระหัตถ์ได้ พระเจ้ากรุงสยามจะได้ไม่ต้อง ก้มพระองค์ลงมารับ ซึ่งเป็นการไม่เหมาะเลย เพราะฉะนั้นการ ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์อุบายรับอาสาจะเป็นคนกลางให้นั้น ก็โดย คิดจะเอาบุญเอาคุณแก่เรา เราจะได้เห็นว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้กรุณาแก่เราที่สุด และการที่ยอมให้เราก้าวบันไดขึ้นไปถวาย พระราชสาส์นต่อพระหัตถ์นั้น ก็มีการแลกเปลี่ยนที่บังคับให้เรา ถอดหมวกในเวลาที่เรากราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม เมื่อเราได้ฟังรายงานของมองซิเออร์ดูบรูอังเสร็จแล้ว เราจึง ได้เอาหนังสือที่เราได้เขียนถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น มาอ่าน ให้บาดหลวงเยซวิต ๔ คนฟัง บาดหลวงเยซวิตทั้ง ๔ คนได้เห็น ว่า สำนวนในหนังสือเป็นสำนวนที่อ่อนหวานมาก เราจึงได้มอบหนังสือฉะบับนั้น ให้บาดหลวงดูชาตซ์ถือไปส่งมองซิเออร์คอนซ ตันซ์ และได้สั่งให้บาดหลวงดูชาตซ์ไปบอกกับบาดหลวงตาชา ว่า การที่บาดหลวงตาชาได้รับตำแหน่งหน้าที่ใหม่นี้ เรามีความ ยินดีด้วยเป็นอันมาก ครั้นบาดหลวงดูชาตซ์ได้กลับมาแล้ว บาดหลวงดูชาตซ์จึงได้บอกกับเราว่า มองซิเออร์ดูบรูอังได้สั่งให้มา บอกว่า หนังสือที่เราได้มีไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น มอง ซิเออร์คอนซตันซ์เห็นว่าเป็นสำนวนที่ไม่ใคร่จะดี และได้พูดต่อไป


๖๗ ว่า การที่เราได้แสดงความยินดีต่อบาดหลวงตาชานั้น บาดหลวง ตาชาตอบมาว่า ขอบใจ และว่าพรุ่งนี้จะได้มาหาเรา ณวันเสาร์ที่ ๑ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๖๘๗ (พ.ศ. ๒๒๓๐) บาดหลวงตาชาได้มารับประทานอาหารกับเรา เราจึงได้แสดง ความยินดีในการที่บาดหลวงตาชาได้รับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ บาด หลวงตาชาจึงได้พูดกับเราต่อหน้าคนเป็นอันมากโดยแสดงกิริยาและวาจาถ่อมตัวว่า การที่บาดหลวงตาชาจะได้รับเกียรติยศใหม่นี้ บาดหลวงตาชาต้องได้รับคำแนะนำของเราเสียก่อนจึงจะยอมรับตำ แหน่งนี้ได้ ฝ่ายเราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาโดยแสดงกิริยา และวาจาถ่อมตัวเหมือนกันว่า บาดหลวงตาชาไม่จำเป็นต้องคอย รับคำแนะนำของเราอย่างใดเลย บาดหลวงตาชาก็ยึดเอาคำของเราเป็นที่ตั้ง และตั้งแต่นั้นมาก็มิได้พูดถึงเรื่องนี้กับเราอีกต่อไป แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้ส่งหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ให้เรา ฉะบับ ๑ และได้ขอให้บาดหลวงเดซปานยักซึ่งได้มากับบาดหลวง ตาชานั้น ได้คัดสำเนาหนังสือฉะบับนั้นไว้ด้วย เราจึงได้ถามบาดหลวงตาชาว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ พอใจหนังสือของเรา จริงหรืออย่างไร บาดหลวงตาชาได้ตอบว่า จริง มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่พอ ใจในหนังสือฉะบับแรกของท่าน


๖๘ เราจึงได้ตอบว่า ในหนังสือฉะบับเดียวจะกล่าวข้อความลง ทั้งหมดไม่ได้อยู่เอง แต่หนังสือฉะบับที่ ๒ ก็ดำเนินความไปถึง ฉะบับแรกอยู่แล้ว และข้อความในหนังสือฉะบับแรกนั้น ก็ล้วน แต่เป็นเรื่องที่จริงทั้งนั้น บาดหลวงตาชาจึงตอบว่า ท่านอ่านหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ดูเถิด มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า ท่านได้กรุณาอย่าต้องให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือฉะบับนี้เลย เพราะข้าพเจ้า ได้ตั้งใจไว้ว่า ในระวางที่ข้าพเจ้ายังอยู่เมืองไทยนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ มีความโกรธเคืองอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงได้ส่งจดหมายฉะบับนั้นให้บาดหลวงเดซปานยักคัดสำเนาไว้ แล้วบาดหลวงตาชาได้ขอให้ข้าพเจ้าได้อ่านจดหมาย ฉะบับนั้นโดยฉะเพาะ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า จดหมายฉะบับ นั้น เต็มไปด้วยข้อความเหน็บแนมทั้งนั้น แล้วมองซิเออร์เดอลา ลูแบก็ได้ให้คัดสำเนาไว้ฉะบับ ๑ เหมือนกัน เมื่อได้รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็ต่างคนช่วยกันตรวจดูของเครื่องราชบรรณาการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ครั้นเมื่อ บาดหลวงตาชาจะลากลับไป มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้พูดกับ บาดหลวงตาชาว่า หนังสือที่เราได้มีไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ เมื่อวานนี้นั้น บาดหลวงเยซวิตทั้ง ๔ คนก็ได้อ่านและได้เห็น


๖๙ ชอบด้วยแล้ว และบาดหลวงเยซวิตทั้ง ๔ คนอาจจะเป็นพะยาน ได้ว่า การที่เราได้มีหนังสือไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ด้วย เจตนาอันดีเป็นแท้ เมื่อข้าพเจ้าได้เล่าใจความในหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ให้มองซิเออร์เดอลาลูแบฟังแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบก็คืน หนังสือฉะบับนั้นให้กับบาดหลวงตาชา โดยมองซิเออร์เดอลาลูแบ มิได้อ่านหนังสือฉะบับนั้นเลย และบาดหลวงตาชาก็นำหนังสือฉะบับนั้นไปคืนให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ในเวลาที่มองซิเออร์คอนซ ตันซ์จะไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม แต่ในเรื่องพิธีและระเบียบที่จะ เข้าเฝ้านั้น ก็คงเป็นอันยุตติตามเดิมนั้นเอง คือว่า เราจะต้องนั่ง และถอดหมวกในเวลาที่กราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยาม แต่ในเรื่อง ที่จะพาคนผู้ดีฝรั่งเศสเข้าไปเฝ้าด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ได้พูดจากันไว้ ที่กรุงศรีอยุธยาแล้ว จึงเป็นอันตกลงกันว่า เราจะได้พาพวก นายทหารเรือและพลอาสาบางคนไปกับเราด้วย ส่วนนายทหารที่ประจำการอยู่ที่บางกอกนั้น จะได้ไปพร้อมกับมองซิเออร์เดฟาช เพราะเมื่อเราได้เฝ้าเสร็จแล้ว พระเจ้ากรุงสยามจะได้เสด็จออก อีกครั้ง ๑ เพื่อให้มองซิเออร์เดฟาชได้เฝ้าโดยฉะเพาะ ในตอน ค่ำได้มีนายทหารเรือมาจากด่านภาษีหลายคน เพื่อเตรียมตัวที่จะ ไปเฝ้ากับเราในวันพรุ่งนี้


๗๐ ณวันที่ ๒ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๖๘๗ (พ.ศ.๒๒๓๐ ) เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้มาแจ้งว่า เรือสำหรับประดิษฐานพระ ราชสาส์นและสำหรับบรรทุกของเครื่องราชบรรณาการของพระเจ้า กรุงฝรั่งเศส และเรือสำหรับเราและพนักงานข้าราชการคนใช้ของ เรานั้น ได้เตรียมไว้พร้อมเสร็จแต่คืนนี้แล้ว ในตอนกลางคืนก่อนสว่าง ราชทูตที่ ๑ กับข้าราชการไทยอีกหลายนาย ได้ไปขนของเครื่องราชบรรณาการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ซึ่งยังตกค้างอยู่ที่ ด่านภาษีบรรทุกลงเรือไว้เสร็จ และในที่นี้จะต้องกล่าวไว้ว่า ก่อน วันที่เราจะได้เข้าเฝ้าหลายวัน เจ้าพนักงานของพระเจ้ากรุงสยาม ได้มาขนของเครื่องราชบรรณาการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสบางสิ่ง บางอย่าง ไปไว้ในพระราชวังเสียบ้างแล้ว และการที่ขนเครื่อง ราชบรรณาการไปนั้นก็ได้ทำพิธีกันใหญ่โต และได้จดทำบัญชีของ ต่าง ๆ อย่างละเอียดเหลือเกิน จนที่สุดพลอยต่าง ๆ ที่ฝังอยู่ใน อานม้านั้นก็อุตสาหะนับเมล็ดและจดลงในบัญชีไว้ด้วย มาจนถึงบัดนี้เรายังหาได้ข่าวคราวถึงเรือ ลานอมันดีอย่างใดไม่เรือลำนี้ได้พลัดกับเราตั้งแค่เรือได้อ้อมแหลมเคปออฟกุดโฮบ จะไปร้ายดีประการใดเราหาทราบข่าวไม่ แต่ของเครื่องราชบรรณาการบางอย่าง เช่น ผ้าปักทองและเงิน ผ้าต่าง ๆ และอาวุธต่าง ๆ นั้นได้บรรทุกลงเรือลำนี้ เพราะฉะนั้นในเวลาที่จะถวายเครื่องราชบรรณา การคราวนี้ จึงต้องงดของที่ยังตกค้างอยู่ในเรือลานอมันดีไว้ก่อน


๗๑ ครั้นเวลาประมาณย่ำรุ่ง ออกยาพระเสด็จ กับขุนนาง ข้าราชการผู้ใหญ่อีกหลายนาย ได้ให้ราชทูตที่ ๑ มาแจ้งแก่เราว่า การต่าง ๆ สำหรับให้เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามนั้น ได้เตรียม ไว้พร้อมทุกอย่างแล้ว ถ้าเราจะออกเดินทางเมื่อไรก็ได้ เราจึงได้ ตอบว่า เราก็ได้เตรียมตัวอยู่พร้อมแล้วเหมือนกัน สักครู่หนึ่ง ออกยาพระเสด็จกับขุนนางผู้ใหญ่จึงได้เข้ามาในห้องที่เราพักรออยู่ ในห้องนั้นเราได้นั่งพักอยู่บนเก้าอี้ ๆ นั้นตั้งอยู่บนแท่น มีโต๊ะตั้งอยู่หน้าเราโต๊ะหนึ่ง พระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้นได้บรรจุ ใส่หีบทอง และได้วางอยู่บนพานทอง ๆ นั้นตั้งอยู่บนกี๋สูงประมาณ สัก ๒ ฟิต เมื่อข้าราชการไทยได้เข้ามาในห้องนั้น พอมาถึงประตู ก็ลงกราบแล้วจึงคลานเข้ามาหาโต๊ะ ในระวางที่คลานอยู่นั้นก็ได้ ถวายบังคม ๓ ครั้ง เมื่อคลานมาถึงโต๊ะแล้วข้าราชการไทยก็ยืนขึ้นข้างโต๊ะเรียงกันตามลำดับผู้ใหญ่ผู้น้อย เมื่อเสร็จแล้วออกยา พระเสด็จจึงได้กล่าวถ้อยคำต้อนรับเรา ข้าพเจ้าได้ทราบว่าออกยาพระเสด็จผู้นี้ เป็นผู้ที่สั่งการทั้งปวงในเวลาที่พระเจ้ากรุงสยาม เสด็จไม่อยู่ ราชทูตที่ ๑ จึงได้มาบอกกับเราว่า ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วทันใดนั้นออกยาพระเสด็จและข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จึงได้เดิน เรียง ๒ ออกจากห้อง แต่ก่อนที่จะออกเดินนั้น ได้ถวายบังคมพระราชสาส์นอีกครั้ง ๑ แล้วได้เดินไปลงเรือซึ่งจอดอยู่ที่ริมตลิ่ง


๗๒ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ยกพานทองซึ่งประดิษฐานพระราชสาส์น นั้นส่งให้ข้าพเจ้า ๆ จึงได้ส่งให้บุตรของข้าพเจ้าเชิญต่อไป บุตรของข้าพเจ้าได้รับพานทองซึ่งประดิษฐานพระราชสาส์นไว้แล้ว จึงได้ เดินออกหน้าเราจนถึงเรือ ครั้นไปถึงเรือแล้วข้าพเจ้าจึงได้รับ พานพระราชสาส์นจากบุตรของข้าพเจ้าส่งให้แก่ขุนนางไทยคนหนึ่ง ขุนนางผู้นั้นจึงได้เชิญพระราชสาส์นไปประดิษฐานบนบุษบกซึ่งตั้งอยู่กลางเรือยาว และเรือลำนี้เป็นเรือที่ไม่ได้ใช้อย่างอื่นนอกจาก สำหรับประดิษฐานพระราชสาส์นเท่านั้น ผู้ที่ได้ไปกับเราในคราวนี้ มีนายทหารเรือ ๑๒ คน และคนใช้ของเรารวมทั้งสิ้นเป็นคนประมาณ ๓๐ คน เราจึงได้ลงไปในเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือลำนั้นเองที่เชอวาเลียเดอโชมองได้เคยนั่งไปแล้ว นายทหารเรือและคนใช้ของเราได้ ลงในเรือลำอื่น ออกยาพระเสด็จกับขุนนางข้าราชการที่ได้มาเชิญพระราชสาส์น ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส กับขุนนางข้าราชการอื่น ๆ อีกหลายคน ซึ่งมาแห่นำพระราชสาส์นนั้น จึงได้เคลื่อนกระบวนเรือออกหน้า ตามลำดับยศผู้ใหญ่ผู้น้อย ต่อจากเรือขุนนางข้าราชการนั้นก็ถึง เรือซึ่งบรรทุกเครื่องราชบรรณาการ ต่อจากเรือเครื่องราชบรรณา การนั้น ก็ถึงเรือที่ประดิษฐานพระราชสาส์น บุตรของข้าพเจ้าก็ได้ ลงไปอยู่ในเรือลำนี้ด้วย และได้นั่งอยู่บนแท่นที่รองบุษบก ต่อจาก


๗๓ เรือพระราชสาส์นนั้นก็ถึงเรือเราทีเดียว ต่อจากเรือเราก็ถึงเรือ นายทหารเรือฝรั่งเศสและคนใช้ของเรา กระบวนเรือได้เดินเรียงลำเป็นแนวเดียว ทั้งสองข้างนั้นมี เรือของพระเจ้ากรุงสยามแซงสำหรับประดับเกียรติยศ พอเราได้เคลื่อนเรือก็ได้เห็นเรือเป็นอันมากจนนับจำนวนไม่ถ้วน ซึ่งเป็นเรือของพวกหัวหน้าชาติต่าง ๆ ทุก ๆ ชาติซึ่งอยู่ในเมืองไทย ขาดแต่ชาติฮอลันดาชาติเดียวหาได้มาไม่ และบรรดาหัวหน้าเหล่านี้ก็ต่าง มีบ่าวไพร่ผู้คนตามมาด้วยอันนับจำนวนไม่ไหวเลย ในระวางที่ เดินกระบวนเรืออยู่นั้น เรือของพระเจ้ากรุงสยามได้ยิงสลุดคำนับ เราหลายลำ และมีเรือชาติอังกฤษซึ่งจอดอยู่ในลำแม่น้ำลำหนึ่ง ก็ได้ยิงสลุดคำนับเราด้วย ครั้นได้มาถึงกรุงศรีอยุธยา ปืนใหญ่ ในพระนครก็ได้ยิงสลุด พอปืนในพระนครได้ยิงจบแล้ว เรือเซนต์ หลุย กับที่ห้างของบริษัทก็ได้ยิงปืนใหญ่สลุดเหมือนกัน กระบวนเรือจึงได้เลี้ยวเข้าคลอง ซึ่งมีถนนใหญ่มาตกที่คลองสายหนึ่ง และเป็นถนนในระวางคลองทะลุถึงพระราชวังของพระเจ้ากรุงสยามทีเดียว เมื่อเราได้ขึ้นจากเรือแล้ว ได้เห็นราชรถคันหนึ่งปิดทองอร่ามทั้งคัน บนราชรถนั้นมีบุษบกทำรูปคล้าย ๆ พระโธรน สำหรับประดิษฐานพระราชสาส์นเข้าไปในพระราชวัง เมื่อเรือได้เทียบท่าที่ริมถนนใหญ่แล้วเราจึงได้ขึ้นจากเรือ เรา ๑๐


๗๔ จึงได้ไปเชิญพระราชสาส์นออกจากเรือพระที่นั่ง แล้วได้เชิญพระ ราชสาส์นประดิษฐานลงบุษบกซึ่งขุนนางไทยได้แบกหามไปจนถึง ราชรถ จึงเชิญพระราชสาส์นออกจากบุษบกขึ้นตั้งประดิษฐานบน ราชรถต่อไป รอบราชรถนี้มีขุนนางข้าราชการไทยถือฉัตร์หลายชั้นและมีผู้คนเป็นอันมากจนนับจำนวนไม่ถ้วน ต่างถวายบังคมพระ ราชสาส์นด้วยกันทั้งสิ้น ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ขึ้นนั่งเสลี่ยงปิดทอง ซึ่ง คนไทยได้หามไป นายทหารเรือกับข้าราชการฝรั่งเศสซึ่งได้มา กับเรานั้นได้ขี่ม้าตามเรา และคนใช้ของเราก็ได้เดินเคียงและแวด ล้อมเสลี่ยงที่เรานั่งไป เราได้เดินกระบวนไปตามถนนใหญ่ สองข้างถนนมีทหารไทยยืนเรียงรายไปตอดทาง ทางที่จะไปนั้นถึงเป็นทาง ที่ใกล้ก็จริงอยู่ แต่เราได้เดินทางถึง ๒ ชั่งโมงจึงได้ไปถึงพระราชวังการที่ช้าเช่นนี้ก็เพราะเหตุว่าเราค่อย ๆ ก้าวเดินช้า ๆ อยู่แล้ว และต้องหยุดบ่อย ๆ เพราะติดผู้คนพลเมืองซึ่งออกมาดูกันยัดเยียด เต็มถนนไปหมด ครั้นได้มาถึงประตูพระราชวังแล้ว เราก็ได้ลงจากเสลี่ยง จึงได้ไปเชิญพระราชสาส์นจากราชรถมอบให้บุตรของข้าพเจ้าเชิญต่อไปบุตรของข้าพเจ้าได้รับพระราชสาส์นแล้ว ก็ได้เดินออกหน้าเรา เมื่อไปถึงประตูพระราชวังแล้ว พวกที่ถือร่มกั้นให้เรานั้นก็ต่างคนต่างไป กันหมด และได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนได้มาคอยรับเรา


๗๕ อยู่ที่ประตูพระราชวังนี้ เราจึงได้เดินเข้าประตูพระราชวังพร้อมด้วย ขุนนางข้าราชการไทยที่มารับเรา และเจ้าพนักงานฝรั่งเศสกับคนใช้ของเราก็ได้เดินตามเข้าไปพร้อมกัน การที่เจ้าพนักงานไทยได้ให้เราเดินด้วยเท้าและไม่มีร่มจะกั้นใน เวลาที่แดดกำลังกล้าแข็งในระยะทางอันไกลเช่นนี้ เราก็ไม่เห็นเป็นการปลาดอย่างใดเสียแล้ว เพราะเชอวาเลียเดอโชมองได้เคย ถูกอย่างนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นในข้อนี้เราจึงมิได้คัดค้าน หรือว่ากล่าวอย่างใด แต่ถึงดังนั้นเมื่อได้เข้าเฝ้ากันเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็อดพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ได้ว่า พวกชาวยุโรป ไม่เคยเดินตากแดดอันกล้าแข็งเช่นนี้เลย เมื่อได้เข้าไปถึงพระราชวังแล้ว ก็ได้เห็นทหารรักษาพระองค์ของพระเจ้ากรุงสยาม และมี อะไรต่ออะไรต่าง ๆ เหมือนกับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองเข้าเฝ้าเหมือนกัน เมื่อได้เดินเข้าไปถึงชาลาที่สุดแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาก็ออกมาต้อนรับ และได้มาบอกว่าพระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จขึ้นประทับบนพระแท่นคอยเราอยู่นานแล้ว พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดให้ผู้ดีฝรั่งเศสเข้าไปในท้องพระโรงก่อน ผู้ดีฝรั่งเศสเหล่านั้นได้เข้าไปในท้องพระโรง ได้ถวายคำนับต่อพระเจ้ากรุงสยามแล้วจึงได้นั่งลงที่พรมตรงกับที่ประทับ แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ จึงได้พาเราไปจนถึงชาลาชั้นล่างซึ่งต่อกับท้องพระโรงนั้น พอเรา


๗๖ ได้เดินก้าวขึ้นอัฒจรรย์คั่นแรกแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ เดินไปที่ชาลาอีกแห่งหนึ่งซึ่งติดกับท้องพระโรง มองซิเออร์คอนซ ตันซ์ได้กราบถวายบังคม ๓ ครั้งจึงได้เข้าไปในท้องพระโรง ฝ่ายเราได้ขึ้นอัฒจรรย์แล้วเดินเข้าไปในท้องพระโรง เราได้ถวายคำนับพระเจ้ากรุงสยาม ๓ ครั้ง ครั้งแรกนั้นได้ถวายคำนับเมื่อได้ก้าวพระทวารเข้าไป ครั้งที่ ๒ ได้ถวายคำนับเมื่อเดินไปถึงกลางท้อง พระโรง และครั้งที่ ๓ นั้นได้ถวายคำนับเมื่อไปถึงที่เจ้าพนักงาน ได้จัดให้เรานั่ง เมื่อพระเจ้ากรุงสยามได้ทอดพระเนตร์เห็นเราก็ทรงพระสรวลแต่ก็หาได้ก้มพระเศียรรับคำนับเราไม่ พระเจ้ากรุงสยามได้ประทับอยู่ข้างในพระแกร เห็นพระองค์แต่เพียงครึ่งพระองค์เท่านั้น ทรงฉลองพระองค์ทำด้วยผ้าเยียรบับเงิน และทรงพระมาลามียอดแหลมเป็นรูปปีรามิด ตามแบบของไทยทำด้วยผ้าเยียรบับเงินเหมือนกัน บนพระมหามาลานั้นมีพระเกี้ยวทองคำ ๓ ชั้นประดับเพ็ชรพลอยต่าง ๆ และมีช่อดอกไม้ไหวทำเป็นรูปกระหนกเปลวทองคำประดับเพ็ชร พลอยต่าง ๆ เหมือนกัน ช่อดอกไม้ทองนี้ติดอยู่ข้างซ้ายพระมหามาลา สองข้างพระแกลนั้นปักฉัตร์หลายฉัตร์ ๆ ๑ มี ๗ ชั้น ก็มี ๘ ชั้น ก็มี ๙ ชั้น ก็มี แต่ใต้พระแกลนั้นทำเป็นบันได ๓ คั่น ในท้อง พระโรงนั้นปูพรมเปอเซียงามที่สุดเต็มท้องพระโรง และข้าราชการ ขุนนางผู้ใหญ่หมอบอยู่เต็มไป ต่างคนต่างวางพานทองและพานเงิน


๗๗ ตามยศของตัวทุกคน มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หมอบอยู่ข้างขวาเราเพราะจะเป็นล่าม มองเซนเยอร์เดอเมเตโลโปลิศนั่งอยู่บนพรม ซ้ายเรา และบาดหลวงตาชานั่งอยู่ข้างหลังเรา เมื่อเราได้ถวายคำนับครั้งที่ ๓ แล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบ ก็กราบทูลข้อความต่าง ๆ แต่ในเวลาที่กราบทูลอยู่นั้นเราก็ได้ยืนอยู่ตลอดเวลา เพราะเราได้ทราบว่าการที่ยืนนั้นเป็นกิริยาผึ่งผายมากกว่าที่จะนั่งบนม้าเล็ก ๆ สี่เหลี่ยมกว้าง ๑ ฟุต ยาว ๑ ฟุต ซึ่งเจ้าพนักงานได้เอาพรมลายทองปูไว้ให้เรานั่ง และม้าสี่เหลี่ยมนี้ก็เป็นม้าตัวเดียวนั้นเอง ที่ได้เตรียมไว้สำหรับครั้ง เชอวาเลียเดอโชมอง เมื่อมองซิเออร์เดอลาลูแบได้กราบทูลสิ้นคำลงแล้ว มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้แปลถวาย แต่คำแปลของมองซิเออร์ คอนซตันซ์นั้นได้เขียนไว้เป็นภาษาปอตุเกตถืออยู่ในมือ แต่ข้าพเจ้าได้สังเกตว่าคำแปลของมองซิเออร์คอนซตันซ์ สั้นกว่าที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้กราบทูลเป็นอันมาก ครั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แปลถวายคำกราบทูลของมอง ซิเออร์เดอลาลูแบเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ไปรับหีบซึ่งบรรจุพระ ราชสาส์นของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสมาจากมือบุตรข้าพเจ้า เพราะ บุตรข้าพเจ้าได้ยืนถือหีบพระราชสาส์นอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้าจึง ได้เชิญหีบพระราชสาส์นส่งให้กับมองซิเออร์เดอลาลูแบ มองซิเออร์


๗๘ เดอลาลูแบได้รับหีบพระราชสาส์นจากข้าพเจ้าแล้ว ก็เอาหีบพระราชสาส์นขึ้นทูลศีร์ษะแล้วจึงนำถวายต่อพระเจ้ากรุงสยาม พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงรับพระราชสาส์นจากมองซิเออร์เดอลาลูแบแล้ว ก็ทรงยกพระหัตถ์ที่ถือพระราชสาส์นนั้นขึ้นเพียงพระโอษฐ์ทรงแสดงพระกิริยาคล้าย ๆ จะคำนับพระราชสาส์น แล้วจึงได้ทรง วางพระราชสาส์นไว้ข้างขวาพระองค์ เสร็จแล้วจึงได้รับสั่งถามเรา ถึงทุกข์สุขของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพระสหายของพระองค์ ว่าทรงสบายดีอยู่หรืออย่างไร เพราะได้ทรงทราบมาโดยเสียพระทัยเป็นอันมาก ว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงพระประชวรไป เราจึงได้กราบทูลว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงพระประชวรจริง แต่เมื่อเราได้ออกจากประเทศฝรั่งเศสนั้น พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ได้หายพระประชวรทรงสบายเป็นปกติดีแล้ว พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งถามถึงข่าวทุกข์สุขของราชวงศ์ ฝรั่งเศสทุกองค์ และเราก็ได้สังเกตเห็นตามพระกระแสและตาม พระอิริยาบถว่า พระเจ้ากรุงสยามทรงรักใคร่และทรงนับถือพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจริง เมื่อหมดกระแสรับสั่งแล้ว พระเจ้ากรุงสยาม จึงได้รับสั่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์บอกกับเราว่า ในเรื่องต่าง ๆ ที่เราจะมาจัดการนั้น ให้เรามาพูดกับพระยาพระคลังต่อไป เพราะได้มีรับสั่งไว้กับพระยาพระคลังเสร็จแล้ว การที่รับสั่งเช่นนี้ก็ต้องนับว่าเป็นพิธีเท่านั้น เพราะความจริง


๗๙ พระยาพระคลังหาได้เกี่ยวข้องในการแผ่นดินอย่างใดไม่ และการทั้งหลายทั้งปวงมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็เป็นผู้ทำทั้งสิ้น ในขณะนี้เจ้าพนักงานได้เป่าปี่ตีกลอง พระเจ้ากรุงสยามก็เสด็จขึ้น พอหับพระแกรเสร็จแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ขอให้เรา รออยู่ในท้องพระโรงก่อน เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องกลับ เข้าไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามอีก เพื่อจะได้นำมองซิเออร์เดฟาดและนายทหารให้เข้าเฝ้า เมื่อเสร็จแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงจะ กลับมารับเรา เราได้นั่งรออยู่ในท้องพระโรงพร้อมกับสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ในระวางนั้นพวกขุนนางข้าราชการก็ยังคงหมอบอยู่ เหมือนกับหมอบอยู่ในเวลาที่พระเจ้ากรุงสยามประทับอยู่ในที่นั้นเหมือนกัน อีกสักครู่หนึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้กลับมา และได้พาเราไปในที่ แห่งซึ่งได้จัดเตรียมไว้สำหรับเลี้ยงอาหาร ครั้นไปถึงห้องเลี้ยง อาหารแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ ให้ข้าพเจ้าได้กลับไปเสียก่อนท่านเพราะข้าพเจ้าไม่สบายเลย โดยเหตุที่ได้รับความเหน็ดเหนื่อยในเวลาที่เดินทางและในเวลาที่เฝ้า และอาการป่วยของข้าพเจ้านี้ ทำให้ข้าพเจ้ารับประทานอาหารไม่ได้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบว่าข้าพเจ้าไม่สบายก็แสดงความเสีย ใจ จึงได้พาข้าพเจ้าไปจนถึงเรือ เมื่อไปถึงเรือ ข้าพเจ้าได้พบกับ


๘๐ มองซิเออร์เดฟาชซึ่งพึ่งกลับจากเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม สังเกตดูมองซิเออร์เดฟาชมีความพอใจมาก ในการที่ได้เฝ้าในครั้งนี้ เมื่อข้าพเจ้าไปถึงที่พักซึ่งเจ้าพนักงานได้เตรียมไว้สำหรับให้เราพัก และเป็นที่พักหลังเดียวกับเมื่อครั้งเชอวาเดอโชมองนั้น อีก สักครู่หนึ่งได้มีคนเข้ามาบอกว่า มีข้าราชการมาจากพระราชวังมาหาข้าพเจ้าคนหนึ่ง โดยพระเจ้ากรุงสยามมีรับสั่งให้มา ข้าพเจ้าจึงได้ให้ไปเชิญข้าราชการผู้นั้นเข้ามาในห้องพร้อมด้วยล่าม ข้าราชการ ผู้นั้นจึงได้บอกกับข้าพเจ้า ว่าพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทราบว่าข้าพเจ้าป่วยก็ทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก จึงได้รับสั่งให้ข้าราชการ ผู้นั้นมาหาเพื่อให้ถามอาการของข้าพเจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งโปรดให้บอกกับข้าพเจ้าว่าเมื่อข้าพเจ้าจะต้องการหมอหลวงหรือจะต้องการสิ่งใด ๆ ในพระราชอาณาเขตต์ ซึ่งจะเยียวยาให้ข้าพเจ้าหายได้ โดยเร็วแล้ว ก็จะพระราชทานให้ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าจึงได้ตอบขอบพระเดชพระคุณในการที่พระเจ้ากรุงสยาม ได้ทรงพระกรุณาแก่ข้าพเจ้าดังนี้ แล้วข้าราชการผู้นั้นก็ลากลับไป ในเวลากลางคืนเมื่อมองซิเออร์เดอลาลูแบได้กลับมาแล้ว มอง ซิเออร์เดอลาลูแบได้บอกกับข้าพเจ้า ว่าในการที่พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดพระราชทานเลี้ยงนั้น ตัวมองซิเออร์เดอลาลูแบกับ เจ้าพนักงานและนายทหารฝรั่งเศส ได้รับพระราชทานเลี้ยงอย่างอิ่มหนำสำราญทุกคน และในระวางเวลาที่รับประทานอาหารอยู่นั้น


๘๑ ก็ได้ดื่มถวายพระพรให้แก่พระราชวงศ์ไทยทั้งหมด ต่อมาภายหลังข้าพเจ้าได้ทราบว่า ในระวางที่พวกฝรั่งเศสรับพระราชทานเลี้ยงอยู่นั้นพระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จประทับในที่กำบังแห่งหนึ่ง ทอดพระเนตร์การเลี้ยงจนตลอดเวลา ณวันที่ ๓ เดือนพฤศจิกายน เวลาค่ำ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาหา และเราก็ได้เชื้อเชิญให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รับประทานอาหารพร้อมกับเราด้วย ณวันที่ ๔ เดือนพฤศจิกายน ทูตเมืองปัตตานี ๑ ทูตเมือง เขมร ๑ ทูตของพระเจ้ากรุงยี่ปุ่น ๑ กับหัวหน้าพวกแขกมัวพร้อมด้วยพวกแขกมัวเป็นอันมาก ได้มาเยี่ยมเยือนเรา และการที่ได้มาเยี่ยมเยือนกันคราวนี้ ได้กินเวลาเกือบครึ่งวัน เวลาเย็นเราได้ไปเยี่ยมมองซิเออร์คอนซตันซ์ และได้เชิญกระบี่กับพระรูปพระเจ้า กรุงฝรั่งเศส ซึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาพระราชทานนั้นมอบ ให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับกระบี่ และพระรูปด้วยแสดงกิริยาอ่อนน้อม ในคืนวันนั้นเราได้เลย รับประทานอาหารที่บ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ และเมื่อได้รับประทานกันเสร็จแล้ว ก็ได้เข้าไปพักอยู่ในห้องเขียนหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ในเวลาที่สนทนากันอยู่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กล่าวคำยกย่องสรรเสริญพระเจ้ากรุงสยามหลายอย่าง และได้เล่า ๑๑


๘๒ ว่าพระเจ้ากรุงสยามมีพระราชประสงค์ยิ่งนัก ที่จะได้เป็นพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอา จดหมายบันทึกซึ่งจดข้อความที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูล พระเจ้ากรุงสยามสองสามครั้ง นับแต่แรกเราได้มาถึงเมืองไทย เป็นต้นไป แต่จดหมายบันทึกฉะบับนั้นได้เขียนเป็นภาษาปอตุเกต จนมองซิเออร์คอนซตันซ์เองก็อ่านเกือบไม่ออก และข้อความที่ได้ จดลงไว้นั้น ก็ล้วนแต่ไม่ใคร่จะมีแก่นสารอะไร ไม่ใคร่ได้ประโยชน์อันใดเลย และบางตอนก็ไม่ได้ความเลยเสียซ้ำไป แต่เราก็ได้ทัก ท้วงขึ้นว่า ตามข้อความในจดหมายบันทึกนี้ เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เข้าไปเฝ้าในครั้งแรกนั้น ก็มีข้อความปรากฏว่าเมื่อ จวนจะเสด็จขึ้น พระเจ้ากรุงสยามก็ได้มีรับสั่งให้มองซิเออร์คอนซ ตันซ์จัดการรับรองเราตามสมควรอย่าง เพราะฉะนั้นความข้อนี้ เองทำให้เราเห็นชัดว่า ในเรื่องพิธีที่จะรับรองเรานั้นไม่มีผู้ใดที่จะ มีหน้าที่มาเกี่ยวข้องด้วยเลย แต่ตกเป็นหน้าที่ของมองซิเออร์คอนซตันซ์แต่ผู้เดียวเท่านั้น ตามข้อความในจดหมายบันทึกฉะบับนี้ เราได้รู้สึกข้อสำคัญอยู่ ๒ ข้อ ข้อ ๑ นั้น ว่าเหตุใดพระเจ้ากรุงสยามจึงไม่ทรงเล่าเรียนในเรื่องศาสนาคริศเตียน ข้อที่ ๒ นั้น ว่าเหตุใดหนังสือสัญญาที่ได้ทำไว้กับเชอวาเลียเดอโชมอง ยกสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ศาสนา จึงมิได้ประกาศให้ใช้


๘๓ ในความข้อ ๑ นั้น ปรากฏว่าการที่พระเจ้ากรุงสยามมิได้ทรงเล่าเรียนในการของศาสนาคริศเตียนนั้น ก็เพราะขาดคนสอน และมองซิเออร์คอนซตันซ์จะให้กราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสว่า พระเจ้ากรุงสยามมิได้เข้าพระทัยในภาษาของสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ แต่ ที่จริงท่านสังฆราชผู้นี้ก็ได้อยู่ในเมืองไทยถึง ๒๕ ปีแล้ว และพูดภาษาไทยได้อย่างดีทีเดียว ในขณะนั้นบาดหลวงตาชาซึ่งอยู่ในที่ นั้นด้วย จึงได้พูดขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า " พระเจ้ากรุงสยาม ไม่ทรงเข้าพระทัยในคำพูดของท่านสังฆราชเลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นการจำเป็นจะต้องรอให้พวกบาดหลวงเยซวิตได้เรียนภาษาไทยรู้ ช่ำชองเสียก่อน จึงจะลงมือสอนศาสนาถวายพระเจ้ากรุงสยามได้ " ในความข้อ ๒ นั้น ปรากฏว่าพระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งถามมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ในการที่ยังมิได้ประกาศสิทธิต่าง ๆ ที่ได้ทำสัญญาพระราชทานให้แก่ศาสนานั้น จะแก้ตัวกับเราอย่างไรจึงจะดีเพราะเป็นเรื่องที่ได้พระราชทานพระราชานุญาตไว้แล้ว มีแต่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ผู้เดียวที่ได้ทักท้วงขัดขวางไว้ และเหตุผลที่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ยกมาอ้างสำหรับแก้ตัวในข้อที่ไม่ได้ประกาศสิทธิ ต่าง ๆ ที่ได้พระราชทานให้แก่ศาสนานั้น เราเห็นว่าเป็นเหตุผลเล็กน้อยหามีน้ำหนักอย่างใดไม่ แต่เราก็ได้แกล้งพูด ว่าในการที่เราได้มาสนทนากัน และได้ฟัง


๘๔ ถ้อยคำในจดหมายบันทึกครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เรายินดีและพอใจเป็นอันมาก เราจึงได้ขอคัดสำเนาจดหมายบันทึกนั้นไว้ เราได้มาคิดเห็นในใจของเราว่า ถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะทรงละทิ้งพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาของพระองค์ สำหรับมาถือศาสนา คริศเตียนแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะเหตุที่พระองค์มิได้ทรงนับถือพระพุทธศาสนาเท่าไรนักกระมัง แต่ถึงศาสนาคริศเตียนดูพระเจ้ากรุงสยามก็ไม่ได้ทรงเชื่อถือเท่าไรนักเหมือนกัน เราจึงอดไม่ได้ที่จะ ต้องพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ในข้อรับสั่งต่าง ๆ ของพระเจ้ากรุงสยามนั้น สังเกตดูก็ทรงพระปรีชาสามารถมาก แต่เมื่อมาคิดถึงการที่จะทรงเข้ารีตนั้น ก็ดูมีเหตุผลที่จะทำให้หวังได้น้อยที่สุด แล้วเราจึงได้พูดต่อไปเพื่อให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รู้สึกในการที่กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ไปอยู่ปะปนกับทหารไทยที่บางกอก ไม่เป็นการสมพระเกียรติยศของพระเจ้ากรุงฝรั่เศสนั้นว่า " ถ้าแม้ ว่าเรานำข่าวไปยังประเทศฝรั่งเศส ว่าพระเจ้ากรุงสยามได้ทรง เข้ารีตแล้ว ถึงการอื่น ๆ จะบกพร่องสักเท่าไรก็ตาม พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็คงจะทรงเห็นดีไปหมด และถึงกองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะไปอยู่ปะปนกันอย่างไรก็ดี พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็คงจะ ไม่ถือสาอย่างไร เพราะเป็นการที่ได้ถวายกองทหารให้แก่พระเจ้าแผ่นดินซึ่งได้ทรงเข้ารีต อันเป็นเกียรติยศพออยู่แล้วเช่นนี้ " แต่ข้อที่เราเห็นว่าปลาดที่สุดนั้น ก็คือมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พยายาม

๘๕ ออกตัวและพูดดักหน้าเรามิให้เราต่อว่าในเรื่องที่เกี่ยวด้วยการ ศาสนาได้ ต่อนี้ไปก็ได้สนทนากันถึงเรื่องบ่อแร่ คือว่าได้มีคนฝรั่งเศสชาวเมืองโปรวังซ์คน ๑ ชื่อแวงซัง ได้ไปพบบ่อแร่ในพระราช อาณาจักร์สยามแห่ง ๑ และบอกว่าได้พบทั้งทองคำ เงิน และแร่อย่างอื่นเป็นอันมาก มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้นำความกราบทูล ต่อพระเจ้ากรุงสยามให้ทรงทราบตามข่าวที่ชาวฝรั่งเศสบอกว่าได้พบ บ่อแร่ และได้กราบทูลต่อไปว่า ถ้าบ่อแร่เหล่านี้มีแร่จริงดังว่าแล้วถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะมีพระราชประสงค์คนชาวฝรั่งเศสจำนวนมากน้อยเท่าใดก็คงจะได้ตามพระราชประสงค์ เราจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้โปรดให้เรามาประเทศสยามคราวนี้ มิได้ทรงนึกถึงการ บ่อแร่อย่างใดเลย แต่ที่ได้ทรงจัดให้เรามาในคราวนี้ก็โดยทรง พระราชดำริถึงการศาสนาอย่างเดียวเท่านั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบเราว่า เชื่อแน่แล้วว่าใน ส่วนพระองค์พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น มิได้ทรงพระราชดำริที่จะหา ผลประโยชน์ในส่วนพระองค์อย่างใดเลย แต่ที่พูดถึงชาวฝรั่งเศสนั้นหมายแต่ฉะเพาะบุคคลชาวฝรั่งเศสที่เป็นคนสามัญเท่านั้น ครั้นได้สนทนากันถึงเรื่องบ่อแร่เสร็จแล้ว ซึ่งยังไม่มีหลักฐานอย่างใดเป็นแต่เรื่องนึกกันเอาเองเท่านั้น เราก็คิดจะลากลับไปเพราะ


๘๖ เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่ครั้นออกมาถึงห้องใหญ่ก็ต้องหยุดพัก รับประทานน้ำชากันอีก มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้เดินไปพูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า พวกเราจะต้องคิดอ่านจัดการให้พระราชไมตรีในระวางพระเจ้าแผ่นดินทั้งสอง ได้เป็นพระราชไมตรีอันสนิทติดต่อกันชั่วกาลนานอย่าให้ขาดกันได้ ( ตอนนี้คำโต้ตอบในระวางมองซิเออร์เดอลาลูแบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ในต้นฉะบับเขียนเป็นภาษาปอตุเกต ) เมื่อพูดกันเสร็จแล้ว เราก็ได้ลามองซิเออร์คอนซตันซ์กลับไปยังที่พักของเรา แต่การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดตัดความเช่นนี้ ก็เพราะเหตุจะไม่ต้องการรับรองอย่างใดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้สนทนากันในตอนท้ายนี้ ข้าพเจ้าได้จดลงไปตามที่เขาพูดกันจริง ๆ เพราะข้าพเจ้าได้สังเกตว่าการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใช้คำปอตุเกตว่า ซูบอดีนาโซ นั้น ก็เพราะเหตุที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่พอใจใน การที่มองซิเออร์ดูบรูอังจะต้องได้รับคำสั่งฉะเพาะจากมองซิเออร์ เดฟาชคนเดียวในเวลาที่ประจำการอยู่ที่เมืองมะริดตามความใน หนังสือสัญญานั้นเอง เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์มีประสงค์นัก ที่จะสั่งการตรงต่อมองซิเออร์ดูบรูอังที่เมืองมะริดได้ โดยไม่ต้อง ให้เกี่ยวแก่มองซิเออร์เดฟาช ต่อนั้นมาข้าพเจ้าก็ได้ทราบเป็นการ แน่ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มุ่งหมายไว้จะสั่งการงานทั้งปวงตรง


๘๗ ต่อนายทหารฝรั่งเศสทุก ๆ คน โดยไม่ต้องมีคำสั่งผ่านมองซิเออร์ เดฟาชอย่างใด และที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใช้คำปอตุเกตว่าซูบอดีนาโซ นั้น ก็คงมุ่งในความข้อนี้เอง ณวันที่ ๕ เดือนพฤศจิกายน พระเจ้ากรุงสยามซึ่งได้เสด็จลงมาประทับที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อเสด็จออกแขกเมืองรับเรานั้น ได้เสด็จกลับขึ้นไปประทับที่เมืองลพบุรีอีก ในค่ำวันนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เชิญเราไปรับประทานอาหาร และในการเลี้ยงคราวนี้ ได้มีงิ้วจีนมีละคอนรำของไทย หุ่นกะบอกของพวกแขกมัว มีคนกระโดดข้ามไม้ไผ่ ตอนกลางคืนได้จุดดอกไม้เพลิง การเลี้ยงดูคราวนี้เป็นการที่แปลกและงดงามมาก อาหารที่รับประทานนั้นได้เลี้ยงอย่างยุโรป แต่นอกจากอาหารยุโรปแล้ว ยังมีกับเข้าจีนมาวางบนโต๊ะกว่า ๘๐ สิ่ง ซึ่งดูเป็นของแปลกปลาดอย่างที่สุด เพราะในกับเข้าจีน ๘๐ สิ่งนี้ ซึ่งเป็นของต่าง ๆ กันทั้งนั้นดูน่ารับประทานดีอยู่ แต่ที่จริงจะรับประทานไม่ได้เลยจนสิ่งเดียวเพราะเป็นของที่ไม่ดีทั้งนั้น ตอนกลางคืนมองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้เชิญให้เราเข้าไปดูห้องต่าง ๆ ในบ้านของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ทุก ๆ ห้อง ซึ่งได้สร้างขึ้นใหม่เมื่อเชอวาเลียเดอโชมองได้กลับจากเมืองไทยแล้ว แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พาเราขึ้นไปบน ดาดฟ้าซึ่งทำต่างหลังคาเรือนด้านหนึ่ง เมื่อขึ้นไปบนดาดฟ้านั้น


๘๘ ได้เห็นตลอดถึงแม่น้ำ และในแม่น้ำนั้นมีเรือหลายลำกำลังแข่งกันเพื่อจะเอารางวัลว่าลำใดจะเร็วกว่ากัน รุ่งขึ้นณวันที่ ๖ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาหาเราเพื่อมาลาขึ้นไปเมืองลพบุรี และจะพามองซิเออร์เดฟาชกับนายทหารราบซึ่งอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาขึ้นไปด้วย แล้วมองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้บอกว่า เมื่อขึ้นไปถึงเมืองลพบุรีแล้ว จะได้จัดการให้ปลูกที่พักขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อเราจะได้ขึ้นไปเมืองลพบุรีได้บ่อย ๆ ณวันที่ ๗ และที่ ๘ พฤศจิกายน เป็นวันปกติไม่มีอะไร เป็นแต่ใน ๒ วันนี้เราได้ไปเที่ยวชมดูวัดวาอาราม ซึ่งเป็นของงามที่สุด ในกรุงศรีอยุธยา แต่พระเจดีย์องค์ใหญ่ปิดทอง ซึ่งเจ้าพนักงานได้พาเชอวาเลียเดอโชมองไปดูนั้น ในคราวนี้หาได้พาเราไปดูไม่ เพราะพวกไทยไม่อยากจะพูดในเรื่องนี้อีกต่อไป โดยเหตุที่เรารู้เป็น แน่แล้วว่าพระเจดีย์องค์นี้หาได้ทำด้วยทองคำไม่ เป็นแต่เอาทอง ปิดไว้เท่านั้น ณวันที่ ๙ เดือนพฤศจิกายน ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้มารับประทานอาหารกับเรา และมีมองซิเออร์เดอโรชาลีกับมิชชันนารีอีกสองสามคนได้มารับประทานอาหารพร้อมกับท่านสังฆราชด้วยเพราะเมื่อวันที่ ๕ เดือนพฤศจิกายน เราได้ไปเยี่ยมเยือนท่านสังฆ ราชณที่พักของพวกคณบาดหลวง ที่พักนี้ก็เป็นที่กว้างขวางพออยู่ ได้อย่างสบาย และเราก็ได้ไปเห็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย วัดนี้สร้าง


๘๙ จวนจะเสร็จแล้ว เป็นวัดที่ใหญ่พอใช้ได้ และทำเป็นรูปคล้าย ๆ วัดไทย ณวันที่ ๑๐ เดือนพฤศจิกายน เราได้ออกจากกรุงศรีอยุธยาขึ้นไปเมืองลพบุรี ได้ไปด้วยเรือลำเดียวและชุดเดียวที่เราได้ขี่มา เมื่อมาที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อได้ไปได้สักครึ่งทางเราได้พักนอนในที่ พักแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ปลูกขึ้นโดยฉะเพาะสำหรับให้เราพักและเป็นรูปเหมือนกับที่พักทั้งปวงที่เราเคยได้พักมาตามทางแล้ว ราชทูตที่ ๑ และอุปทูตก็ได้ไปกับเราด้วย เพราะท่านทั้ง ๒ นี้มีหน้าที่ต้องไป กับเราทุกแห่ง และเป็นผู้สำหรับสั่งและจัดการทั้งปวง เช่นเรื่องการรับประทาน รถและพาหนะต่าง ๆ สำหรับเราใช้ทุกอย่าง ยังมี ข้าราชการในราชสำนักอีกหลายคน สำหรับเป็นลูกมือของราชทูต ที่ ๑ และอุปทูตด้วย ณวันที่ ๑๑ เดือนพฤศจิกายน เวลากลางคืนประมาณ ๒ ทุ่ม ( ๘ ล.ท. ) เราได้ไปถึงเมืองลพบุรี ในวันนั้นทั้งวัน เรือได้เดินไป ตามลำคลองซึ่งได้ขุดเป็นลำคลองตรง สำหรับย่นให้หนทางสั้นเข้าและเป็นคลองที่ยาวประมาณ ๑๐ ไมล์ของฝรั่งเศส เมื่อเราได้ไปถึงเมืองลพบุรี ได้มีเจ้าพนักงานจุดคบเพลิงสว่างทั่วไปหมด และมีขุนนางข้าราชการเป็นอันมากได้ลงมารับที่เรือ ที่บนบกนั้น เจ้าพนักงานได้เตรียมแคร่หามไว้ ซึ่งคล้ายกับเก้าอี้มีคนไทยหาม ๑๒


๙๐ และมีม้าสำหรับให้คนใช้ของเราขี่เตรียมไว้พร้อมเสร็จ ผู้รักษาเมืองลพบุรีได้ลงมาต้อนรับในเรือ และเมื่อเราได้ขึ้นจากเรือแล้ว ผู้รักษาเมืองลพบุรีก็ได้เดินนำหน้า และมีข้าราชการผู้ใหญ่ ๔ คน ถือเทียนนำทางไปด้วย ยังมีคนสำหรับถือคบเพลิงอีกมากมายก่ายกองเดิน นำทางไป และมีข้าราชการทุกชั้นทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย เดินตามเราไป จนถึงที่พัก ซึ่งได้เตรียมไว้สำหรับให้เราพัก เมื่อถึงหน้าประตูที่พัก ได้พบบรรดานายทหารฝรั่งเศสที่ได้ขึ้นมาก่อน และมองซิเออร์ เดฟาชก็ได้ยืนอยู่หน้าพวกนายทหาร พร้อมกับพวกบาดหลวงเยซวิตหลายคน เมื่อมองซิเออร์เดฟาช นายทหารฝรั่งเศส และบาดหลวงเยซวิตได้ทำการต้อนรับเราเสร็จแล้ว บาดหลวงตาชาจึงได้บอกเรา ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ขอเชิญให้เราไปรับประทานอาหาร ความจริงเราก็ได้เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก เพราะอากาศร้อนจัดอย่างที่สุดจนเกือบจะทนไม่ได้ แต่ถึงดังนั้นเราก็อุตสาหะไปรับประทานอาหารที่บ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ เพราะบ้าน มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ติดกับที่พักของเรา มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ยืนคอยรับเราอยู่ที่ถนนหน้าประตูบ้านได้รับรองต้อนรับเราอย่างดี และเชื้อเชิญให้เราเข้าไปรับประทานอาหารที่บ้าน เราก็ได้ไปรับประทานอาหารตามคำเชื้อเชิญนั้น ในคืนวันนั้นต่างคนต่างได้สนทนากันถึงเรื่องต่าง ๆ และต่างคนต่างประคองเอาใจกันทั้งสองฝ่าย ในเวลาที่รับประทานอาหาร


๙๑ อยู่นั้น ก็ได้ดื่มถวายพระพรแด่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและพระเจ้ากรุงสยามตลอดเวลาที่รับประทานอาหารอยู่ และได้ดื่มถวายพระพรให้แก่พระราชวงศ์ทั้งฝรั่งเศสและไทยด้วย เมื่อเราได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้นั่งสนทนากันต่อไปอีกหลายชั่วโมงจนดึก มอง ซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้พาเราไปถึงที่พัก และได้พาเราเข้าไปดูตาม ห้องต่าง ๆ ด้วย ห้องสำหรับเราพักนี้ได้ประดับประดาอย่างงดงามเครื่องประดับนั้นได้ใช้เครื่องเรือนอย่างจีน ที่พักหลังนี้ใหญ่โตมาก แลดูงดงามดี มีชาลาต่อกันเป็นชั้น ๆ สามชาลา และรอบนั้นมีตึกก่อด้วยอิฐปูน แรกที่จะเข้าไปนั้นมีห้องใหญ่เหลือเกินห้อง ๑ จุดเทียนและโคมจีนเป็นอันมากจนสว่างไสวไปหมด เมื่อได้ดูทั่ว แล้วเราจึงได้ตามไปส่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ถึงประตูที่พัก แล้ว ก็ต่างคนต่างลากันในที่นั้น ณวันที่ ๑๒ เดือนพฤศจิกายน ไม่มีการแปลกอะไร ในวันนั้นเราเอาเป็นวันพักสำหรับช่วยกันทำงานที่ยังค้าง ๆ อยู่ ณวันที่ ๑๓ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เชิญให้เราไปในการฉลองโบสถ์ ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้สร้างขึ้น ในบ้าน โบสถ์นี้ได้ก่อเล็กก็จริงอยู่ แต่ได้ทำอย่างงดงามมาก และมีเครื่องประดับประดางามด้วย ในงานฉลองโบสถ์นี้ได้มีงานถึง ๘ วัน และได้มีการสวดด้วย ณวันที่ ๑๔ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดกับ


๙๒ ข้าพเจ้าในเรื่องรายงานของเชอวาเลียเดอโชมองที่ได้มาเจริญทาง พระราชไมตรีในเมืองไทย เพราะรายงานฉะบับนี้ มองซิเออร์เดอลา ลูแบได้มอบให้กับบาดหลวงตาชา ในเวลาที่บาดหลวงตาชาจะขึ้น ไปที่กรุงศรีอยุธยาในครั้งแรก เพื่อบาดหลวงตาชาจะได้อ่านรู้ความในเวลาที่จะไปพูดจากับมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้พูดให้ตรงกับเรื่อง ได้ มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ทวงรายงานฉะบับนี้จากบาดหลวงตาชาหลายครั้งหลายหน และบาดหลวงตาชาก็ยังหาได้คืนให้ไม่ จนที่สุดในเวลาที่บาดหลวงตาชายังอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา มองซิเออร์เดอลา ลูแบก็ได้ให้เลขานุการไปหาบาดหลวงตาชา เพื่อไปขอรายงาน ฉะบับนี้คืน เพราะบาดหลวงตาชาแกล้งทำเป็นลืมว่าไม่ทราบว่าได้ เอารายงานนั้นเก็บไว้ที่ไหน ครั้นต่อมาบาดหลวงตาชาได้ผัดเพี้ยนหลายครั้งหลายหนจวนตัวเข้าแล้ว จึงได้บอกว่ารายงานฉะบับนั้นบาดหลวงตาชาได้มอบไว้กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามคำสั่งของ มองซิเออร์เดอลาลูแบแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่ารายงานของเชอวาเลียเดอโชมองฉะบับนี้ เป็นต้นฉะบับซึ่งท่านมาควิศเดอเซเนเลได้มอบให้มา เพราะฉะนั้นเป็นการจำเป็นโดยแท้ที่จะต้องเรียกเอารายงานคืนมาให้ได้ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ให้ข้าพเจ้าช่วย ไปทวงรายงานฉะบับนี้คืนมาด้วย นอกจากเรื่องทวงรายงานฉะบับนี้ ยังมีเรื่องสำคัญที่เราจะต้องพูดกับ มองซิเออร์คอนซตันซ์อีก


๙๓ เรื่อง ๑ คือเรื่องที่จะส่งมองซิเออร์ดูบรูอังไปอยู่เมืองมะริด เพราะเราต้องการนักหนาที่จะให้มองซิเออร์ดูบรูอังไปประจำอยู่ที่เมือง มะริดพร้อมกับกองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสด้วย เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้ทำความตกลงกับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ให้ขอพบ กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ พูดถึงเรื่องเมืองมะริดก่อน แล้วจึงให้ มองซิเออร์เดอลาลูแบขอรายงานของเชอวาเลียเดอโชมองคืนจาก มองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะบาดหลวงตาชาได้มอบรายงาน ฉะบับนั้นให้กับมองซิเออร์คอนซตันซ์โดยเข้าใจผิด ครั้นเวลาค่ำเราก็ได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ พอไปถึง มองซิเออร์เดอลาลูแบก็ตั้งต้นทวงรายงานฉะบับนี้จากมองซิเออร์ คอนซตันซ์ และได้ใช้ให้บาดหลวงตาชาเป็นล่ามสำหรับแปลเป็นภาษาปอตุเกต บาดหลวงตาชาได้ฟังมองซิเออร์เดอลาลูแบทวง รายงาน ก็ทำเป็นปลาดใจ และหาได้แปลคำพูดของมองซิเออร์ เดอลาลูแบให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังไม่ แต่บาดหลวงตาชากลับตอบมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์จะคืนรายงานของเชอวาเลียเดอโชมองให้มองซิเออร์เดอลาลูแบไม่ได้ และไม่ จำเป็นจะต้องคืนให้ด้วย เพราะมองซิเออร์เดอลาลูแบเองเป็นผู้ สั่งให้เอารายงานฉะบับนั้นส่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ในความข้อนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ปฏิเสธว่า มิได้สั่งเลย มองซิเออร์คอนซตันซ์ซึ่งอยู่ในที่นั้น ก็เลยพูดแทรกเข้ามาด้วย


๙๔ เลยได้เกิดโต้เถียงเป็นปากเสียงกันขึ้น พอดีในขณะนั้นได้มีคนมาบอกว่าพระเจ้ากรุงสยามซึ่งทรงมีงานอยู่ในพระราชวัง ได้คอยให้ เราเข้าไปเฝ้า เพราะจะโปรดให้เราเข้าไปดูการตบแต่งโคมไฟ เพราะได้ทรงมีรับสั่งเชื้อเชิญเราไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว การที่มีคนเข้า มาบอกนี้ ก็พอดีทำให้การโต้เถียงกันได้สงบลงไปชั่วคราว เพราะเราก็ออกเดินจะเข้าไปในพระราชวัง แต่เมื่อไปถึงกลางทางแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์กับมองซิเออร์เดอลาลูแบก็ได้เกิดโต้ เถียงกันถึงเรื่องรายงานฉะบับนั้นอีก และต่างคนก็ใช้ถ้อยคำเหน็บแนมซึ่งกันและกัน เมื่อได้ไปถึงพระราชวังแล้ว บาดหลวงตาชาได้ชวนให้ข้าพเจ้าไปพูดกันสองต่อสอง และได้บอกข้าพเจ้าว่า การที่มองซิเออร์ เดอลาลูแบใจเร็วเช่นนี้ ทำให้บาดหลวงตาชามีความหนักใจเป็น อันมาก และการที่มองซิเออร์เดอลาลูแบทำการเช่นนี้ กระทำให้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ขัดใจอย่างที่สุด แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้ เล่าว่า เมื่อบาดหลวงตาชายังอยู่ที่กรุงศรีอยุธยานั้น มองซิเออร์ เดอลาลูแบได้ให้เลขานุการไปหาบาดหลวงตาชา เพื่อขอรายงาน ฉะบับนี้คืน และมองซิเออร์เดอลาลูแบได้สั่งเลขานุการว่า ถ้าไม่ได้รายงานคืนมาแล้ว ก็อย่าให้เลขานุการกลับเป็นอันขาด เลขานุการจึงได้ไปแจ้งให้บาดหลวงตาชาทราบตามคำสั่งของมองซิเออร์เดอ ลาลูแบต่อหน้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฟัง


๙๕ ก็มีความโกรธและพูดว่า การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบจะเรียกเอารายงานคืนนั้น ก็เพราะไม่มีความไว้ใจในมองซิเออร์คอนซตันซ์ รายงานฉะบับนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบก็เป็นผู้ให้มาเอง ทั้งมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยังไม่ได้ทันอ่านเสียซ้ำไป เพราะไปเข้าใจเสีย ว่าคงจะไม่มีเรื่องสำคัญอันใด แต่ครั้นมาเห็นมองซิเออร์เดอลา ลูแบรีบร้อนจะเรียกคืนเช่นนี้ จึงทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์กลับ เข้าใจเสียว่า คงเป็นรายงานที่มีข้อความอย่างสำคัญที่สุด บาด หลวงตาชาจึงได้พูดต่อไปว่า ถ้ามองซิเออร์เดอลาลูแบไม่ได้รีบร้อนเช่นนี้แล้ว บาดหลวงตาชาเองก็จะได้เรียกรายงานฉะบับนี้จากมอง ซิเออร์คอนซตันซ์คืนให้แก่มองซิเออร์เดอลาลูแบ การที่บาดหลวง ตาชาได้พูดเช่นนี้ ก็ได้ใช้ถ้อยคำและทำกิริยาอย่างแขงแรงมาก ข้าพเจ้าจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า การที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้มอบรายงานให้กับบาดหลวงตาชานั้น ข้าพเจ้ามิได้รู้ ว่าเรื่องด้วยเลย และที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้มอบรายงานไปนั้นสำหรับประโยชน์อะไร ข้าพเจ้าก็หาทราบไม่ แต่มองซิเออร์เดอ ลาลูแบได้บอกกับข้าพเจ้าว่า การที่ได้มอบรายงานให้กับบาดหลวงตาชาไปนั้น ก็เพื่อให้บาดหลวงตาชาเอาไปดูสำหรับให้ถือคล้าย ๆ เป็นคำสั่ง เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ที่บาดหลวงตาชาเอารายงานไปส่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นการไม่ควรเลย และข้าพเจ้าไม่มีสาเหตุอย่างใด ที่จะไม่เชื่อคำชี้แจงของมองซิเออร์


๙๖ เดอลาลูแบ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอให้บาดหลวงตาชาได้ให้อภัย แก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจำเป็นจะต้องพูดว่า ที่บาดหลวงตาชาทำการเช่นนี้เป็นการไม่ถูกเลย และในข้อที่หาว่ามองซิเออร์เดอลา ลูแบรีบร้อนทวงรายงานจากมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น การที่รีบ ร้อนเช่นนี้ก็เพื่อประสงค์จะให้เป็นการพ้นตัวบาดหลวงตาชา เพราะฉะนั้นบาดหลวงตาชาไม่ควรจะบ่นว่าหรือขัดเคืองอย่างใดเลย แต่ควรจะช่วยเราพูดให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้คืนรายงานให้เราเสีย โดยดีจึงจะถูก แล้วข้าพเจ้ากับบาดหลวงตาชาจึงได้เดินไปสมทบกับคนอื่นและ ได้เลยไปดูการจุดประทีปโคมไฟ การจุดประทีปโคมไฟนี้ถ้าจะดูในประเทศฝรั่งเศสแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ดูไม่ได้เลย แต่สำหรับประเทศอินเดียก็ดูพอจะใช้ได้ เมื่อได้ดูไฟทั่วแล้วก็ได้กลับมาพร้อมกัน ที่บ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ พอมาถึงบ้าน มองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็เอ่ยพูดถึงรายงานเชอวาเลียเดอโชมองขึ้นก่อนทีเดียวว่า มีความ เสียใจเป็นอันมากที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้เรียกรายงานคืนไปเช่นนี้รายงานฉะบับนี้จะเป็นรายงานที่สำคัญอย่างใด มองซิเออร์คอนซ ตันซ์ก็หาทราบไม่ แต่เมื่อจะไม่ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ดูก็ไม่ว่าเพราะฉะนั้นจะได้ส่งรายงานฉะบับนี้กับหนังสือต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากบาดหลวงตาชาคืนให้ต่อไป แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องอีกสักครู่หนึ่งก็ได้กลับมา และถือหนังสือต่าง ๆ


๙๗ ในมือหลายฉะบับ หนังสือต่าง ๆ เหล่านี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้ส่งให้แก่บาดหลวงตาชาทั้งสิ้น โดยพูดว่าเมื่อมองซิเออร์เดอ ลาลูแบกับตัวข้าพเจ้าไม่เห็นชอบในการที่บาดหลวงตาชาได้ทำไปแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จำเป็นต้องคืนหนังสือต่าง ๆ ให้แก่บาดหลวง ตาชาเท่านั้นเอง เมื่อบาดหลวงตาชาได้รับหนังสือต่าง ๆ จากมอง ซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว จึงได้เอารายงานของเชอวาเลียเดอโชมองคืนให้แก่มองซิเออร์เดอลาลูแบ ในการคืนหนังสือกันในครั้งนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แสดงความโกรธแค้นเป็นอันมาก แต่ข้างฝ่ายเรา ๆ หาได้แสดงโกรธแค้นอย่างใดไม่ และเราก็ได้ ทำใจดีต่ออยู่เสมอ ฝ่ายบาดหลวงตาชานั้นได้แสดงความโกรธ เคืองเท่ากับมองซิเออร์คอนซตันซ์เหมือนกัน และในเวลาที่มอง ซิเออร์คอนซตันซ์เข้าไปหยิบหนังสือในห้องอยู่นั้น บาดหลวงตาชา ก็ได้พูดว่า การที่เราจะปิดความแก่มองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นไม่ เป็นประโยชน์อย่างไรเลย เพราะอะไรต่ออะไรบาดหลวงตาชาก็ ได้เล่าให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังทุกอย่างแล้ว และการที่บาด หลวงตาชาได้ทำเช่นนี้ ก็โดยได้รับสั่งมาจากพระเจ้ากรุงฝรั่ง เศสให้ทำเช่นนี้ ตามที่บาดหลวงตาชาได้พูดกับเราเช่นนี้ทำให้เรามีความปลาดใจเป็นอันมาก เราจึงได้ตอบว่า การที่บาดหลวงตาชาได้รับคำสั่ง ๑๓


๙๘ มาเช่นนี้ เราก็ไม่มีความสงสัยอย่างใดดอก แต่บาดหลวงตาชา ก็จวนจะกลับไปประเทศฝรั่งเศสตามเสียงเล่าลืออยู่แล้ว เพราะ ฉะนั้นเมื่อบาดหลวงตาชาได้กลับไปถึงฝรั่งเศส ก็ให้ไปรายงานตามการที่ตัวได้ปฏิบัติมาเถิด มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดกับเราอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีพระราชหัตถ์ตั้งให้เรามาเป็นทูตนั้น มอง ซิเออร์คอนซตันซ์มิได้ถือพระราชหัตถ์ฉะบับนั้นเลยเป็นอันขาด แต่ได้ถือตามจดหมายของมาควิศเดอเซเนเล ซึ่งฝากมากับบาดหลวงตาชาฉะบับเดียวเท่านั้น แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ชี้แจงต่อ ไปว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบได้ดีว่า มองซิเออร์คอนซ ตันซ์มีศัตรูในประเทศฝรั่งเศสเป็นอันมาก และได้มีคนหลายคน ได้กราบทูลพระเจ้าฝรั่งเศส ติเตียนมองซิเออร์คอนซตันซ์ ต่าง ๆ เพื่อจะไม่ให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสโปรดปรานมองซิเออร์ คอนซตันซ์ เราจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า มองซิเออร์คอนซ ตันซ์ไม่ควรจะเชื่อฟังคำพูดเช่นนี้ เพราะคนที่พูดเช่นนี้มิได้มีเจตนาดีอย่างไรเลย และพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะโปรดหรือไม่โปรดมองซิเออร์คอนซตันซ์ประการใด มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้เห็นเป็นพยานด้วยตัวของตัวเองแล้ว เมื่อพูดกันเพียงเท่านี้แล้วเราก็ลา กลับไป เพราะไม่อยากจะพูดจาให้เป็นการมัวหมองกันต่อไป ใน


๙๙ ส่วนเรื่องเมืองมะริดนั้นต้องเอาไว้พูดในเวลาอื่นจึงจะได้ ครั้นได้มาถึงที่พักแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เอารายงานของเชอวาเลียเดอโชมองมา อ่านดู จึงมีความตกใจเป็นอันมากที่ได้เห็นว่า รายงานฉะบับนี้ เป็นแต่สำเนามิได้เซ็นชื่อเซ็นเสียงอย่างใดเสียซ้ำไป ข้าพเจ้าจึงอด ไม่ได้ที่ต้องพูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า รายงานฉะบับนี้เป็น แต่สำเนา นับว่าไม่เป็นการสำคัญอย่างใด เพราะฉะนั้นไม่ควรที่จะทำการเอะอะเช่นนี้เลย มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบไปเข้าใจเสียว่าเป็นต้นฉะบับ ณวันที่ ๑๕ เดือน พฤศจิกายน บาดหลวเดอเบซกับบาดหลวงรีชาด์ได้มาหามองซิเออร์เดอลาลูแบ บาดหลวงเดอเบซจึงถาม มองซิเออร์เดอลาลูแบว่า มีเรื่องอะไรกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ จึงโกรธเคืองนัก มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงตอบว่า ไม่เชื่อเลย ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะขัดเคืองถึงเพียงนี้ แต่ความจริงในเรื่อง นี้ก็คือ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับรายงานไปฉะบับ ๑ สักห้าหรือ หกอาทิตย์มาแล้ว รายงานฉะบับนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็มิได้เอาใจใส่ที่จะอ่านดูอย่างไร และได้สัญญาว่าจะคืนให้แก่เรา แต่ก็หาได้คืนให้ตามสัญญาไม่ บาดหลวงเดอเบซจึงตอบว่า ในข้อที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้สัญญาจะคืนรายงานให้นั้นเป็นความไม่จริง เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้สัญญาไว้ดังนั้น และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ไม่ได้


๑๐๐ คิดที่จะคืนรายงานฉะบับนั้นให้แก่ท่านเลย การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่อยากคืนรายงานฉะบับนั้นเพราะเหตุใดนั้น เหลือวิสัยที่จะทายได้ว่าจะมีความประสงค์อย่างไร แต่ในเรื่องนี้ถ้าให้ดีที่สุด แล้ว ก็ไม่ควรจะไปทวงรายงานจากมองซิเออร์คอนซตันซ์เลย เว้นไว้แต่ถ้าได้ตกลงใจว่า จะยอมแตกร้าวกับมองซิเออร์คอนซ ตันซ์แล้ว จึงควรไปทวง มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบบาดหลวงเดอเบซว่า เราก็ไม่ได้คิดอยากจะแตกร้าวกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ อยากจะเป็นมิตร์กันอยู่เสมอเสียซ้ำไป แต่ก็นั่นแหละความก็กลับกลายไปเช่นนี้เพราะในชั้นต้นเมื่อเราได้ไปทวงรายงานฉะบับนี้จากบาดหลวงตาชาบาดหลวงตาชาคิดจะให้เราตายใจจึงได้บอกเราว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้สัญญาจะคืนรายงานให้กับบาดหลวงตาชาแล้ว แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยังหาคืนให้ไม่ ฝ่ายเราก็หลงเชื่อในถ้อยคำของบาดหลวงตาชาจึงได้ไปทวงรายงานจากมองซิเออร์คอนซตันซ์ ถ้าเราได้ทราบความจริงแล้ว เราก็คงจะคิดจัดการอย่างอื่นเป็นแน่แล้วมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้บอกกับบาดหลวงเดอเบซว่า จนป่านนี้บาดหลวงตาชาก็ยังไม่ได้มาหาเพื่อพูดกันในเรื่องนี้ต่อไป บาดหลวงเดอเบซจึงตอบว่า การที่บาดหลวงตาชายังไม่ได้มาหาท่านนั้น เห็นจะเป็นด้วยกำลังหัวเสียอยู่ แต่อย่างไร ๆ ก็คงจะมาเป็นแน่


๑๐๑ แล้วบาดหลวงเดอเบซได้พูดขึ้นเองถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ เป็นไปแล้ว และได้พูดว่า การที่เกิดโต้เถียงแตกร้าวกันขึ้นนี้ ก็คือเรื่องเมืองมะริดเป็นปฐมเหตุ เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันไป มองซิเออร์เดอลาลูแบก็มิได้รับปากว่า การที่แตกร้าวกันนี้ ก็เพราะเหตุที่เข้าใจผิดกันในเรื่องเมืองมะริดจริง แต่มองซิเออร์ เดอลาลูแบได้เรียกให้บาดหลวงเดอเบซเป็นพยานว่า ในคราวที่บาดหลวงตาชาจะกลับไปกรุงศรีอยุธยา พอบาดหลวงตาชาจะออกจากห้อง มองซิเออร์เดอลาลูแบก็ได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่าในเรื่องนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยังไม่รู้ในใจของตัวเองว่าจะต้อง การอย่างไร เพราะจะต้องการทำธุระต่าง ๆ ตรงต่อมองซิเออร์ดู บรูอัง มองซิเออร์ดูบรูอังนั้นเป็นคนตรง และทำการงานต่าง ๆ โดยเอาคำสั่งเป็นประมาณ เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้มองซิเออร์ดูบรูอัง ให้ได้ราชการแล้ว ก็จำเป็นต้องให้คำสั่งต่าง ๆ ได้ผ่านมองซิเออร์ เดฟาชเสียก่อน เพราะมองซิเออร์ดูบรูอังถือว่า มองซิเออร์เดฟาชเป็นนายของตัวโดยตรง บาดหลวงเดอเบซจึงตอบว่า ข้อนี้ก็เป็นความจริงอยู่ แต่บาดหลวงตาชาได้เชื่ออย่างมั่นใจว่า การที่ท่านคิดจะแก้ไขข้อสัญญาเรื่องเมืองมะริดนั้น ก็เพราะท่านมีความประสงค์จะยกเอาข้อนั้นไว้ปรึกษากับมองซิเออร์คอนซตันซ์โดยฉะเพาะ จนถึงกับบาดหลวงตาชาได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้


๑๐๒ ทำการเช่นนี้ ก็เท่ากับเอากระดูกมาแทะ และมองซิเออร์เดอลา ลูแบคงจะขบกระดูกนั้นให้แตกได้โดยยาก คงไม่ง่ายเท่าที่คิดไว้ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบว่า ก็นั่นนะซิ ข้อสำคัญ ที่เรากล่าวโทษบาดหลวงตาชานั้น ก็เพราะบาดหลวงตาชาหาแต่กระดูกมาให้เราแทะเท่านั้น บาดหลวงตาชามิได้แนะนำการต่าง ๆ ต่อเราด้วยน้ำใสใจจริงเลย แต่คิดจะล่อให้เราตกหลุมเท่านั้น ณวันอาทิตย์ที่ ๑๖ เดือนพฤศจิกายนเวลาเช้า บาดหลวงตาชาได้มาหาเราโดยมิได้บอกให้เรารู้เนื้อรู้ตัวและมิได้เล่าอะไรให้เราฟัง เลย แต่เราได้ทราบตามข่าวที่เล่าลือกันว่า บาดหลวงตาชาคิด จะหาคนไทยไปยังประเทศฝรั่งเศสด้วยรวม ๑๘ คน คือจะหาเด็กไปเข้าโรงเรียน ๑๒ คน อีก ๖ คนนั้นจะหาขุนนางไทยไปสำหรับประดับเกียรติยศของตัว บาดหลวงตาชาได้พูดกับมองซิเออร์เดอ ลาลูแบว่า ถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์จะขัดเคืองสักเท่าใดก็ตาม แต่การงานของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็คงไม่ให้เสียหายอย่างใด ตามที่บาดหลวงตาชาได้พูดเช่นนี้ เราได้มาแปลความเอาว่า มอง ซิเออร์คอนซตันซ์คงจะไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่ง ที่ได้สั่งบาดหลวงตาชาไว้สำหรับไปพูดที่ประเทศฝรั่งเศส แต่การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตั้งใจไว้แต่ชั้นเดิมว่า จะไม่ทำธุระอะไรกับเรานั้น ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้เหมือนกัน


๑๐๓ เมื่อบาดหลวงตาชาได้ลากลับไปแล้วครู่หนึ่ง เราก็ได้ไปฟังสวดครั้นกลับมาจากฟังสวดแล้ว ราชทูตที่ ๑ อุปทูต และขุนนางไทย คน ๑ ซึ่งพวกฝรั่งเศสได้ตั้งฉายาว่านายพันตรี ได้มารับเรา เพื่อจะนำเราเข้าไปเฝ้า เพราะเราจะต้องเฝ้ากราบทูลความต่าง ๆ ในพระนามของมกุฏราชกุมารฝรั่งเศส และหาได้มีการแห่นำ หรือพิธีอย่างใดไม่ ในคราวที่เราไปเฝ้านี้ไม่มีใครตามเราไป นอกจากบุตรของข้าพเจ้าคนเดียวเท่านั้น เพราะบาดหลวงตาชา ซึ่งจะต้องไปเฝ้าพร้อมกับเรา ก็ได้ไปคอยเราอยู่ในพระราชวังแล้ว เราได้ขึ้นนั่งเก้าอี้หามไป และขุนนางไทย ๑ คนกับคนใช้ของเรา ได้ขึ้นม้าตามไป ยังมีคนการร่มให้เรา ๒ คนตามธรรมเนียมด้วยเมื่อเราได้ไปถึงชาลาชั้นนอกในพระราชวัง ได้พบขุนนางข้าราชการไทยขี่ม้าอยู่เป็นอันมาก และมีช้างหลายเชือก กับทหารถืออาวุธด้วย ชาลาชั้นนอกนี้หามีประตูไม่ แต่ต้องเดินข้ามคล้าย ๆ กับสะพาน ครั้นไปถึงประตูพระราชวัง เจ้าพนักงานก็ได้ให้เราลง จากเก้าอี้หาม เราจึงได้เดินผ่านชาลา ๓ ชาลา จะหาร่มกางก็ไม่มีในชาลาต่าง ๆ ที่เราได้เดินผ่านไปนั้น ได้พบช้าง พบเจ้าพนักงาน ขี่ม้า และพบทหารถืออาวุธอยู่เต็มไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อไปถึง ชาลาที่สุดพอไปถึงกลางชาลา เจ้าพนักงานก็ให้เราถวายคำนับต่อพระเจ้ากรุงสยามครั้ง ๑ เพราะเมื่อถึงที่นั้นแล้ว ก็พอแลเห็นองค์พระเจ้ากรุงสยามเป็นเงา ๆ เพราะประทับอยู่สุดห้องเล็ก ๆ ซึ่ง


๑๐๔ เป็นท้องพระโรง และพระทวารก็เปิดอยู่ด้วยจึงพอมองเห็นเข้า ไปได้ พอเราได้ขึ้นไปถึงท้องพระโรง ซึ่งต้องขึ้นอัฒจรรย์ ประมาณ ๘ หรือ ๑๐ คั่น เราก็ได้เห็นองค์พระเจ้ากรุงสยามทีเดียวเราจึงได้ถวายคำนับเป็นครั้งที่ ๒ และเมื่อได้เดินไปถึงที่ที่จะเฝ้านั้น ก็ได้ถวายคำนับอีกครั้ง ๑ เป็นครั้งที่ ๓ ในการที่จะกราบทูลข้อความต่าง ๆ นั้น เราได้เตรียมจะยืนเหมือนเมื่อได้เฝ้ากราบทูลในคราว แรกเหมือนกัน ในคราวนี้พระเจ้ากรุงสยามได้ประทับอยู่บนแท่นสูงขึ้นจาก พื้น และประทับอยู่ในบุศบก ๔ เหลี่ยม บุศบกนั้นทำด้วยไม้ทาสีแดงปิดทอง เสาบุศบกนั้นประดับด้วยแก้วและกระจก หลังคาหรือยอดนั้นก็ประดับด้วยแก้วและกระจกเหมือนกัน บุศบกนี้ติดอยู่กับผนังและเมื่อพระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จลงมาจากบุศบกแล้ว ก็ได้ทรง พระดำเนินด้วยทางลาดพระบาท เสด็จเข้าไปในห้องซึ่งอยู่ข้างหลังบุศบกนี้เอง ห้องชั้นในนี้ต้องขึ้นอัฒจรรย์เล็ก ๆ ซึ่งอยู่มุมท้อง พระโรงทั้งสองมุม คือว่าอยู่ข้างซ้ายและข้างขวาบุศบกซึ่งเป็นที่ประทับนั้นเอง ทั้งสองข้างบุศบกนี้มีฉัตร์ตั้งอยู่ ๔ ฉัตร์ ๆ ๑ มี ๕ ชั้นเป็นฉัตร์แดง ๑ ฉัตร์เหลือง ๑ ตั้งอยู่ข้างละคู่ ของเครื่องถวาย นั้นได้จัดวางไว้บนโต๊ะ ๒ โต๊ะเหมือนกับครั้งก่อน มองซิเอร์คอนซตันซ์เป็นผู้แปลถวายคำกราบทูลของเรา เมื่อเราได้กราบทูล ข้อความและมองซิเอร์คอนซตันซ์ได้แปลถวายแล้ว เราก็ได้นั่งลง


๑๐๕ พระเจ้ากรุงสยามได้มีพระราชดำรัสตอบขอบใจมกุฏราชกุมาร ฝรั่งเศส เราก็ได้ตอบขอบพระเดชพระคุณพระเจ้ากรุงสยาม แล้วพระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่า ทรงยินดีเป็นอันมากที่ได้ทรงทราบ ว่า ท่านดุ๊กเดอเบรีได้ประสูติแล้ว เราจึงได้กราบทูลว่า " ขอ พระองค์จงทรงเชื่อพระทัยเถิดว่า ถ้าในประเทศฝรั่งเศสได้ประสูติพระราชบุตรแล้ว ก็เท่ากับได้มีพระสหายของพระองค์ประสูติอีก องค์ ๑ ฝ่ายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสและมกุฏราชกุมารฝรั่งเศสก็ไม่ได้ มีพระราชประสงค์และพระประสงค์อันใด นอกจากประสงค์ให้ พระราชไมตรีในระวางประเทศสยามและประเทศฝรั่งเศส ได้เป็น พระราชไมตรีอันมั่นคงยืนยาวชั่วกาลนาน " แล้วพระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งถามว่า มกุฏราชกุมารได้ มีรับสั่งให้เรามากราบทูลข้อความอย่างอื่นอีกบ้างหรือไม่ ในทันใดนี้เจ้าพนักงานได้ตีเครื่องมโหรทึกซึ่งมีสำเนียงคล้ายเป็นเพลงออกสงคราม และเป็นเครื่องหมายว่าจะเสด็จขึ้น เราจึงได้กราบทูลตอบว่า มกุฏราชกุมารฝรั่งเศสหาได้มีรับสั่งให้เรากราบ ทูลข้อความอย่างอื่นไม่ พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่า เมื่อเสร็จการพิธีออกแขกเมืองแล้ว จะได้ทรงหาโอกาสให้เราเฝ้าโดย ฉะเพาะเพื่อจะได้สนทนากันให้ยืดยาวกว่านี้ได้ แล้วจึงค่อย ๆ ทรงหับพระแกลบุศบก เป็นอันว่าได้เสด็จขึ้นแล้ว ๑๔


๑๐๖ พอพระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จขึ้นแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ได้มาบอกว่า ขอให้เรารอพักอยู่ที่นี่สักครู่หนึ่งก่อน เพราะพระเจ้ากรุงสยามจะเสด็จไปประทับในที่อีกแห่ง ๑ เพื่อเสด็จออกให้มอง ซิเออร์เดอโวดรีคูร์ และมองซิเออร์ดูเคนเฝ้า เราก็ได้นั่งคอยอยู่ สักครู่ใหญ่ ๆ ราชทูตที่ ๑ อุปทูต และข้าราชการไทยที่เราเรียก ว่านายพันตรีนั้น ก็ได้เข้ามาพาเราไปที่พักแห่ง ๑ ในพระราชอุทยานเพื่อรับพระราชทานเลี้ยง การเฝ้าครั้งนี้ถ้าจะว่าไปก็ไม่มีพิธีใหญ่โตเท่ากับเมื่อเฝ้าครั้งแรกกล่าวคือการแห่นำเราก็ไม่มี จนที่สุดขุนนางที่มารับเรานั้นก็เป็นขุนนางชั้นต่ำ หาใช่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหมือนคราวแรกไม่ การที่เป็นเช่นนี้เราเข้าใจว่า คงเป็นเพราะเหตุที่เราได้เฝ้าในครั้งที่ ๒ นี้ หาใช่พิธีเฝ้าถวายพระราชสาส์นไม่ อีกประการ ๑ การที่จะเสด็จออกแขกเมืองโดยพิธีใหญ่โตจริง ๆ ก็จะเสด็จออกได้แต่ฉะเพาะที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระนครหลวงของประเทศสยามแห่งเดียวเท่านั้น และวันนี้เองมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามไม่กล้าเสด็จออกรับพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสที่เมืองลพบุรี ในการเฝ้าทั้ง ๒ ครั้งนี้ ข้าพเจ้าก็ได้สังเกตว่า จนที่สุดฉัตร์ที่ตั้งเคียงพระเจ้ากรุงสยามนั้น ก็ไม่เหมือนทั้ง ๒ คราว คราวหลังนี้ดูฉัตร์ จะไม่ตั้งเต็มที่เหมือนคราวก่อน คือว่าเมื่อเฝ้าครั้งก่อนที่กรุงศรีอยุธยานั้น เศวตฉัตร์กลางมีถึง ๙ ชั้น และฉัตร์ข้าง ๆ มีถึง ๗ ชั้น


๑๐๗ แต่ในคราวเฝ้าครั้งหลังนี้ฉัตร์ทุก ๆ ฉัตร์มีเพียง ๕ ชั้นเท่านั้น แต่ ในการเฝ้าครั้งที่ ๒ นี้เราเห็นมีการอย่างเดียวซึ่งเราถือว่าเป็นเกียรติยศต่อเราดีกว่าเมื่อเฝ้าครั้งก่อน คือว่าในครั้งนี้พระเจ้ากรุงสยามได้ประทับอยู่ในห้องเดียวกับที่เราเฝ้าอยู่ เมื่อครั้งเสด็จออกที่กรุงศรีอยุธยานั้น เราเฝ้าอยู่ในห้อง ๑ พระเจ้ากรุงสยามเสด็จออกอีก ห้อง ๑ และเสด็จออกที่พระแกลเสียซ้ำไป แต่เราเชื่อว่าการที่ ได้เสด็จออกแขกเมืองเช่นนี้ ก็โดยทรงเจตนาอย่างดีอยู่แล้ว เราได้พยายามมาหลายครั้งแล้วที่จะหาโอกาสเฝ้าสมเด็จพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงสยาม และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้เคย ทำให้เราหวังว่าเราคงจะได้มีโอกาสเฝ้า โดยใช้ให้บาดหลวงตาชามาบอกกับเราว่า ในเวลานี้สมเด็จพระราชธิดากับพระเจ้ากรุงสยามกำลังทรงบาดหมางกันอยู่ จึงเป็นเหตุทำให้สมเด็จพระราชธิดาต้องพักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา หาได้ตามเสด็จขึ้นไปเมืองลพบุรีไม่ แต่ถ้าสมเด็จพระราชธิดาได้ดีกันกับพระเจ้ากรุงสยามเมื่อใด เราจึงจะ เฝ้าได้เมื่อนั้น ในระวางที่รอรับประทานอาหารอยู่นั้น เราได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์อีกครั้งหนึ่ง ขอให้จัดการให้เราได้เฝ้าสมเด็จพระราชธิดา เพื่อเราจะได้นำของต่าง ๆ ของมกุฏราชกุมารฝรั่งเศสถวายมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับเราว่า เวลานี้สมเด็จพระราชธิดากำลังประชวรพระโรคหืดอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา และพระบาทก็


๑๐๘ แพลงมาช้านานแล้วซึ่งไม่มีใครจะรักษาให้หายได้เลย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงเชื่อว่าสมเด็จพระราชธิดาคงจะไม่เสด็จออกให้เราเฝ้า แต่คงจะโปรดให้เจ้าพนักงานมารับของถวายจากเราเป็นแน่ แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ยอพระเกียรติ์ยกคุณความดีต่าง ๆ ของสมเด็จพระราชธิดาให้เราฟัง และได้เล่าว่าพระเจ้ากรุงสยามผู้เป็นพระชนกทรงรักใคร่โปรดปานสมเด็จพระราชธิดาเป็นอันมาก และ ได้ทรงมอบการฝ่ายในให้อยู่ในความดูแลของสมเด็จพระราชธิดา เหมือนกับพระมเหษีในประเทศสยามได้เคยดูแลการฝ่ายในแต่ โบราณราชประเพณีมา เพราะฉะนั้นพระเจ้ากรุงสยามจึงได้โปรด ให้สมเด็จพระราชธิดาได้มีพระราชสามี แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เล่าต่อไปว่า การตัดสินถ้อยความและคดีต่าง ๆ ในระวางผู้หญิงฝ่ายในนั้น ตกอยู่ในหน้าที่ของสมเด็จพระราชธิดา เหมือนกับพระ มเหษีในฝ่ายตะวันออกทั้งสิ้น เพราะผู้หญิงในพระราชวังนั้นจะออกนอกพระราชวังหรือจะไปฟ้องร้องเป็นความข้างนอกพระราชวังไม่ได้ เป็นอันขาด แต่ที่พูดกันว่าสมเด็จพระราชธิดาไม่ได้ทรงบังคับบัญชาการตลอดถึงหัวบ้านหัวเมืองนั้นเป็นความไม่จริง ในส่วนที่เกี่ยว ด้วยมหาดเล็กเด็กชานั้น สมเด็จพระราชธิดาก็ทรงปกครองว่ากล่าวได้ทั้งสิ้น และทรงพระเมตตากรุณาแก่พวกมหาดเล็กเด็กชา จนพวกนี้กลายเป็นคนหยิ่งจองหองไปหมด การที่สมเด็จพระราชธิดาทรงพระเมตตากรุณาแก่มหาดเล็กเด็กชานี้เอง เป็นเรื่องที่ทำให้


๑๐๙ พระองค์ขัดเคืองพระทัยกับพระเจ้ากรุงสยามพระราชบิดาอยู่เนือง ๆ แต่ถึงสมเด็จพระราชบิดาจะกริ้วกราดสักเพียงใด สมเด็จพระราชธิดาก็หาได้เปลี่ยนแปลงพระนิสสัยอย่างไรไม่ วันหนึ่งพระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งให้ผู้หญิงผู้หนึ่งเป็นครูของพระเจ้าลูกเธอไปเฝ้า สมเด็จพระราชธิดา แต่สมเด็จพระราชธิดาหายอมให้เฝ้าไม่ เพราะครูผู้นั้นหาได้เชิญลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระราชบิดามาด้วยไม่ เราได้ยินเขาพูด ๆ กันว่า สมเด็จพระราชธิดามิได้พอพระทัยในการที่พวกฝรั่งเศสจะมาตั้งอยู่ในประเทศสยามเลย ในเวลาที่รับประทานอาหารอยู่นั้นผู้ที่นั่งรับประทานกับเราด้วยมีมองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ ๑ มองซิเออร์ดูเคน ๑ มองซิเออร์เดฟาช ๑ กับชาวฝรั่งเศสอีกหลายนาย ท่านเหล่านี้พึ่งกลับจากเฝ้าพระเจ้า กรุงสยาม พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทักทายปราสัยท่านเหล่านี้ ทุกคน และโปรดพระราชทานเสื้อให้มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ ๑ เสื้อกับได้พระราชทานกระบี่ฝักทองคำ ๑ กระบี่ สายสร้อยทองคำ ๑ สาย เสื้อ ๑ เสื้อ ให้แก่มองซิเออร์ดูเคน มองซิเออร์เดฟาชได้กราบทูลว่าด้วยความเชื่อแน่ในใจว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์ทั้งสองได้เป็นพระ ราชไมตรีกันจริง เพราะฉะนั้นเมื่อได้มาเฝ้าเห็นองค์พระเจ้ากรุงสยาม ก็มีความปลื้มและปีติยินดีเท่ากับได้เฝ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเหมือนกันและถ้าได้แหวะอกมองซิเออร์เดฟาชออกได้ ก็คงจะเห็นจริงตาม คำที่มองซิเออร์เดฟาชกราบทูลนี้


๑๑๐ ได้มีคนมาเล่าให้เราฟังว่า ได้มีคนไปพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เล่าว่า ในทวีปยุโรปเป็นธรรมเนียมของราชทูตที่เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน เวลาที่จะกราบทูลข้อความต่าง ๆ จะต้องนั่งลงหน้าที่นั่ง จึงจะถูกธรรมเนียม และผู้นั้นได้เล่าให้เราฟังต่อไปว่า พระเจ้า กรุงสยามได้ทรงทราบว่าราชทูตสยามไปยืนกราบทูลต่อพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศส ก็ทรงกริ้วราชทูตสยามเป็นอันมากดังนี้ เราอยากจะทราบว่าความจริงในเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรแน่ เราจึงได้หาโอกาสพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ธรรมเนียมในประเทศยุโรปนั้น ผู้ที่เป็น ราชทูตจะนั่งลงในเวลาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกไม่ได้เป็นอันขาด และพระเจ้าแผ่นดินเองในเวลาเสด็จออกรับแขกเมืองก็ทรงยืนเหมือนกัน ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเคยประทับลงในเวลาออกแขกเมืองนั้นก็ฉะเพาะเวลารับราชทูตอังกฤษเท่านั้น เราจึงได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ต่อไปว่า ในการที่พระเจ้ากรุงสยามทรงยอมให้เชอวา เลียเดอโชมองนั่งเฝ้านั้น ที่ประเทศฝรั่งเศสเห็นกันว่าเป็นสิ่งแปลกปลาดมาก และในส่วนพระองค์ของพระเจ้ากรุงสยามเองก็ทราบ ไม่ได้ว่าพระองค์จะทรงยืนหรือนั่ง เพราะเสด็จออกในพระแกล เห็นแต่เพียงครึ่งพระองค์เท่านั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงตอบว่า ถ้าพระเจ้ากรุงสยามจะทรงแสดงพระกิริยาอันไม่สุภาพแล้ว ก็ต้องทรงยืนขึ้น และผู้ที่จะเฝ้านั้น


๑๑๑ ถ้ายืนขึ้นหน้าพระที่นั่งในเวลากราบทูลข้อความยืดยาว ก็เท่ากับไม่แสดงความเคารพคารวะอย่างใดเลย เราจึงได้ตอบว่า ข้อนี้เราเชื่อว่าคงเป็นความจริง เพราะเราเห็นว่ามีการที่จะหมอบนั้นเองเป็นกิริยาแสดงความไม่เคารพอย่างใดเลย ในระวางที่รับประทานอาหารอยู่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกเรา ว่าพระเจ้ากรุงสยามพอพระทัยในคำกราบทูลของเราเป็นอันมาก และคำแปลที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เตรียมไว้นั้น ก็ได้ ส่งเข้าไปถวายในเวลานั้นเอง แต่ส่วนคำกราบทูลเมื่อเราได้เฝ้าครั้งแรกนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ส่งคำแปลเข้าไปถวาย ในเวลา ที่พระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จประทับในเรือพระที่นั่งจะเสด็จขึ้นไปเมืองลพบุรี ภายหลังพระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ว่า คำกราบทูลของเรามีข้อความตรงกับข้อความในพระราชสาส์น ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส แต่คำกราบทูลของเรามีใจความละเอียด กว่าในพระราชสาส์น และได้มีรับสั่งว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบเป็น คนช่างพูดจริง ๆ แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เล่าว่า ในเวลาที่ พระเจ้ากรุงสยามรับสั่งถึงเรานั้น หาได้ทรงใช้คำว่า ทูตเอนวอยสำหรับเรียกเราไม่ แต่ทรงเรียกออกชื่อเราโดยฉะเพาะทุกคำ ตาม ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เล่าให้เราฟังดังนี้ ก็ประสงค์จะให้เรารู้สึกว่าการที่เราไม่ได้รับตำแหน่งราชทูตแอนบาซาเออร์มานั้น เป็นสิ่งที่ พระเจ้ากรุงสยามไม่พอพระทัย จึงทรงเรียกออกชื่อเราเสมอดังนี้


๑๑๒ ในการรับประทานอาหารกันคราวนี้ ต่างคนต่างมีความรื่นเริงสนุกสนานทุก ๆ คน ถ้วยแก้วก็ได้แตกไปหลายใบ และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็พยายามจะทำให้เราพอใจ โดยคิดตรึกตรองหาผู้ที่ เป็นที่พอใจของเราสำหรับดื่มให้พร ครั้นรับประทานอาหารเสร็จแล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาและคนทั้งหลายที่ได้นั่งโต๊ะ ได้พร้อมกันพากันไปส่งเราถึงประตูพระราชวัง เก้าอี้หามก็คอย เตรียมอยู่ณะที่นั้นเสร็จแล้ว เราจึงคิดจะพยายามขึ้นนั่งเก้าอี้หาม ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็น แต่เรายังไม่ทันได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ มอง ซิเออร์คอนซตันซ์กับพวกฝรั่งเศสก็พากันกลับไปหมด เราจึงได้กลับ ไปยังที่พักโดยมีคนตามมาเหมือนเมื่อขาเข้าไปพระราชวังเหมือนกัน วันนี้เวลาค่ำ มองซิเออร์เวเรต์ได้มาหาเรา และได้มาเล่าให้มองซิเออร์เดอลาลูแบฟังเป็นข่าวตรงกันกับที่ได้มาเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง แต่ก่อนแล้ว ว่าในคราวแรกที่บาดหลวงตาชาได้ขึ้นมาที่กรุงศรี อยุธยา บาดหลวงตาชาได้บอกกับมองซิเออร์เวเรต์ ว่าบาดหลวงตาชาจะได้รับหน้าที่เป็น เอนวอยเอกซตราออดีนารี ของพระเจ้ากรุงกรุงสยามกลับไปประเทศฝรั่งเศสอีก และเรื่องนี้บาดหลวงตาชา คงจะได้ไปพูดกับคนอื่น ๆ อีกหลายคน เพราะมองซิเออร์เวเรต์ ได้ทราบข่าวอันนี้มาจากคนอื่นด้วยเหมือนกัน ณวันจันทร์ที่ ๑๗ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ได้รับหนังสือจากมองซิเออร์เดอคูร์เซลฉะบับ ๑ เขียนมาจากแหลม


๑๑๓ เคปออฟกูดโฮบ ลงวันที่ ๓๑ เดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๖๘๗(พ.ศ.๒๒๓๐)บอกข่าวมาว่าเรือได้ติดอยู่ที่เกาะคอมบัว ซึ่งเป็นเกาะห่างจากช่องซอนดาหนทางประมาณ ๔๐๐ ไมล์ เมื่อเช้านี้บาดหลวงเยซวิตได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามโดย ฉะเพาะ พวกบาดหลวงเยซวิตได้ไปพร้อมกับมองซิเออร์คอนซตันซ์รวม ๑๓ คน เพราะบาดหลวงเยซปานยักซึ่งเป็นคนที่ ๑๔ นั้น ยังป่วยอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาหาได้ขึ้นมาที่กรุงลพบุรีไม่ มองซิเออร์ เดฟาชกับบรรดานายทหารฝรั่งเศสทุกคน ได้ชวนกันไปส่งมอง ซิเออร์คอนซตันซ์จนถึงประตูพระราชวัง มองซิเออร์คอนซตันซ์ เห็นพวกทหารฝรั่งเศสมากับเช่นนี้ก็ตกใจ จึงได้บอกว่า จะพา กันไปส่งก็ได้ แต่พวกนายทหารเข้าเฝ้าโซญไม่ได้ ถึงดังนั้นพวกนายทหารฝรั่งเศสก็หาฟังไม่ ได้ตามไปส่งจนถึงพระราชวัง พอถึงพระราชวังเจ้าพนักงานก็ปิดประตูเสีย หายอมให้พวกนี้เข้าไปไม่ พวกบาดหลวงเยซวิตเฝ้าคราวนี้ ได้มีเวลาเฝ้าอยู่ถึง ๑ ชั่วโมงพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงทักทายปราสัยพวกบาดหลวงเยซวิตทุก ๆ คนและทรงพระเมตตาแก่บาดหลวงเดอลาเชซเป็นอันมาก แต่เมื่อพวกบาดหลวงได้กราบทูลขึ้นเวลาใดว่าขอให้ทรงสวดมนต์บ้าง หรือได้กราบทูลถึงเรื่องศาสนาแล้ว พระเจ้ากรุงสยามหาได้ทรงตอบโต้ประการใดไม่เลย ๑๕


๑๑๔ เมื่อเราได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว บาดหลวงตาชา ๑ บาดหลวงเลอรัวเย ๑ บาดหลวงเดอเบซ ๑ รวม ๓ คนได้มาหาเราเพื่อมาเล่าให้เราฟังถึงการที่ได้เข้าเฝ้าในคราวนี้ ในระวางที่สนทนากันอยู่นั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ถามบาดหลวงตาชา ว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะได้ประกาศข้อความในสัญญาซึ่งพระราชทานสิทธิต่างๆให้แก่ศาสนา บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ถ้าเราจะต้องการให้ประกาศข้อความในสัญญานั้นเมื่อไรก็ได้ แต่ปัญหามีอยู่ว่า เรามีหน้าที่และเราได้รับคำสั่งให้มาขอร้องเช่นนี้หรือไม่ แล้วบาดหลวง ตาชาได้พูดต่อไปว่า ในเรื่องนี้บาดหลวงตาชาได้กราบทูลพระเจ้า กรุงสยามไว้แล้ว ว่าการที่จะประกาศสิทธิต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการไม่เหมาะเลย เพราะอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ โดยเหตุที่พวกเข้ารีตใหม่ ๆ ยังไม่มีเลย จะพระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ ผู้ใดเล่า ที่ถูกควรให้มีพวกเข้ารีตเสียก่อน แล้วจึงพระราชทาน สิทธิต่าง ๆ ให้ก็ได้ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ถามบาดหลวงตาชาว่า เมื่อการเป็นเช่นนี้จะให้เราไปกราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ในเรื่องพระเจ้ากรุงสยามจะทรงเข้ารีตอย่างไรเล่า เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงทราบอยู่ว่าพระเจ้ากรุงสยามได้ออกพระโอษฐ์รับสั่งว่าจะได้ทรง ศึกษาในการศาสนาคริสเตียนต่อไป พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงได้มี


๑๑๕ รับสั่งให้เรามาปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เพื่อช่วยกันคิด จัดการให้เรื่องนี้ได้เป็นผลสำเร็จ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า เมื่อท่านได้ไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ที่กรุงศรีอยุธยาครั้งหนึ่ง ท่านก็ได้ นำเรื่องนี้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ครั้งหนึ่งแล้ว มองซิเออร์ คอนซตันซ์ก็ได้เอาข้อความที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลและ ที่พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งมาอ่านให้ท่านฟัง และตามข้อความที่ รับสั่งนั้นก็ปรากฏว่า พระเจ้ากรุงสยามจะทรงศึกษาการศาสนาไม่ได้เพราะเหตุว่าไม่เข้าพระทัยในภาษาคำพูดของท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ จึงเป็นการจำเป็นต้องทรงรอจนกว่าจะมีผู้ใดรู้ภาษาไทย ได้ดีจะได้กราบทูลสั่งสอนถึงการศาสนาต่อไป เมื่อจวนพลบพวกบาดหลวงได้ลากลับไป อีกสักครู่หนึ่ง ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศก็ได้มาหาเรา เราจึงได้เอาเรื่องการศาสนามาพูดกับท่านสังฆราชอีก เพราะในเรื่องนี้เราได้เคยพูดกับท่านสังฆ ราชมาหลายครั้งแล้ว แล้วเราจึงได้เอาคำสั่งมาอ่านให้ท่านสังฆราชฟัง ในคำสั่งนั้นมีความว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ดำรัสสั่งให้เรามาปรึกษาหารือและปฏิบัติการตามคำแนะนำของท่านสังฆราช เพื่อจะจัดการให้ศาสนาคริสเตียนได้แพร่หลายในประเทศนี้ต่อไป สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจึงได้ตอบเราว่า ควรจะขอร้องให้


๑๑๖ ประกาศสัญญาที่เกี่ยวด้วยการศาสนา ซึ่งได้ทำไว้กับเชอวาเลียเดอโชมอง เราจึงได้ชี้แจงให้ท่านสังฆราชฟังว่า ในเรื่องประกาศสัญญาซึ่งได้ทำไว้กับเชอวาเลียเดอโชมองนั้น ฟังดูเป็นการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่เต็มใจให้ประกาศเลย และมองซิเออร์คอนซตันซ์ เป็นคนที่พูดยาก เมื่อลงไม่พอใจสิ่งใดแล้ว ยากที่จะพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนความคิดได้ สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจึงได้ตอบว่า เรื่องนี้เป็นการปลาดอย่างที่สุด เพราะข้างฝ่ายพระเจ้ากรุงสยามก็ทรงเข้าพระทัยว่าสัญญาฉะบับนั้นได้ประกาศแล้ว แต่การที่ยังมิได้ประกาศนั้น ก็มีแต่มองซิเออร์คอนซตันซ์คนเดียวที่คอยขัดขวางไว้ ในเรื่องนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ยกเหตุผลมาอ้างว่า ไม่ควรจะพระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่คนเข้ารีตเพราะคนเข้ารีดยังไม่มีเลย และที่เรียกกันว่าคนเข้ารีตนั้นเป็นเรื่องที่นึกเอาเองทั้งสิ้น ตัวจริงหามีไม่ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดดังนี้ ก็เพราะไม่ได้นึกเลยว่าสิทธิต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นโดยแท้ สำหรับให้คนทั้งหลายได้มีน้ำใจหรือ กล้าที่จะเข้ารีต มองซิเออร์คอนซตันซ์ยังพูดต่อไปอีกว่า การที่ พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดให้สร้างวัดสร้างบ้านเรือนให้แก่พวกเข้ารีต นั้น เป็นการที่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงพระเมตตาแก่พวกเข้ารีตพอ อยู่แล้ว แต่ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดเช่นนี้ก็เท่ากับฝัน เพราะ


๑๑๗ การที่พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดให้พวกเข้ารีตได้มีวัดมีโบสถ์ใน ประเทศสยามนั้น มิได้เป็นการแสดงว่าพระเจ้ากรุงสยามได้โปรดปรานหรือทรงลำเอียงเข้ากับพวกเข้ารีตอย่างใดเลย เพราะได้โปรดพระราชทานสุเหร่าให้แก่พวกแขกมัว และพระราชทานศาลเจ้าให้แก่พวกจีนเหมือนกัน จึงเป็นอันพูดไม่ได้ว่าพระเจ้ากรุงสยามได้โปรดพวกแขกมัว หรือโปรดพวกจีน หรือโปรดพวกเข้ารีดเป็นพิเศษอย่างใดเลย เมื่อก่อนที่เชอวาเลียเดอโชมองจะออกจากเมืองไทย กลับไปประเทศฝรั่งเศสนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ให้บาดหลวงตาชาไปหาเชอวาเลียเดอโชมอง เพื่อไปชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ ในการ ที่ยังไม่ควรจะประกาศสัญญานั้น ในครั้งนั้นบาดหลวงเดอโชมอง ได้ขัดเคืองบาดหลวงตาชาเป็นอันมาก แต่ถึงดังนั้นบาดหลวงตาชา ก็เกลี่ยกล่อมให้เชอวาเลียเดอโชมองยอมว่า ให้เชอวาเลียเดอโช มองกลับไปเสียก่อน จึงค่อยประกาศหนังสือสัญญานั้นต่อไป แต่ครั้นเชอวาเลียเดอโชมองได้กลับไปแล้ว ก็หาได้มีผู้ใดพูดถึงเรื่องสัญญานี้อีกต่อไปไม่ เราจึงได้ตอบท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศว่า เราเชื่อแน่แล้วว่าการที่จะประกาศสัญญาพระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่พวกเข้ารีตนั้น คงเป็นประโยชน์ต่อศาสนาคริสเตียนเป็นอันมาก แต่ข้อที่เราจะต้องการถามท่านสังฆราชนั้น ก็คือว่าจะทำอย่างไรจึงจะประกาศหนังสือสัญญานั้นได้เล่า


๑๑๘ ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจึงได้ตอบว่า ในเรื่องนี้จะต้องไปหารือต่อพระเป็นเจ้าเสียก่อน และพรุ่งนี้จะได้จัดให้มีการสวด โดยฉะเพาะสำหรับการเรื่องนี้ แล้วท่านสังฆราชได้เล่าความจริงใจให้เราฟังว่า ได้มีคนหลายคนมาบอกข้าพเจ้าว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คอยกีดกันข้าพเจ้าอยู่เช่นนี้ ก็เพราะเหตุมองซิเออร์คอนซตันซ์เกรงว่าถ้าข้าพเจ้าได้ไปถวายการศาสนาต่อพระเจ้ากรุงสยามจนพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงเข้า รีตแล้ว ข้าพเจ้าอาจจะแย่งตำแหน่งหน้าที่ของมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ และที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดเช่นนี้ ก็ต้องนับว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนไร้สติ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงไปเที่ยวพูดทุกหน ทุกแห่ง ว่าเวลาที่ข้าพเจ้ากราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยาม พระเจ้ากรุงสยามหาทรงเข้าพระทัยในคำพูดของข้าพเจ้าไม่ แต่ที่จริงเมื่อเวลาข้าพเจ้ากราบทูลว่ากะไร พระเจ้ากรุงสยามก็ทรงรับสั่งตอบตรงกับคำกราบทูลทุกครั้ง ข้าพเจ้าจึงได้ไปเที่ยวสืบถามว่า พระเจ้ากรุงสยามเข้าพระทัยในคำพูดของข้าพเจ้าหรือไม่ ก็ได้มีข้าราชการในพระราชสำนักสามสี่คนบอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งกับเขาเอง ว่ายังไม่เคยทรงพบชาวยุโรปคนใดที่จะพูดภาษาไทยได้ดีเหมือนข้าพเจ้าเลย เมื่อได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องเสร็จแล้ว จึงเป็นอันตกลงเห็นพร้อมกันว่า ในเวลานี้ยังไม่ควรนำเรื่องนี้กราบทูลต่อพระเจ้า


๑๑๙ กรุงสยาม จนกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะยอมให้เรากราบทูลเพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ต้องเป็นล่าม และเมื่อพระเจ้ากรุงสยามจะรับสั่งเป็นอย่างอื่นตามชอบใจของตัวอย่างไรก็ได้ สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจึงพูดกับเราว่า ข้าพเจ้าจะเล่าอะไรให้ท่านฟังเป็นความลับส่วนตัว คือเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แปลพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ที่ท่านเชิญมาถวายต่อพระเจ้ากรุงสยามนั้น ได้แปลถวายฉะเพาะต่อหน้าข้าพเจ้าด้วย ข้อความในพระราชสาส์นตอนที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงชมเชยยกย่อง ราชทูตสยามสามนายนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์จะแปลกลับความ เสียให้ได้ คือคำที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงชมเชยราชทูตสยามนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์จะแปลว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงชมตัวของตัวเอง เพราะความในพระราชสาส์นมีว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงเห็นในพระปรีชาสามารถของพระเจ้ากรุงสยาม ที่ทรงรู้จักเลือกคนที่จะเป็นราชทูต แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แปลถวายว่า ที่ทรงรู้จักเลือกคนที่จะเป็นเสนาบดี ดังนี้ ข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ ได้ค้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าแปลผิด ต่อหน้าที่นั่งนั้นเอง ตอนค่ำบาดหลวงมาแตงได้มาหามองซิเออร์เดอลาลูแบ เล่าเนื้อความตรงกันกับที่บาดหลวงตาชาได้มาเล่า อันเป็นข่าวที่รู้แซ่กันไปหมดแล้ว ว่าในเวลาปกติมองซิเออร์เดฟาชจะต้องไปประจำอยู่


๑๒๐ ในราชสำนัก ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้ถามมองซิเออร์เดฟาชเอง เพราะอยากทราบว่าความจริงจะมีแค่ไหน มองซิเออร์เดฟาชจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า การที่ได้ขึ้นมาที่เมืองลพบุรีคราวนี้ ก็โดยได้รับ ๆ สั่งให้ขึ้นมา และเมื่อยังไม่ได้รับสั่งให้กลับ มองซิเออร์เดฟาชก็จะอยู่ ที่เมืองลพบุรีต่อไป ณวันที่ ๑๘ เดือนพฤศจิกายน พระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งให้เจ้าพนักงานมาเชิญเราไปดูการคล้องช้างป่า ในการคล้องช้างคราวนี้บรรดาเจ้านายขุนนางข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์ไทยได้ไปกันทุกคน บางคนก็ขี่ช้าง บางคนก็ขี่ม้า เมื่อเราได้ไปถึงแล้วสักครู่หนึ่ง พระเจ้ากรุงสยามก็เสด็จมา ทรงช้างพระที่นั่งและหาได้เสด็จลงจากหลังช้างไม่ เมื่อเสด็จถึงเราก็ได้ยืนขึ้นถวายคำนับ จึงได้มีรับสั่งโปรด ให้เรานั่งลง ต่อมามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้มาหาเรา บอกว่าพระเจ้ากรุงสยามมีรับสั่งให้มาถามว่า ที่เราได้ไปดูการคล้องช้างนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เราจึงได้ตอบว่า การที่ทรงพระกรุณาโปรดให้เราไปดูการ คล้องช้างนั้น เป็นพระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ และการคล้องช้างนั้นเราเห็นเป็นการสมพระเกียรติยศอย่างยิ่ง เมื่อได้เสร็จการคล้องช้างแล้ว เราได้เชิญมองซิเออร์คอนซตันซ์และสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ให้มารับประทานอาหารกับเรา


๑๒๑ และในระวางที่รับประทานอาหารกันอยู่นั้น ต่างคนต่างปรองดองเอาอกเอาใจซึ่งกันและกัน ตอนค่ำบาดหลวงเดอเบซได้มาหามองซิเออร์เดอลาลูแบ และได้มาบอกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ดำริที่จะเอาเข้าไว้ที่ป้อมบางกอก เป็นสะเบียงพอ ๖ เดือน ตามที่ได้ความมาดังนี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่า นายร้อยเอกชาวปอตุเกตซึ่งประจำอยู่ที่บางกอกนั้น คงจะได้รายงานมาให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบถึงการที่เราได้จัดทำไป เพราะเมื่อวันวานนี้เอง ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากมองซิเออร์เวเรต์บอก มาว่า เข้าเปลือกซึ่งข้าพเจ้าได้สั่งให้ส่งไปไว้ที่บางกอกนั้น ได้ไปถึงบางกอกและได้เก็บเข้ายุ้งไว้ตามคำสั่งของมาดวิศเดอเซเนเล เสร็จแล้ว ในคืนวันนั้นเอง มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เชิญให้เราไปรับประทานอาหารค่ำในสวนซึ่งอยู่นอกเมือง แต่มองซิเออร์เดอลา ลูแบหาได้ไปรับประทานอาหารด้วยไม่ ต่อรับประทานกันเสร็จแล้วมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ไป ในคืนวันนี้เอง พระเจ้ากรุงสยามได้เสร็จไปที่ทะเลชุบศรซึ่งเป็นตำบลใกล้กับเมืองลพบุรี เพราะกำลังทรงสร้างพระราชวัง ขึ้นใหม่ในที่นั้น ณวันที่ ๑๙ เดือนพฤศจิกายน เวลาบ่ายประมาณ ๔ โมง เรา ๑๖


๑๒๒ ได้ให้คนไปบอกมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าเราอยากจะไปหา เพื่อไปแสดงให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบ ถึงพระเมตตากรุณาที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงมีต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ บาดหลวงตาชาได้ออกมาตอบแทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า เวลานี้ยังจะพบมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ได้ เพราะกำลังไหว้พระอยู่ เราจึงได้เลยไปหาท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ เพื่อจะได้ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องการศาสนา แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ก็หาได้ตกลงกันอย่างไรไม่ เมื่อเราได้กลับมาจากท่านสังฆราชแล้ว ก็ได้เห็นการจุดดอกไม้เพลิงอย่างแบบของจีน ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีขึ้นสำหรับ ฉลองโบสถ์ใหม่ ในเวลาที่ได้พบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ในตอน ดูจุดดอกไม้เพลิงนี้ เราหาได้พูดถึงการงานอย่างใดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ พอดูจุดดอกไม้เพลิงเสร็จแล้วเราก็รีบลากลับมา โดยอ้างเหตุว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้ไหว้พระต่อไป มอง ซิเออร์เดอลาลูแบได้บอกกับข้าพเจ้าในคืนวันนั้นเองว่า ได้ทราบความมาจากมองซิเออร์โวลังว่า การที่ได้ตั้งแต่งนายทหารที่ บางกอกนั้น เป็นการที่พวกทหารเหล่านี้ได้ขอให้ตั้งแต่งขึ้นเองมองซิเออร์เดฟาชหาได้รู้เรื่องด้วยไม่ ณวันที่ ๒๐ เดือนพฤศจิกายน เราได้ไปรับประทานอาหารณที่บ้านของพวกบาดหลวงเยซวิต ในตอนเช้าบาดหลวงเลอรัวเยกับ บาดหลวงดูชาตซ์ผู้เป็นหัวหน้าของพวกเยซวิต ได้มารับเราไปที่บ้าน


๑๒๓ เราจึงได้เล่าให้บาดหลวงทั้งสองนี้ฟังถึงข้อความที่เราได้พูดกับสังฆ ราชเดอเมเตโลโปลิศเมื่อวันวานนี้ เพราะเราเห็นว่าน้ำใจของท่านสังฆราชมิได้แตกร้าวกับพวกเยซวิตเลย และบาดหลวงทั้งสองก็ได้ยกย่องสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ในการที่ท่านสังฆราชได้มอบอำนาจต่าง ๆ ให้แก่บาดหลวงเยซวิต เมื่อได้พูดกับบาดหลวงทั้งสองเสร็จแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ ๑ มองซิเออร์เดฟาช ๑ มอง ซิเออร์ดูบรูอัง ๑ และมองซิเออร์โวลัง ๑ ก็ได้มาถึง เพื่อจะมา รับประทานอาหารที่บ้านบาดหลวงเยซวิตพร้อมกัน ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศก็ได้มาเหมือนกัน แต่มาเมื่อรับประทานอาหาร กันเสร็จแล้ว เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์จะลาเรากลับไปนั้น เราได้บอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า การที่เราได้ขอพบกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เมื่อวันวานนี้นั้น ก็เพื่อจะเชิญสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาพระราชทานให้เป็นเกียรติยศไปมอบให้กับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่า มีความ ยินดีที่จะได้พบเราทุกเมื่อ ครั้นเวลาบ่ายประมาณ ๔ หรือ ๕ โมง เราได้ไปยังบ้านของมองซิเออร์คอนซตันซ์ พร้อมด้วยข้าราชการเจ้าพนักงานฝรั่งเศส ที่ได้มาในกระบวนของเรา เราจึงได้นำตราตั้งซึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้โปรดตั้งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นเคานต์ กับหนังสือสำคัญซึ่งพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสโปรดพระราชทานพระราชานุญาต ให้มอง


๑๒๔ ซิเออร์คอนซตันซ์ใช้รูปลูกกุญแจฝรั่งเศสในดวงตราได้นั้น มอบให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่ก่อนที่เราจะมอบให้นั้น เราได้เอาตราตั้งและหนังสือสำคัญขึ้นทูนศีร์ษะตามแบบของชาวตะวันออกเสียก่อน จึงได้ส่งให้มองซิเออร์คอนซตันซ์รับไป เมื่อมองซิเออร์ คอนซตันซ์ได้รับไปแล้ว ก็เอาขึ้นทูนศีร์ษะเสียก่อนเหมือนกัน แล้วจึงได้เอาตราตั้งและหนังสือสำคัญวางไว้บนพานทอง เอาพานทองวางบนโต๊ะใต้พระรูปพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และพระรูปนั้นประดิษฐานอยู่บนแท่นซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ทำขึ้นตั้งแต่งได้รับยศเป็น ออกยา แต่ความจริงการที่ทำแท่นประดิษฐานพระรูปเช่นนี้ ไม่เคยมีเยี่ยงอย่างในประเทศสยามเลย แล้วเราจึงได้ทำความตกลงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า เราจะได้เชิญตราเซนต์มิเชลมามอบให้ ในวันอาทิตย์หน้า พวกบาดหลวงเยซวิตได้พากันมาหามองซิเออร์คอนซตันซ์พร้อมกันทั้งคณ เพื่อมาขอบใจในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จัดการให้พวกเยซวิตได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสยาม ครั้งนี้ ณวันที่ ๒๑ เดือนพฤศจิกายน ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้ไปทำพิธีฉลองวัดซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้สร้างขึ้น และซึ่ง ได้อุทิศให้แก่นางมาเรียมารดาพระเยซูคริศต์ ในงานฉลองวัด คราวนี้ได้มีงานกันถึง ๘ วัน และในระวางงานนั้น ได้มีการสวด และเทศน์ กับได้ร้องเพลงสวด โดโนนซาลูอำฟักเรเยม ทุก ๆ วัน


๑๒๕ ไม่ผิดกันกับที่เคยทำพิธีชะนิดนี้ในประเทศฝรั่งเศสเลย ครั้นตอนเย็นเราได้ไปดูบ้านที่กำลังสร้างให้พวกบาดหลวงเยซวิตอยู่ เราได้เห็นเขากำลังก่อตึกงาม ๆ ๓ หลังทำด้วยอิฐปูน และมีป้อมแปดเหลี่ยมสำหรับขึ้นไปดูต่างหอคอยด้วย ในชั้นเดิมตึก ๓ หลังนี้ได้กะไว้ว่า จะก่อเพียงชั้นเดียวเท่านั้น แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตกลงให้ ก่อเสริมเป็น ๒ ชั้นขึ้น เมื่อวานนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับตราเซนต์มิเชลไปแล้ว แต่ถึงดังนั้นก็ได้ไปพูดกับบาดหลวงเลอรัวเยกับบาดหลวงแซนด์มา แตงว่า การที่รับตราดวงนี้ยังสองจิตต์สองใจอยู่ ฟังดูประหนึ่งมอง ซิเออร์คอนซตันซ์อยากจะคืนตราเสีย และมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็ได้พูดอ้อนวอนบาดหลวงตาชา ขอให้บาดหลวงตาชาช่วยไปพูด กับบาดหลวงเดอลาเชซ ให้บาดหลวงเดอลาเชซกราบทูลพระเจ้า กรุงฝรั่งเศส ขออย่าให้กริ้วในการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะคืนตราดวงนี้ ค่ำวันนี้บาดหลวงตาชากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ไปเฝ้า พระเจ้ากรุงสยามที่ทะเลชุบศร และมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดว่า ในเรื่องรับตราและเรื่องคืนตราเซนต์มิเชลนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบในพระทัยพระเจ้ากรุงสยามได้ดี ว่าจะมีพระราชประสงค์อย่างไร ณวันที่ ๒๒ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้ให้สายสร้อยทองคำสำหรับหมวกแก่มองซิเออร์เดฟาชสาย ๑ สาย


๑๒๖ สร้อยนี้ได้ทำด้วยทองคำ เป็นสายสร้อยถักเป็นเกลียวโปร่ง และที่เงื่อนนั้นมีเพ็ชร์เมล็ดงามอยู่ ๑ เมล็ด เวลาเย็นข้าพเจ้ากลับจากบ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้พบมองซิเออร์เดฟาชยืนอยู่กลางถนนมองซิเออร์เดฟาชได้บอกว่าได้มาคอยข้าพเจ้าอยู่นานแล้ว เพราะอยากจะพบสนทนากับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้เชิญให้มองซิเออร์ เดฟาชขึ้นไปบนบ้าน แต่มองซิเออร์เดฟาชไม่ยอมขึ้นบ้าน จึงได้เลยยืนสนทนากันอยู่กลางชาลา มองซิเออร์เดฟาชได้พูดอธิบาย ความให้ข้าพเจ้าฟังหลายข้อ คือ ๑ ว่ามองซิเออร์เดฟาชกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ต่างคนต่างมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน ๒ ถ้าจะให้ราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ดำเนินสู่ความเจริญแล้ว ก็ต้องมีความไว้ใจมองซิเออร์คอนซตันซ์ ๓ ในส่วนเรื่องเมืองบางกอกนั้นมองซิเออร์เดฟาชจะยอมรับผิดรับชอบต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสว่าจะ ได้รักษาไว้ให้จนได้ ๔ มองซิเออร์เดฟาชจะได้มีจดหมายชี้แจง เหตุผลต่าง ๆ ไปให้มองเซนเยอร์เดอเซเนเลทราบ ๕ กองทหารไทยที่ยังคงประจำอยู่ที่บางกอกนั้น หาได้ทำให้มองซิเออร์เดฟาชหนักใจอย่างใดไม่ เพราะมองซิเออร์เดอฟาชจะได้ระวังการทุกอย่างมิให้ เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้มาที่ที่พักของเรา และได้เล่าให้เราฟังว่า ก่อนที่เชอวาเลียเดอโชมองจะได้มาถึงเมืองไทยนั้น พระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งกับท่านสังฆราชหลายครั้งว่า ทรงพระ


๑๒๓ วิตกนักว่าพวกฮอลันดาจะมายึดเอาเมืองบางกอกเสีย เพราะคนไทยยังไม่มีความชำนาญในการสงครามเลย และได้รับสั่งต่อไปว่า ไม่ทรงทราบเลยว่าพวกฝรั่งเศสจะคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ แต่ ส่วนพระองค์นั้นถ้ายังทรงมีพระชนม์อยู่ตราบใด ก็จะทรงพระราช ทานอะไรต่ออะไรต่าง ๆ ให้พวกฝรั่งเศสทุกอย่าง เพราะทรงรักใคร่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสมากนัก แต่ถ้าพระองค์ได้เสด็จสวรรคตเสีย แล้ว ก็ทรงเกรงว่าการคงจะเปลี่ยนแปลงไปหมด และพวกฝรั่งเศสก็คงจะไม่อยู่เป็นผาสุกเหมือนในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ เพราะฉะนั้นจึงทรงขอร้องให้สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ได้มีหนังสือชี้แจงเหตุผลไปยังประเทศฝรั่งเศสด้วย ในชั้นต้นสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้ขอตัว โดยอ้างว่าการชะนิดนี้ใช่หน้าที่ของสังฆราชแต่พระเจ้ากรุงสยามก็ยังคงรับสั่งอ้อนวอนอยู่นั่นเอง ท่าน สังฆราชจึงได้ตกลงยอมมีหนังสือไปตามพระราชประสงค์ ในขณะนี้พอดีเชอวาเลียเดอโชมองก็ได้มาถึงเมืองไทย พระเจ้ากรุงสยามและขุนนางข้าราชการก็มีความปีติยินดีทั่วหน้ากัน ครั้นเราได้มาถึงก็ดูยังมีความปีติยินดีอยู่ แต่มาบัดนี้ดูความยินดีได้จืดจางลงไปเสียแล้ว ในเวลาที่เราได้สนทนากับท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศอยู่นั้นเราได้พยายามนักหนาที่จะให้ท่านสังฆราชจัดบาดหลวงเยซวิตไปยังเมืองตังเกี๋ย ๒ คน แต่ท่านสังฆราชก็ยังไม่ยอมตกลงตามความเห็น


๑๒๘ ของเรา โดยอ้างว่าจะต้องปรึกษาหารือกับท่านสังฆราชเดอโรซาลีเสียก่อน ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจึงได้มีหนังสือลงไปที่กรุง ศรีอยุธยา เชิญให้สังฆราชเดอโรซาลีขึ้นมาที่เมืองลพบุรี เมื่อสังฆราชเดอโรชาลีได้รับหนังสือแล้วก็ได้รีบขึ้นมาและได้มาถึงเมืองลพบุรีวันนี้เอง มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ไปหาสังฆราชเดอโรซาลีข้าพเจ้าหาได้ไปด้วยไม่ เพราะข้าพเจ้าป่วยอยู่ แต่ถึงมองซิเออร์เดลาลูแบจะไปพูดอ้อนวอนสังฆราชเดอโรชาลีสักเท่าไร สังฆราชเดอโรซาลีก็หายอมเกี่ยวข้องในเรื่องเมืองตังเกี๋ยด้วยไม่ และโยนเรื่องไปให้สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ แล้วแต่สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศจะเห็นควรอย่างใดต่อไป วันนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ให้เลขานุการ นำพระราชหัตถ์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสในเรื่องตราเซนต์มิเชล ไปส่งต่อมองซิ เออร์คอนซตันซ์ และได้จัดให้มองซิเออร์เดอเฟรตวิล ทำระเบียบการไปส่งต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ จะได้สั่งให้สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศไปเป็นหัวหน้าพิธีสวด และ จะได้สั่งให้เตรียมการในวัดไว้ให้พร้อมด้วย ณวันอาทิตย์ที่ ๒๓ เดือนพฤศจิกายน เวลาเช้า มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ไปยังวัดเพื่อดูว่า เขาได้เตรียมการไว้พร้อมหรือยัง จึงได้ไปเห็นว่ายังขาดแท่นยกพื้นขึ้นอัน ๑ มองซิเออร์เดอลาลูแบก็ได้สั่งให้ทำแท่นยกพื้นขึ้นเสร็จ พระรูปพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้นได้


๑๒๙ ประดิษฐานตั้งไว้ใต้ผ้าเพดานดาด ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศก็เตรียมพร้อม และพวกนายทหารฝรั่งเศสก็คอยอยู่ณะที่นั้น พร้อมกันแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ไปอยู่ที่ที่กราบพระซึ่ง เจ้าพนักงานได้เตรียมไว้กลางโบสถ์ ท่านสังฆราชก็ลงมือสวดบดเวนีเคาอาตอร์ แล้วบาดหลวงเลอรัวเยได้เทศน์ ครั้นเสร็จพิธี สวดแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้เดินไปนั่งบนเก้าอี้ใต้เพดาน ที่ดาดไว้ และได้มีนายทหารและเจ้าพนักงานฝรั่งเศสเดินหน้าและตามหลังห้อมล้อมมองซิเออร์เดอลาลูแบจนถึงเก้าอี้ ในขณะนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์สรวมเสื้อที่ได้รับพระราชทานจากพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศส ได้เดินเข้ามา และมีมองซิเออร์เดอเฟรตวีล กับมอง ซิเออร์เดอยองกู นำมองซิเออร์คอนซตันซ์เข้ามา บาดหลวงจึงได้เชิญสมุดคำภีร์มาให้มองซิเออร์คอนซตันซ์สาบาลตามธรรมเนียม แล้วนอกนั้นก็ได้ทำพิธีต่อไปตามเคย บุตรหัวปีของมองซิเออร์เดฟาชเป็นผู้ผูกดวงตราให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้เข้ากอดมองซิเออร์คอนซ ตันซ์ และได้พูดเป็นภาษาปอตุเกต แสดงความยินดีว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับยศเป็นเชอวาเลียแห่งประเทศฝรั่งเศสแล้ว มองซิ เออร์คอนซตันซ์จึงได้เชิญบรรดานายทหารและเจ้าพนักงานฝรั่งเศส ไปรับประทานอาหารทุกคน ครั้นได้รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ๑๗


๑๓๐ เลขานุการของมองซิเออร์เดลาลูแบ ได้เข้าไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ เพื่อขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอาตราประทับ ในหนังสือสำคัญรับตราเซนต์มิเชล ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ เซ็นไว้ในตอนเช้านั้นแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงให้บาดหลวง มาลโดนา บาดหลวงเยซวิตชาวเมืองเฟลนเดออยู่ในคณะ บาดหลวงปอตุเกต อ่านหนังสือสำคัญฉะบับนั้นให้ฟัง มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อิดออดมากไม่เต็มใจที่จะประทับตราให้เลย เพราะเกรงว่าจะเป็นการติดต่อกับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเกินไป แล้วพวกบาดหลวงเยซวิตจึงได้แนะนำอ้อนวอนขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ ได้เอาตราประทับลงในหนังสือสำคัญนั้น โดยอ้างเหตุว่าการที่จะประทับตราเช่นนี้หาเป็นการรับผิดชอบอย่างใดไม่ และไม่ต้องกลัวเกรงอะไรเลย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ยอมประทับตราลงไป เมื่อตอนค่ำท่านสังฆราชเดอโรซาลี ได้ไปรับประทานอาหารที่บ้านพวกบาดหลวงเยซวิต และเมื่อขากลับได้เลยแวะมาหาเราและคงยืนตามความคิดเดิมอยู่เสมอ ว่าจะไม่เกี่ยวข้องด้วยในการที่จะส่งพวกบาดหลวงเยซวิตไปเมืองตังเกี๋ย ณวันจันทร์ที่ ๒๔ เดือนพฤศจิกายน เวลาเช้า เราได้ให้คนไปเชิญบาดหลวงตาชาให้มาหาเรา เพื่อจะมาปรึกษากันถึงหนังสือที่เราเห็นเป็นการจำเป็นจะต้องยื่นต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะจนถึงบัดนี้ เรายังไม่ได้มีโอกาส ที่จะทำความตกลงกับมองซิเออร์


๑๓๑ คอนซตันซ์อย่างใดเลย จะพูดกันด้วยปากหรือจะมีหนังสือไปอย่างใด ก็หาโอกาสไม่ได้เลย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แสดงความขัดเคืองเราอยู่เสมอ และฝ่ายเราก็เห็นว่าควรจะปล่อยให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฟักฝ่ายในการค้าขายของตัวไปก่อน เราจึงได้นำความปรึกษากับบาดหลวงตาชา สำหรับจะร่างหนังสือถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น เป็นใจความ ๔ ข้อ คือ ข้อ ๑ จะขอให้ไทยประกาศหนังสือสัญญาซึ่งได้ทำไว้กับเชอ วาเลียเดอโชมอง อันเป็นสัญญาที่พระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ศาสนา บาดหลวงตาชาจึงได้ชี้แจงต่อเราว่าในเรื่องนี้บาดหลวงตาชาได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยามแล้วว่า ยังไม่เป็นเวลาอันสมควรที่จะประกาศสัญญาฉะบับนั้น และพระเจ้ากรุงสยามก็ได้ทรงเห็นชอบด้วยแล้วว่ายังไม่ควรจะประกาศจริง ทั้งในรายงานของบาดหลวงตาชาซึ่งได้ไปที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น บาดหลวงตาชาก็ได้ชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ ให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจในเรื่องนี้ตลอดแล้ว บาดหลวงตาชาจึงได้ออกความเห็นว่า ถ้าเราได้รับคำสั่งมาให้จัดการในเรื่องนี้แล้ว เราก็ควรจะปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป แต่ก็คงจะเป็นเรื่องไม่สำเร็จ เพราะพระเจ้ากรุงสยาม ได้รับสั่งกับบาดหลวงตาชาเองว่า ยังไม่ควรจะประกาศให้ใช้หนังสือสัญญาฉะบับนี้


๑๓๒ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า เวลานี้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ได้ส่งกองทหารมายังเมืองไทยแล้ว จึงเป็นเวลาอันสมควรที่จะต้องจัดการให้ศาสนาคริสเตียนได้ตั้งอยู่เป็นหลักฐาน และให้รับสิทธิต่าง ๆ ที่พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดพระราชทานไว้แล้ว บาดหลวงตาชาจึงได้โต้ตอบ ยกเหตุผลต่าง ๆ มาคัดค้านเป็นเนื้อความอย่างเดียวกับที่อธิบายไว้กับมองซิเออร์เดอลาลูแบ และซึ่งข้าพเจ้าได้เล่ามาในตอนบนนั้นแล้ว ข้อ ๒ จะได้พูดเรื่องการจะส่งกองทหารไปเมืองมะริด บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า ในเรื่องที่จะส่งกองทหารไปเมืองมะริดนั้น ไม่มีข้อขัดข้องอย่างใด จะส่งไปเมื่อไรก็ได้ แล้วแต่เราจะต้องการให้ส่งไปเมื่อไรก็ได้ แค่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกไว้กับบาดหลวงตาชาว่า ฤดูนี้เป็นฤดูที่เหมาะสำหรับเดินทาง เพราะน้ำฝนที่ค้าง ๆ อยู่นั้นยังไม่ทันแห้ง เมื่อเดินทางบกก็พอจะหาน้ำรับประทานได้ง่าย แต่การเดินทางบกนั้นมีการไม่สะดวกอยู่อย่าง ๑ คือว่าในเวลาที่จะขึ้นจากเรือที่เมืองเพ็ชรบุรีเดินตัดทางบกนั้น จะต้องเดินทางถึง ๖ วัน และตามทางนี้หามีที่พักไม่ ซึ่งจะเป็นการลำบากต่อกองทหารเป็นอันมาก การที่จะไปเมืองมะริดที่สะดวกที่สุดนั้น จะต้องไปทางทะเลจนถึงเมืองกุย แล้วเดินทางบกหนทางวัน ๓ เท่านั้น แต่ทะเลที่จะไปเมืองกุยในฤดูนี้ยังไปไม่ได้เพราะคลื่นลมจัดมาก น่ากลัวเรือจะไปแตกได้


๑๓๓ เราจึงได้พูดว่า ถ้าเช่นนั้นในชั้นนี้ก็ขอเพียงให้มองซิเออร์เดอบรูอังไปพร้อมกับข้าพเจ้า และให้พาพลทหารไปแต่เล็กน้อยก่อน แล้วภายหลังเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จัดการให้พลทหารได้เดินทางสะดวกได้เมื่อใด จึงให้กองทหารตามไปก็ได้ ข้อ ๓ นั้นจะได้กล่าวถึงเรื่องบางกอกว่า ในเรื่องบางกอกนี้ความดำริก็มีอยู่แล้วว่า จะได้สร้างป้อมคูประตูหอรบให้เป็นที่มั่นคงแน่นหนา แต่ในเวลานี้พวกฝรั่งเศสซึ่งอยู่ที่บางกอกก็ยังหาพ้นอันตรายในเวลาที่จะเกิดมีข้าศึกขึ้นไม่ เพราะจะวางใจว่าสัญญาสงบศึกที่ทวีปยุโรปจะเป็นการมั่นคงถาวรยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจึงได้มีดำรัสสั่ง ให้มาขอพลเมืองไทยจากพระเจ้ากรุงสยาม สำหรับเป็นแรงทำการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และให้ขอให้พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดจ่ายค่าโสหุ้ยในการป้อมเหล่านี้ด้วยเพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงหวังพระทัยว่า กองทหารฝรั่งเศสคงจะได้อยู่ในที่มั่นคงพ้นจากอันตรายข้าศึกได้โดยเร็ว บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบเราโดยอ้างเหตุ ๒ ประการ ประการที่ ๑ นั้นคือว่า มองซิเออร์เดฟาชไม่ได้มีความวิตกกว่า ผู้ใดจะมาทำอันตรายได้เลย และมองซิเออร์เดฟาชจะยอมรับรองต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสว่า จะได้พิทักษ์รักษาบางกอกนี้ไว้ให้ได้ ประการที่ ๒ ซึ่งบาดหลวงตาชาได้ยกมาอ้างนั้นคือว่า พระเจ้ากรุงสยามคงจะไม่ยอมที่จะออกค่าโสหุ้ย สำหรับรักษาป้อมที่บางกอกนี้เป็นแน่


๑๓๔ แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้พูดต่อไปว่า ในความ ๓ ข้อนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะตอบเรา เหมือนกับที่บาดหลวงตาชาได้ชี้แจงมาแล้ว เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ในข้อที่เราจะหารือบาดหลวงตาชานั้น มิได้หารือว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะตอบอย่างไร แต่จะขอทราบจากบาดหลวงตาชาว่า จะทำอย่างไรดีหรือจะมีหนทางอย่างไร ที่จะได้กล่าวข้อความเหล่านี้ต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ เพราะการชะนิดนี้บาดหลวงตาชามีความรู้ดีกว่าเรา แต่ที่เราพูดว่าจะกล่าวข้อความต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น เราหมายความจะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์นำเรื่องของเรากราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยาม แต่อย่าให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ขัดเคืองได้ เพราะเป็นธรรมดาอยู่เองที่ราชทูตย่อมจะต้องหาหนทางแนะนำการต่าง ๆ ต่อพระราชสำนักที่ตัวมาเจริญทางพระราชไมตรีได้ แล้วข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า บาดหลวงตาชาได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ถ้าเราได้มีจดหมายไปถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะไม่ขัดเคืองอย่างใด บาดหลวงตาชาจึงได้พูดขึ้นว่า จริงมองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะไม่ขัดเคือง และมองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะยกเหตุผลต่าง ๆ อย่างดีสำหรับตอบเรา


๑๓๕ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้าฉะนั้นก็พอแล้ว จึงไม่เป็นการจำเป็นที่เราจะต้องมาโต้เถียงกันเองถึงความข้อ ๔ ซึ่งเกี่ยวถึงเรื่องพวกทหารไทยที่ไปประจำอยู่ที่บางกอก ในเรื่องข้อ ๓ คือเรื่องจะทำป้อมคูประตูหอรบ เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกมาย่ำยี่ได้นั้น บาดหลวงตาชาได้พูดว่า ถ้าประเทศฝรั่งเศสจะเกิดทำสงครามขึ้นเมื่อใด ก็คงจะไม่มีใครมารบกับพวกฝรั่งเศสซึ่งทำราชการของพระเจ้ากรุงสยามอยู่ เปรียบประดุจว่าถ้าจะทำสงครามกับเมืองซวิตเซอแลนแล้ว ก็คงจะไม่มีใครไปรบกับพวกชาวเมืองสวิตเซอแลนซึ่งอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเป็นแน่ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า การที่จะเอาพวกฝรั่งเศสที่อยู่ในเมืองไทย ไปเปรียบกับพวกชาวเมืองซวิตเซอแลนที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นการที่เปรียบกันไม่ได้เลย เพราะลักษณะต่างกันมากนัก และถ้าได้เกิดการสงครามขึ้นดังบาดหลวงตาชายกมาเปรียบเทียบแล้ว ประเทศทั้งหลายก็คงจะไม่รออยู่ช้านานได้ เพราะการที่จะมาตีพวกฝรั่งเศสในเมืองไทย เป็นการง่ายกว่าที่จะไปรบกับพวกฝรั่งเศสในที่อื่น ในวันนี้พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดให้เราไปดูเสือกับช้างกัดกันแต่พระเจ้ากรุงสยามหาได้เสด็จไปทอดพระเนตร์ไม่ มองซิเออร์เดอลาลูแบก็มิได้ไปดู เพราะอ้างว่าไม่สบาย แต่ในระวางนั้นท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ก็ได้ไปหามองซิเออร์เดอลาลูแบ


๑๓๖ และได้สนทนากันถึงเรื่องการศาสนา แต่ก็หาได้ทำความตกลงกันอย่างใดไม่ ณวันที่ ๒๕ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้คนมาเชิญข้าพเจ้าไปยังบ้านบาดหลวงเยซวิต เพื่อไปดูของต่าง ๆ ที่จะให้บาดหลวงตาชานำไปยังประเทศฝรั่งเศส ข้าพเจ้าก็ได้ไปทันที จึงได้เอาโอกาสนี้ ส่งหนังสือสัญญาเกี่ยวด้วยเรื่องการค้าขายให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ในตอนค่ำมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มาหาเราณที่พัก และได้เลยรับประทานอาหารค่ำกับเราด้วย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับเราว่า พระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดให้เราได้เฝ้าโดยฉะเพาะ เพื่อจะได้สนทนากันถึงเรื่องต่าง ๆ อันมิได้เกี่ยวด้วยการงานอย่างใด ณวันที่ ๒๖ เดือนพฤศจิกายน เวลาเช้า เราได้เข้าไปยังพระราชวัง มีคนที่ไปกับเราจำนวนเท่ากับที่เราได้ไปเฝ้า ครั้งนำของ ๆ มกุฏราชกุมารฝรั่งเศสไปถวาย แต่ในคราวนี้ในพระราชวังไม่มีอะไรจนอย่างเดียว ช้างก็ไม่มี ม้าก็ไม่มี ทหารก็ไม่มี และสิ่งสำหรับประดับเกียรติยศต่าง ๆ หามีไม่เลย ในพระราชอุทยานนั้นมีศาลาอยู่หลัง ๑ แสงสว่างเข้าได้รอบตัว ที่ศาลานี้เป็นที่สำหรับพระเจ้ากรุงสยามเสด็จออกขุนนางโดยปกติ สามด้านศาลานั้นมีปะตูและหน้าต่างซึ่งเปิดอยู่ตลอดวันจนถึงกลางคืนจึงได้ปิด ศาลานี้


๑๓๗ ตั้งอยู่บนเนินกว้าง และศาลานั้นก็ยกพื้นขึ้นสูงเกือบเท่าเนิน เวลาที่เดินมาถึงนั้น ก็เห็นประตูซึ่งอยู่ในสุดศาลา แต่ประตูนี้หาอยู่ตรงกลางไม่ แต่อยู่ข้าง ๆ และเป็นประตูที่ติดอยู่กับผนังพระที่นั่ง และด้านนี้ทึบหามีแสงสว่างเข้าได้ไม่ เพราะเป็นด้านที่ติดกับพระที่นั่งที่เดียว ที่ผนังพระที่นั่งนี้มีพระแกลอยู่ข้างซ้ายมือพระทวาร และเมื่อพระเจ้ากรุงสยามเสด็จออกให้มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์ มองซิเออร์ดูเคนและชาวฝรั่งเศสอื่น ๆ เฝ้านั้น ก็เสด็จออกที่พระแกลนี้เองแต่มองซิเออร์เดอโวดรีคูร์และผู้ที่มาเฝ้านั้น เฝ้าอยู่ในพระราชอุทยาน ห่างจากเนินประมาณ ๑๐ ก้าว และพระเจ้ากรุงสยามก็ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ปิดทอง วันนี้เจ้าพนักงานได้เอาพรมปูเต็มเนินนั้น และหน้าพระทวารทั้งพระทวารหน้าและพระทวารข้าง เจ้าพนักงานได้ตั้งแคร่มีเสาเงิน ๔ เสา ดาดเพดานแต่หามีม่านไม่ เสาแคร่นั้นโตกว่าท้าวแขนหน่อย ๑ และเงินที่หุ้มเสานั้นก็ดูหนาอยู่ ข้างขวามือจากที่ ๆ เราเฝ้าอยู่นั้น มีผ้ากระโจม ( เต๊น ) ขึงมาจากผนังพระที่นั่ง และบรรดาขุนนางข้าราชการก็หมอบอยู่หน้าพระทวาร ม้าสำหรับเรานั่งนั้นก็ตั้งอยู่ตรงกับพระแกล ซึ่งอยู่ข้างขวาพระทวาร มองซิเออร์คอนซตันซ์หมอบอยู่ข้างขวาเรา ถัดลงไปหน่อยก็ถึงบาดหลวงตาชานั่งอยู่บนพรมที่เนิน แต่นั่งอยู่ข้างหลังมองซิเออร์เดอลาลูแบ และ ๑๘


๑๓๘ บุตรของข้าพเจ้าก็นั่งตรงกันกับบาดหลวงตาชา แต่นั่งอยู่ข้างหลังข้าพเจ้า พอเราได้นั่งลงสักครู่ ๑ พระเจ้ากรุงสยามก็เสด็จออกแต่วิธีเสด็จออกนั้น คือทรงเปิดพระแกลทีละน้อย ๆ อย่างเงียบ ๆ ที่พระองคุลีนั้นทรงพระธำมรงค์เพ็ชรเมล็ดใหญ่ ๆ และมีรุ้งวาวมากที่พระมหามาลาก็มีเพ็ชรพลอยต่าง ๆ เป็นอันมาก ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นทับทิมเมล็ด ๑ ซึ่งประดับดอกไม้ไหวข้างพระมหามาลาเป็นทับทิมใหญ่งามมาก พอเสด็จออกก็ได้มีรับสั่งถามว่า พวกเรามีความสุขสบายดีอยู่หรืออย่างไร และรับสั่งถามว่าการที่เราได้มาอยู่ในเมืองไทย เป็นอย่างไรบ้าง แล้วจึงได้รับสั่งถามถึงบ้านเมืองและตำบลต่าง ๆ ที่เราเคยได้ไปมาแล้ว ทั้งในทวีปยุโรปและในประเทศอื่น ๆ ทั่วไปด้วย เราก็ได้กราบทูลตอบเท่าที่จะกราบทูลได้ เมื่อจวนจะเสด็จขึ้น พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งกับเราถึงเรื่องบริษัทฝรั่งเศสว่า เจ้าพนักงานของบริษัทเป็นคนไม่ซื่อตรง เพราะมัวแต่หลงเชื่อผู้ที่แนะนำการไม่ดี ที่รับสั่งดังนี้เป็นทำนองคล้ายจะให้เราปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ และคล้ายจะให้เราจัดการให้พวกเจ้าพนักงานของบริษัทได้อยู่ในความบังคับบัญชาของมองซิเออร์ คอนซตันซ์ด้วย แล้วพระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่า บริษัทมีโอกาสอันดีที่จะทำการค้าขายในเมืองไทยให้เจริญได้ จนที่สุดถ้าบริษัทจะคิดต่อเรือที่เมืองตะนาวศรี และที่บางกอกก็จะทำได้โดย


๑๓๙ สะดวก และเรือเหล่านี้เมื่อได้ต่อขึ้นแล้ว ก็จะขายในประเทศอินเดียโดยราคาแพงมาก เราได้กราบทูลเห็นชอบตามรับสั่งทุกอย่าง แต่เราก็หาได้กราบทูลรับรองอย่างใดไม่ ในที่สุดพระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งว่าทรงยินดีมากที่เรือลานอมันได้มาถึงแล้ว และทรงเสียพระทัยเป็นอันมากในการที่ได้มีผู้คนล้มตายลง เราจึงได้กราบทูลตอบว่า ในการที่ได้ทรงพระเมตตากรุณาแก่พวกฝรั่งเศสนั้น เป็นการที่พวกฝรั่งเศสได้ระลึกถึงพระเดชพระคุณอยู่เสมอ และคงจะคิดฉลองพระเดชพระคุณโดยเต็มกำลังต่อไป ในขณะนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นชอบว่าเป็นโอกาสดีแล้วก็ขอให้กราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยามว่า เราได้รับคำสั่งมาให้กราบทูลให้ทรงทราบว่า การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงพระราชดำริถึงการค้าขายในประเทศอินเดียนั้น ก็เพราะมีพระราชประสงค์จะให้ศาสนาคริศเตียนได้แพร่หลายออกไปเท่านั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฟังมองซิเออร์เดอลาลูแบพูดเช่นนี้ ก็ทำกิริยาอึกอักไม่ปลงใจลงไปได้ มองซิเออร์เดอลาลูแบเห็นดังนั้นจึงบอกมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่เห็นควรจะกราบทูลดังนี้แล้ว จะกราบทูลอย่างอื่นก็ได้แล้วแต่ใจมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่า จะได้กราบทูลตามคำพูดของ


๑๔๐ มองซิเออร์เดอลาลูแบ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้กราบทูลเป็นข้อความยืดยาวมาก และในระวางที่กราบทูลอยู่นั้น ได้ออกชื่อลาคาซตีล บ้าง ออกชื่อเมืองฮอลันดาบ้าง ออกชื่อ ซังตามาเรียเดอลอเร็ตตาบ้าง เมื่อสิ้นคำกราบทูลของมองซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว พระเจ้ากรุงสยามหาได้ทรงตอบประการใดไม่ เป็นแต่รับสั่งว่าจะได้ทรงโปรดให้เราได้เฝ้าโดยฉะเพาะอีกต่อไป แล้วก็ทรงหุบพระแกลเสด็จขึ้น เราจึงได้ลุกขึ้นถวายคำนับ พอเสด็จขึ้นแล้วเราก็หาได้กลับนั่งลงไปอีกไม่ แต่ได้เดินออกไปห่าง ๆ สักสามหรือสี่ก้าวเพื่อปรับทุกข์กันว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์หาได้กราบทูลตามคำพูดของมองซิเออร์เดอลาลูแบไม่ หรือถ้าได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยามก็หาได้ตอบประการใดไม่ ในระวางนั้นมองซิ เออร์คอนซตันซ์ยังไม่ทันลุกจากที่ที่หมอบอยู่ ก็เล่าให้บาดหลวงตาชาฟังถึงข้อความที่ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม บาดหลวงตาชาได้ฟังมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็แสดงกิริยายินดีปราโมทย์เป็นที่สุด เราเห็นว่าทั้งมองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชา เพลินเสียแล้ว ไม่ทำท่าจะกลับไปเลย เราจึงได้เดินเข้าไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้เล่าให้เราฟังว่า เมื่อแต่กี้นี้ได้กราบทูลต่อพระเจ้ากรุงสยามว่า การที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงพระเดชา นุภาพมีอำนาจมากเช่นนี้ ก็เพราะเหตุที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส มิได้ไปตีบ้านเมืองเหมือนกับเมืองสะเป็นและเมืองฮอลันดา กับได้


๑๔๑ กราบทูลว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงนับถือโนตร์ดามเดอลอเร็ตและทรงฟักใฝ่บำรุงการศาสนาอยู่เนืองนิตย์ ตามที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เล่าดังนี้ ก็ส่อให้เราเห็นได้ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ยังไม่กล้ากราบทูลเรื่องศาสนาต่อพระเจ้ากรุงสยาม และความกล้าของมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเวลานี้ ก็ยังมีน้อยเท่ากับเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองเหมือนกัน ข้าพเจ้าลืมเล่าไปว่า เมื่อเวลาพระเจ้ากรุงสยามได้เสด็จออกที่พระแกลนั้น เราก็ได้ยืนขึ้นถวายคำนับทันที และคงยืนอยู่อย่างนั้นหาได้นั่งลงไม่ เพราะรอรับสั่งให้เรานั่งลง ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นเรายืนอยู่ดังนั้น ก็ได้เร่งให้เรานั่งลงสองหรือสามครั้งมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้เหลียวมาดูม้า เพราะเกรงจะนั่งพลาดด้วยม้านั้นเป็นม้าเตี้ย ๆ มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ทันใจ จึงได้ดึงแขนเสื้อมองซิเออร์เดอลาลูแบ และบอกให้นั่งลงโดยเร็ว ทำกิริยาประดุจจะฉุดมองซิเออร์เดอลาลูแบให้นั่งลงให้จงได้ เมื่อได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาของพระเจ้ากรุงสยาม ซึ่งมีหน้าที่จับต้องเครื่องแต่งพระองค์จนที่สุดจะจับพระมหามาลาก็ได้นั้น ได้มาหาเราเพื่อมารับของที่มกุฏราชกุมารีฝรั่งเศส ได้ส่งมาถวายสมเด็จพระราชธิดา เช่นเดียวกับที่เจ้าพนักงานเหล่านี้ ได้เคยมารับของเครื่องราชบรรณาการพระเจ้า


๑๔๒ กรุงฝรั่งเศส และของต่าง ๆ ที่มกุฏราชกุมารฝรั่งเศสได้ส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยามครั้ง ๑ แล้ว เจ้าพนักงานเหล่านี้จึงได้บอกกับเราว่า สมเด็จพระราชธิดาทรงขอบใจมกุฏราชกุมารีที่ได้ส่งของต่าง ๆ มาถวายดังนี้ และทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก ที่พระองค์ต้องประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาหาได้ตามเสด็จพระราชบิดาขึ้นมาเมืองลพบุรีไม่ เพราะเหตุที่ยังทรงประชวรอยู่ จึงเป็นการจำเป็นที่จะเสด็จออกให้เราเฝ้ายังไม่ได้และอีกประการ ๑ เจ้าพนักงานฝ่ายในของสมเด็จพระราชธิดาไม่เป็นคนที่สมควรจะมาหาเราได้ จึงได้ทรงใช้เจ้าพนักงานของสมเด็จพระราชบิดา ให้มารับของ ๆ มกุฏราชกุมารีฝรั่งเศสไปถวาย เราจึงได้ตอบเจ้าพนักงานภูษามาลาว่า สมเด็จพระราชธิดาเป็นเจ้าของในของถวายเหล่านี้ เพราะฉะนั้นจะทรงใช้ใครมาหรือจะโปรดให้ทำประการใด ก็แล้วแต่พระทัยทั้งสิ้น ในส่วนพระอาการที่ทรงพระประชวรอยู่นั้น เมื่อมกุฏราชกุมารีฝรั่งเศสได้ทรงทราบ ก็คงจะเสียพระทัยเป็นอันมาก แต่ส่วนตัวเรานั้นมีความเสียใจถึง ๒ ประการ ประการ ๑ เสียใจที่สมเด็จพระราชธิดาได้ทรงพระประชวรอยู่เช่นนี้ และประการที่ ๒ นั้น เราเสียใจนักที่มิได้มีโอกาสเฝ้าสมเด็จพระราชธิดาได้ เพราะฉะนั้นเมื่อสมเด็จพระราชธิดาจะโปรดมีรับสั่งมาอย่างไร เราจะได้นำข้อรับสั่งไปทูล มกุฏราชกุมารีทุกประการ


๑๔๓ ในวันนี้มองซิเออร์เดฟาชได้มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงได้พูดกับมองซิเออร์เดฟาชว่า ในเวลาที่ข้าพเจ้าได้กลับไปถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว ท่านมาควิศเดอเซเนเลคงจะซักไซร้ไล่เลียงข้าพเจ้าถึงการในบางกอกว่า จะเป็นที่มั่นคงพ้นอัน ตรายจากข้าศึกแล้วหรืออย่างไรเป็นแน่ แต่ข้าพเจ้าเองก็มิได้อยู่ที่บางกอกนานพอที่จะรู้การงานให้รอบคอบ ทั้งข้าพเจ้าก็มิได้ เป็นพลรบที่จะมีความรู้เช่นนี้ให้ละเอียดได้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องถามมองซิเออร์เดฟาชว่า ที่บางกอกนั้นมองซิเออร์เดฟาชเห็นเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อข้าพเจ้ากลับไปถึงประเทสฝรั่งเศสจะได้ทำรายงานตามความที่เป็นจริงต่อไป มองซิเออร์เดฟาชจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า ป้อมที่บางกอกชำรุดมากก็จริงอยู่ แต่ถึงดังนั้นมองซิเออร์เดฟาชก็สามารถจะรักษาป้องกันไว้ได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์เดฟาชว่า ขอให้มองซิเออร์เดฟาชบอกข้าพเจ้าจริง ๆ สักหน่อยเถิดว่า ความเห็นมองซิเออร์เดฟาชเห็นว่าป้อมที่บางกอกมั่นคงพอที่จะต่อสู้กับข้าศึกได้หรือไม่ มองซิเออร์เดฟาชจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า อย่าว่าแต่มีป้อมเลย ถึงมีแต่ม่านผ้าโปรงกันอยู่ มองซิเออร์เดฟาชก็จะต่อสู้กับข้าศึกให้ได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า ข้าพเจ้ามิได้ถามว่ามองซิเออร์เดฟาชจะต่อสู้ได้หรือไม่ได้ เพราะข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่ามองซิเออร์เดฟาช


๑๔๔ เป็นคนชำนาญในการทัพศึก และเป็นคนที่กล้าหาญด้วย แต่ข้าพเจ้าจะให้มองซิเออร์เดฟาชได้ตอบข้าพเจ้าตรง ๆ ว่า ป้อมที่บางกอกมั่นคงพอที่จะสู้รบกับข้าศึกได้หรือไม่ มองซิเออร์เดฟาชหาได้ตอบคำถามข้อนี้ไม่ เป็นแต่พูดว่าทำอย่างไร ๆ มองซิเออร์เดฟาชก็คงจะทำตามหน้าที่ของตัว ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นก็มิได้เคี่ยวเข็ญมองซิเออร์เดฟาชอีกต่อไปข้าพเจ้าจึงได้ถามข่าวมองซิเออร์โวลังเอนยินเนียของพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศส ในวันนี้เองข้าพเจ้าได้พบกับมองซิเออร์โวลัง ข้าพเจ้าจึงได้ถามถึงบางกอกว่า เป็นที่มั่นคงพอต่อสู้กับข้าศึกได้หรือไม่ มองซิ เออร์โวลังจึงบอกข้าพเจ้าว่า ได้พิเคราะห์เห็นว่าป้อมที่บางกอกแน่นหนามั่นคงพอต่อสู้กับข้าศึกได้ และถ้าได้ซ่อมแซมบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็จะมั่นคงแขงแรงพอรับศึกได้ทีเดียว ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้มองซิเออร์โวลังจดข้อความตามที่ได้พูดกับข้าพเจ้านี้ลงเป็นรายงาน และให้ชี้แจงด้วยว่าการที่จะต้องซ่อมแซมนั้นมีอะไรบ้าง มองซิเออร์โวลังก็รับจะทำรายงานให้ตามความต้องการของ ข้าพเจ้า จึงได้ฉวยปากกาลงมือร่างรายงานในเดี๋ยวนั้นเอง พอร่างเสร็จแล้วมองซิเออร์โวลัง ก็ส่งรายงานให้เลขานุการของข้าพเจ้า


๑๔๕ คัดขึ้นเป็นตัวดี แล้วมองซิเออร์โวลังก็ลากลับไป ยังหาได้ทันเซ็นชื่อในรายงานนั้นไม่ รุ่งขึ้นมองซิเออร์โวลังได้กลับมาหาข้าพเจ้าอีก และพูดแก้ตัวต่าง ๆ จะของดไม่เซ็นชื่อในรายงานฉะบับที่เขียนไว้เมื่อวันวานนี้โดยอ้างเหตุว่ารายงานฉะบับนี้ได้ทำขึ้นโดยยังมิทันได้ปรึกษาหารือ กับมองซิเออร์เดฟาชเสียก่อน จนมองซิเออร์เดฟาชได้ตัดพ้อต่อว่าในการที่มองซิเออร์โวลังได้เขียนรายงานให้ข้าพเจ้าดังนี้ และมองซิเออร์เดฟาชก็ได้พูดว่า ถ้ามองซิเออร์โวลังได้ทำรายงานให้ข้าพเจ้าจริงอย่างว่าแล้ว มองซิเออร์เดฟาชจะทำให้มองซิเออร์โวลังเสียคนให้จงได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์โวลังว่า การที่ได้เขียนรายงานนั้นมองซิเออร์โวลังก็ได้เขียนเอง หาได้มีใครบังคับให้เขียนไม่ การที่จะเซ็นชื่อหรือไม่เซ็นนั้นก็ไม่เป็นการปลาดอันใด เพราะข้าพเจ้าได้ทราบความเห็นของมองซิเออร์โวลัง พอที่ข้าพเจ้าจะทำรายงานได้แล้ว แต่ถ้าท่นมาควิศเดอเซเนเลจะถามข้าพเจ้าว่า เหตุใดมองซิเออร์โวลังจึงไม่ได้เซ็นชื่อในรายงานนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็จำเป็นจะต้องพูดไปตามความจริงเสมอ เท่ากับเป็นการกล่าวโทษมอง ซิเออร์โวลังเหมือนกัน ในเย็นวันนั้นเองมองซิเออร์โวลังได้ไปถามเลขานุการของข้าพเจ้าว่า ได้คัดรายงานขึ้นเป็นตัวดีแล้วหรือ ๑๙


๑๔๖ ยัง เมื่อได้รับรายงานจากเลขานุการของข้าพเจ้าแล้ว มองซิเออร์โวลังได้เซ็นชื่อลงไปในท้ายรายงาน ณวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ เดือนพฤศจิกายน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บาดหลวงตาชาพร้อมด้วยบาดหลวงเลอรัวเยและบาดหลวงบูเชต์ได้มาหาเรา พอบาดหลวงทั้ง ๓ ได้มาถึงสักครู่หนึ่งบาดหลวงแซนต์มาแตงก็ได้ตามมาเยี่ยมเยือนเราด้วย บาดหลวงแซนต์มาแตงได้แสดงไมตรีต่อเราอย่างดี ครั้นบาดหลวงแซนต์มาแตงได้ลากลับไปแล้ว บาดหลวงตาชาก็ขอให้เราคืนหนังสือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนถึงบาดหลวงตาชา ในเรื่องถวายบางกอกและเมืองมะริดให้แก่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และหนังสือฉะบับนี้บาดหลวงตาชาได้ส่งให้แก่เราบนเรือเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนตุลาคม เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า หนังสือฉะบับนี้เป็นประโยชน์ต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และในการที่เราได้จัดให้บาดหลวงตาชาไปเจรจาการต่าง ๆ กับมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ก็ได้รับหนังสือฉะบับนี้เป็นคำตอบฉะบับเดียวเท่านั้น บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า หนังสือฉะบับนี้เป็นหนังสือของบาดหลวงตาชา เพราะได้สลักหลังถึงบาดหลวงตาชา และเราเป็นผู้ได้แย่งเอาไป


๑๔๗ เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า หนังสือนั้นจะมีถึงใครไม่เป็นข้อสำคัญอย่างใดเลย เพราะหนังสือฉะบับนี้เป็นหนังสือของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส หาใช่ของบาดหลวงตาชาไม่ และเราจะเปนผู้รักษาไว้ ถ้าบาดหลวงตาชาได้ทำหนังสือหายเสียแล้ว เราก็จะต้องเอาผิดกับบาดหลวงตาชา บาดหลวงตาชาได้แสดงกิริยาโกรธแค้นมาก และพูดว่าหนังสือฉะบับนี้บาดหลวงตาชาอาจจะนำถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้เท่ากับเราเหมือนกัน เราเห็นว่าบาดหลวงตาชามีโทษะมากขึ้นทุกทีแล้ว เราจึงได้พูดว่า เพื่อจะป้องกันมิให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสกริ้วกราดบาดหลวงตาชาได้ เราจะได้ทำใบรับว่า เราได้รับหนังสือฉะบับนี้จากบาดหลวงตาชา และบาดหลวงตาชาได้มาขอหนังสือฉะบับนี้คืนจากเรา แต่เราหายอมคืนให้ไม่ ในระวางที่มองซิเออร์เดลาลูแบกำลังเขียนใบรับอยู่นั้น บาดหลวงตาชาก็ยังพูดจาอ้อนวอนขอหนังสือคืน และได้พูดว่าการที่บาดหลวงตาชาได้มายังเมืองไทยนั้น ก็เพราะได้รับหนังสือสำคัญเป็นลายพระราชหัตถ์ บาดหลวงตาชาได้ถือลายพระราชหัตถ์นี้เป็นหลัก จึงได้นำความต่าง ๆ พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่เห็นสมควร ตามคำสั่งที่บาดหลวงตาชาได้รับมาจากพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของบาดหลวงตาชา ที่จะนำความไปกราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสให้


๑๔๘ ทรงทราบว่า บาดหลวงตาชาได้มาจัดการอย่างไรบ้าง และเมื่อมีหนังสือเป็นหลักฐานในการที่ได้มาจัดทำแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของบาดหลวงตาชาที่จะต้องนำหลักฐานนั้น ๆ ไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส บาดหลวงตาชาจึงถามเราว่า "ท่านไม่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการทั้งปวง ตามคำแนะนำของข้าพเจ้าดอกหรือ " เราได้ตอบแต่คำเดียวว่า " เปล่า " บาดหลวงตาชาจึงได้พูดว่า " ตัวข้าพเจ้าก็มิได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเหมือนกัน " แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้ขอดูคำสั่งของเรา ฉะเพาะข้อที่สั่งไว้ให้เราจัดส่งบาดหลวงตาชาขึ้นไปบนบกล่วงหน้าไปก่อน และให้เราสั่งเสียบาดหลวงตาชาในเรื่องต่าง ๆ ที่จะต้องไปเจรจา เมื่อบาดหลวงตาชาได้อ่านคำสั่งฉะเพาะข้อนี้แล้ว บาดหลวงตาชาก็กลับความเสียหมด เอาคำสั่งเป็นคำแนะนำ และเอาคำแนะนำเป็นคำสั่งดังนี้ เราจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่า ในเรื่องนี้เรามีคำสั่งเพียงเท่านี้เอง และเราก็ไม่ต้องการอะไรให้มากกว่านี้ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบเราว่า " ตามใจความในคำสั่งข้อนี้ก็หมายความว่า ท่านจะทำการอย่างไรโดยลำพังของท่านเองไม่ได้แต่ต้องให้ข้าพเจ้าจัดทำทั้งสิ้น "


๑๔๙ เราจึงได้ถามว่า " ถ้าฉะนั้นท่านจะเข้าใจว่า ท่านจะเป็นผู้ออกคำสั่ง หรือเราจะเป็นผู้ออกคำสั่งเล่า " บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า " ข้าพเจ้าไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น " แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้รับใบรับไปจากมองซิเออร์เดอลาลูแบซึ่งข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้เซ็นชื่อไว้เสร็จแล้ว ใบรับฉะบับนี้มีใจความว่าดังนี้ "เราขอรับสารภาพว่า ท่านบาดหลวงตาชาได้มาขอร้องให้เราคืนหนังสือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนถึงบาดหลวงตาชา อันมีใจความว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์รับรองจะจัดการถวายเมือง บางกอกและเมืองมะริด ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพระเจ้า กรุงฝรั่งเศส หนังสือฉะบับนี้ท่านบาดหลวงได้มาบอกกับเราบนเรือเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๖๘๗ (พ.ศ.๒๒๓๐) และเราได้ขอร้องต่อท่านบาดหลวงให้กรุณา อย่าต้องให้เราคืนหนังสือฉะบับนี้เลย เราจึงมิได้คืนหนังสือฉะบับนี้ให้แก่ท่านบาดหลวง เขียนที่เมืองลพบุรี เมื่อณวันที่ ๒๗ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๖๘๗ (๒๒๓๐ ) " เมื่อบาดหลวงตาชาได้อ่านใบรับเห็นใช้คำนำหน้านามมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ว่า มองซิเออร์เฉย ๆ นั้น บาดหลวงตาชาจึงร้องขึ้นว่า


๑๕๐ " โอ การที่ใช้คำว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ นั้นร้ายกาจนักควรจะใช้คำว่า เซนเยอร์ จึงจะถูก " เราจึงได้ตอบว่า ใบรับฉะบับนี้ไม่ได้ทำไว้สำหรับมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่ในระวางที่พูดกันอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็เอาตัวอักษร (ยี ) เติมลงไปในใบรับ เพื่อจะอ่านว่า เซนเยอร์ ก็ได้ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า " ถึงอย่างนั้นก็เถิด ข้าพเจ้าก็จำเป็นจะต้องเอาใบรับนี้ไปให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ดูเหมือนกัน เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ขอคืนหนังสือฉะบับนี้จากข้าพเจ้า " ตามที่บาดหลวงตาชาพูดดังนี้ ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า บาดหลวงตาชาคิดจะเอาหนังสือฉะบับนี้ไปคืนให้แก่มองซิเออร์คอนซ ตันซ์ บาดหลวงตาชาได้เอาใบรับไปอ่านอีก ครั้นไปเห็นคำว่า " หนังสือฉะบับนี้ท่านบาดหลวงได้มามอบกับเราบนเรือ " บาดหลวงตาชาก็ไม่ยอมรับใบรับฉะบับนี้ และคัดค้านขึ้นว่า บาดหลวงตาชาหาได้เอาหนังสือไปมอบให้กับเราไม่ แต่เราได้แย่งเอาไปจากบาดหลวงตาชา หรือถ้าจะใช้คำตรง ๆ แล้ว ก็คือว่าเราได้ขะโมยหนังสือฉะบับนี้ไปจากบาดหลวงตาชา เมื่อเราได้ฟังบาดหลวงตาชาพูดเช่นนี้ เราก็มิได้สะทกสะท้านเลย และเราก็ได้บอกกับบาดหลวงตาชาว่า เมื่อจะต้องการใบรับก็ให้เอาไปทั้งอย่างนี้จะแก้ไขไม่ได้ บาดหลวงตาชาก็ไม่ยอมรับ


๑๕๑ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้เอาใบรับนั้นมาฉีกเสีย แต่หาได้ทิ้งเศษกระดาษไม่คงเก็บเอาไว้ บาดหลวงตาชาก็ลากลับไป ด้วยมีความโกรธเคืองเป็นอันมาก บาดหลวงอื่น ๆ ที่มาด้วยก็เลยกลับไปพร้อมกับบาดหลวงตาชา ในระวางที่พูดโต้เถียงกันอยู่นั้น บาดหลวงตาชาได้บอกว่า จะยอมคัดสำเนาหนังสือฉะบับนั้นให้แก่เราเราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า เราจะคัดสำเนาให้บาดหลวงตาชาบ้างก็ได้ เมื่อระวางเวลาที่เรายังพักอยู่ที่ด่านภาษีซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงศรีอยุธยานั้น มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ขอให้บาดหลวงตาชา คืนรายงานของเชอวาเลียเดอโชมอง บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า คำสั่งที่เราได้ให้บาดหลวงตาชาไว้เมื่อยังอยู่บนเรือนั้นไม่เป็นประโยชน์ อันใดเสียแล้ว เพราะฉะนั้นบาดหลวงตาชาจะได้คืนรายงานเชอ วาเลียเดอโชมองให้แก่เรา และคืนคำสั่งของเราให้ด้วย แต่ขอให้เราคืนหนังสือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนถึงบาดหลวงตาชา เสียด้วย มองซิเออร์เดอลาลูแบยังไม่ทันได้ตรึกตรองก็รับปากว่าจะคืนหนังสือให้ บาดหลวงตาชาจึงได้พูดว่า ทางที่ดีแล้วควรเราจะคัดสำเนาคำสั่งของเราเซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐาน แล้วจึงมอบสำเนาคำสั่งให้บาดหลวงตาชาถือไว้


๑๕๒ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้าเช่นนั้นบาดหลวงตาชาจะยึดต้นฉะบับคำสั่งของเรา มิดีกว่าจะเอาสำเนาไว้หรือ ลงท้ายที่สุดการที่ได้พูดจากันในคราวนั้นก็หาผลอย่างใดมิได้เลย ครั้นเวลาค่ำข้าพเจ้าได้เอาเรื่องที่พูดกันนี้มาตรองดู ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า " ท่านได้รับปากไว้ว่าจะคืนหนังสือฉะบับนี้ให้แก่บาดหลวงตาชา แต่ท่านควรระวังอย่าคืนให้จึงจะถูก " มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า เรื่องที่พูดกันนั้นเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้คิด และมองซิเออร์เดอลาลูแบจะไม่ยอมคืนหนังสือฉะบับนั้นให้แก่บาดหลวงตาชา แต่มองซิเออร์เดอลาลูแบมีความเสียใจเป็นอันมาก ที่บาดหลวงตาชาได้เอาต้นร่างข้อสัญญาซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ใช้ให้มาส่งแก่เรานั้นคืนไปได้ ครั้นเมื่อพูดกันวันนี้ บาดหลวงตาชาได้อ้างความเดิม และต่อว่ามองซิเออร์เดอลาลูแบว่า ได้รับปากไว้แล้วว่าจะคืนหนังสือให้เหตุใดจึงไม่คืนให้เล่า มองซิเออร์เดอลาลูแบก็รับสารภาพว่า ได้รับปากไว้เช่นนั้นจริง แต่เมื่อได้ทำความผิดที่ได้รับปากสัญญาไว้เช่นนั้นแล้ว ก็จำเป็นจะต้องระวังไม่ทำความผิดอีก คือจะต้องไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับปากไว้


๑๕๓ ในตอนค่ำบาดหลวงเลอรัวเยได้กลับมาหาเราอีก และได้รับตามตรงว่า ที่บาดหลวงตาชาขะต้องการเอาหนังสือฉะบับนั้นคืนก็เพราะประสงค์จะคืนหนังสือให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ณวันที่ ๒๙ เดือนพฤศจิกายน มองซิเออร์โวลังได้มาหาข้าพเจ้าณที่พัก กิริยามีโทษะและความเสียใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก มองซิเออร์โวลังจึงได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า มองซิเออร์เดฟาชได้สั่งให้มองซิเออร์โวลังกลับลงไปที่บางกอก โดยมอง ซิเออร์เดฟาชได้ใช้วาจาอย่างหยาบคายร้ายแรงต่อมองซิเออร์โวลัง เป็นอันมาก ข้าพเจ้าจึงได้พยายามปลอบมองซิเออร์โวลังให้หาย แค้นลงไปบ้าง โดยอธิบายว่าเป็นการธรรมดาที่บ่าวกับนายจะต้องขัดใจกันบ้าง และถ้ามองซิเออร์โวลังมีข้อที่ไม่พอใจนายแล้ว ก็ควรจะเดินวิธีนบนอบฟังโอวาทของนาย เพื่อจะให้นายคลายความขัดเคืองลงบ้าง มองซิเออร์โวลังจึงได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า มองซิเออร์เดฟาชได้บอกกับมองซิเออร์โวลังว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มากล่าวโทษหาว่า มองซิเออร์โวลังได้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกล้อมองซิ เออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ขอให้มองซิเออร์เดฟาชส่งมองซิเออร์โวลังกลับไปเสียที่บางกอก เพราะมองซิ เออร์โวลังเป็นคนที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่พอใจเสียแล้ว มองซิ ๒๐


๑๕๔ เออร์โวลังจึงได้ชี้แจงแก่ข้าพเจ้าต่อไปว่า เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์มาโกรธเคืองมองซิเออร์โวลังในสิ่งที่ไม่มีข้อมูลเช่นนี้แล้ว มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะหาช่องทางโอกาสที่จะให้มองซิเออร์เดฟาชรัง แกมองซิเออร์โวลังอยู่เสมอมิได้เว้นเลย เพราะฉะนั้นมองซิเออร์ โวลังจึงเห็นทางอยู่อย่างเดียวที่จะป้องกันมิให้ต้องถูกรังแกเช่นนี้ได้ ก็คือว่าจะต้องลาออกจากราชการ ขอกลับไปยังประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงได้ปลอบมองซิเออร์โวลังว่า การที่คิดเช่นนี้ต้องตรึกตรองให้ดีเสียก่อน เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้โปรดให้มองซิเออร์โวลังมายังเมืองไทย ก็เพื่อจะให้ทำราชการของพระองค์ เพราะฉะนั้นมองซิเออร์โวลังไม่ควรจะคิดวุ่นวายอย่างใด แต่ควรจะตั้งหน้าทำการในหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดที่จะทำได้ และไม่ควรจะคิดการอย่างอื่นเป็นอันขาด มองซิเออร์โวลังจึงได้ถามข้าพเจ้าว่า จะควรทำอย่างไรต่อไปเล่า ข้าพเจ้าจึงชี้แจงกับมองซิเออร์โวลังว่า ทางที่ดีที่สุดควรมองซิเออร์โวลังจะต้องไปหามองซิเออร์เดฟาชในค่ำวันนี้ และขอคำสั่งสำหรับการที่จะกลับไปบางกอก แล้วจึงเอาโอกาสนี้ชี้แจงแก่มองซิเออร์เดฟาชว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ขัดเคืองกล่าวหาว่า มองซิเออร์โวลังได้ทำการดังข้อหานั้น เป็นสิ่งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจผิดเป็นแท้ เพราะมองซิเออร์โวลัง


๑๕๕ มิได้คิดทำการดังว่านั้นเลย เมื่อได้ชี้แจงให้มองซิเออร์เดฟาชเข้าใจดีแล้ว ก็อย่าอิดออด แต่ต้องรีบไปบางกอกตามคำสั่งทีเดียวและข้าพเจ้าก็ได้ชี้แจงปลอบโยนมองซิเออร์โวลังอีกหลายสิ่งหลาย อย่าง เพื่อให้มองซิเออร์โวลังได้คลายความน้อยใจลงบ้าง มอง ซิเออร์โวลังได้ฟังข้าพเจ้าอธิบายก็ดูค่อยสงบลง มองซิเออร์โวลังจึงได้รับปากว่า จะได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของข้าพเจ้าทุกอย่าง ครั้นเวลาค่ำมองซิเออร์โวลังได้กลับมาหาอีก เพื่อจะมาลาข้าพเจ้า และได้บอกว่ามองซิเออร์เดฟาชดูคลายความโกรธมองซิเออร์โวลังลงบ้างแล้ว มองซิเออร์เดฟาชจึงได้บอกกับมองซิเออร์โวลังว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์โกรธมองซิเออร์โวลัง นักนั้น ก็เนื่องจากเหตุที่มองซิเออร์โวลังมาหาข้าพเจ้าและมอง ซิเออร์เดอลาลูแบบ่อยนัก มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงพูดว่า " มอง ซิเออร์โวลังไปหาราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสบ่อยนัก ก็ให้ท่านราชทูตช่วยเหลือมองซิโวลังบ้างซิ " ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์โวลังว่า ข้าพเจ้ามีความยินดีมากที่มองซิเออร์เดฟาชได้คลายโกรธมองซิเออร์โวลังแล้ว แล้วมองซิเออร์โวลังจึงได้ไปลามองซิเออร์เดอลาลูแบ และได้ล่องลงไปบางกอกในคืนวันนั้นเอง ตามที่มองซิเออร์โวลังได้มาเล่าในเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์หาว่า มีคนมาหาข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบบ่อย ๆ นั้น


๑๕๖ ข้าพเจ้าเองก็มิได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอย่างใด แต่ความจริงข้าพเจ้าก็ได้รู้สึกว่า ภายใน ๑๕ วันมานี้ ไม่มีนายทหารคนใดกล้ามาหาเราณที่พักเลย เพราะถ้าพวกนายทหารได้มาหาเราแล้ว ก็อาจจะถูกหาเป็นความอาญาก็ได้ หรืออย่างต่ำก็คงจะถูกตัดพ้อต่อว่า เพราะฉะนั้นถึงโต๊ะรับประทานอาหารของเราได้เตรียม ไว้ ๓๐ ที่อยู่เสมอก็จริง แต่ก็ไม่มีใครมารับประทานอาหาร นอกจากพวกเราที่อยู่ด้วยกัน กับนายทหารเรือซึ่งมิได้เกี่ยวข้องในการหยุมหยิมเลือกเขาเลือกเราเท่านั้น ณวันที่ ๓๐ เดือนพฤศจิกายน เราได้ยื่นหนังสือของเราต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ และหนังสือฉะบับนี้เราก็ได้ช่วยกันร่างมาหลายวันแล้ว คือตั้งแต่วันที่เราได้บอกกับบาดหลวงตาชาว่าเราจะได้มีหนังสือถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้นเอง ในวันนี้เองบาดหลวงเดอเบซได้มาหาเรา และเราจับได้ตามคำพูดของบาดหลวงเดอเบซว่า มองซิเออร์คอนซตันได้รับหนังสือของเราแล้วก็ออกจะมีความร้อนใจอยู่บ้าง และมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ออกจะหนักใจในข้อที่เกี่ยวด้วยสะเบียงอาหาร และเรื่องการแต่งตั้งนายทหาร และเราได้ทราบความต่อไปว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาได้เกิดโต้เถียงวิวาทกัน อย่างใหญ่โต แต่ผู้ที่มาเล่านั้นก็มิได้ยินดีด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น


๑๕๗ ผู้นั้นจึงบอกไม่ได้ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาได้ทะเลาะกันเมื่อไร และได้ทะเลาะกันเรื่องอะไร เมื่อเช้านี้ข้าพเจ้าไดัรับหนังสือจากมองซิเออร์เวเรต์ฉะบับ ๑ เขียนมาจากกรุงศรีอยุธยาและลงวันวานนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบได้คัดสำเนาไว้แล้ว ใจความในหนังสือฉะบับนี้มีว่า มองซิเออร์มาตีโนมิชันนารี ได้ไปเล่าให้มองซิเออร์เวเรต์ฟังว่า ในกองทหารไทยที่ประจำอยู่ที่บางกอก และพวกพลเมืองที่บางกอก ได้เกิดแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า ด้วยไม่พอใจพวกฝรั่งเศส เมื่อเราได้ทราบความดังนี้ เราก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่มองซิเออร์เดฟาชควรจะต้องรู้ไว้ เพื่อจะได้เตรียมตัวกลับลงไปที่บางกอก แต่เราก็รู้สึกว่ามองซิเออร์เดฟาชมิได้ฟังเสียงใครนอกจากบาดหลวงตาชา คนเดียว เพราะในคำสั่งของมองซิเออร์เดฟาชก็มีปรากฏให้มอง ซิเออร์เดฟาชคอยฟังคำแนะนำของบาดหลวงตาชา เราจึงได้คัดใจความหนังสือฉะบับนั้นส่งให้บาดหลวงเลอรัวเย และขอให้บาดหลวงเลอรัวเยไปส่งกับบาดหลวงตาชา เพื่อบาดหลวงตาชาจะได้ไปบอกให้มองซิเออร์เดฟาชทราบ และมองซิเออร์เดฟาชจะได้กลับลงไปบางกอกตามความต้องการของเรา เพราะใคร ๆ ก็ทราบกันทั่วแล้วว่า เมื่อ ๑๐ วันมานี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดจาอย่างโวหารกล้าว่า มองซิเออร์เดฟาชควรจะต้องรีบกลับ


๑๕๘ ลงไปที่บางกอก เพราะที่บางกอกได้เกิดวุ่นวายขึ้นโดยเหตุที่พลทหารได้ป่วยเจ็บ และล้มตายเป็นอันมาก เมื่อเย็นวันนี้จวนพลบค่ำ เรากำลังนั่งสนทนาอยู่กับสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ บาดหลวงเลอรัวเย และบาดหลวงดูชาตซ์ บาดหลวงตาชาก็มาเคาะประตูห้อง และมีบาดหลวงดูบูเชต์กับบาดหลวงเดอเบซมากับบาดหลวงตาชาด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าบาดหลวงตาชาจะมาหาเราเวลาใด ต้องมีพยานมาด้วยเสมอพอบาดหลวงตาชาได้เข้ามาในห้องก็เอ่ยพูดถึงใจความในหนังสือ ฉะบับนั้นขึ้นก่อน ทันใดนั้นท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้ลา กลับไป และบาดหลวงเลอรัวเยกับบาดหลวงดูชาตซ์ก็ตามไปส่งท่านสังฆราชถึงบ้าน บาดหลวงตาชาจึงได้พูดกับเราว่า เนื้อความในหนังสือฉะบับนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และที่เราได้คัดสำเนาส่งไปให้นั้นเรามีความประสงค์จะให้บาดหลวงตาชาทำประการใด ข้าพเจ้าได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า มองซิเออร์เดฟาชได้เอาคำสั่งมาให้ข้าพเจ้าดู ซึ่งมีความปรากฏบังคับให้มองซิเออร์เดฟาชคอยปรึกษาหารือกับบาดหลวงตาชา เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ทางดีที่สุดควรบาดหลวงตาชาจะเอาเนื้อความในหนังสือฉะบับนั้นไปเล่าให้มองซิเออร์เดฟาชฟัง และควรบาดหลวงตาชาจะแนะนำให้มองซิเออร์เดฟาชได้กลับไปบางกอกโดยเร็ว


๑๕๙ บาดหลวงตาชาจึงตอบว่า " ข้าพเจ้าเองไม่มีการอย่างใดที่จะต้องแนะนำกับมองซิเออร์เดฟาช และมองซิเออร์เดฟาชก็มิได้รับคำสั่งให้ทำตามคำแนะนำฉะเพาะข้าพเจ้าคนเดียว แต่ให้ทำตามคำแนะนำคนอื่นทั่วไปหมด " ข้าพเจ้าได้เอ่ยขึ้นว่า " ข้าพเจ้าขอโทษต่อท่าน - " บาดหลวงตาชาได้ฟังก็พูดต่อไปว่า " ถ้าแม้มองซิเออร์เดฟาชได้รับคำสั่งให้ทำตามคำแนะนำของข้าพเจ้า แต่ส่วนข้าพเจ้าหาได้รับคำสั่งให้แนะนำการต่าง ๆ ต่อมองซิเออร์เดฟาชไม่ แต่ถึงดังนั้นก็ให้ใครไปตามมองซิเออร์เดฟาชมานี่เถิด " บาดหลวงตาชาจึงได้ใช้ให้บาดหลวงบูเชต์ไปตามมองซิเออร์ เดฟาชมา มองซิเออร์เดฟาชพักอยู่ใกล้ ๆ จึงได้รีบมาพร้อมกับมองซิเออร์ดูบรูอัง เมื่อมองซิเออร์เดฟาชได้มาถึงแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงให้ฟังว่า เหตุใดจึงได้ไปเชื้อเชิญให้มองซิเออร์เดฟาช มาที่นี่ และได้เล่าตามความในหนังสือที่เราได้รับมาซึ่งมีใจความ ว่า พวกทหารไทยที่ประจำอยู่ที่บางกอกนั้นได้พูดว่า ถ้าไม่เกรงพระราชอาชญาของพระเจ้ากรุงสยามแล้ว พวกไทยจะมาตีพวกฝรั่งเศสให้เข็ดให้ได้ มองซิเออร์เดฟาชจึงได้ตอบว่า ถึงจะมีพลทหารเจ็บป่วยก็จริงอยู่ แต่มองซิเออร์เดฟาชก็จะตีพวกไทยให้เข็ดบ้างเหมือนกัน


๑๖๐ บาดหลวงตาชาจึงได้พูดขึ้นว่า จะต้องได้เห็นหนังสือต้นฉะบับเสียก่อนจึงจะได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า สำเนานั้นเป็นลายมือของเลขานุการข้าพเจ้าเอง บาดหลวงตาชาก็ตอบว่า " จะถือเอาเป็นหลักฐานยังไม่ได้ " เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า " สำเนานี้เป็นหลักฐานพออยู่แล้ว เพราะเราเองเป็นผู้รับรองว่า เป็นสำเนาที่ถูกต้อง " บาดหลวงตาชาจึงพูดขึ้นว่า " เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด จึงเป็นการจำเป็นที่เราจะต้องทำความตกลงกันเสียให้แน่เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริงแล้ว ก็เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะได้ให้กองทหารไทยได้ออกเสียจากบางกอก " เราจึงได้ตอบว่า เราก็ได้พูดเช่นนี้กับบาดหลวงเลอรัวเยเหมือนกัน เราจึงหวังใจว่าท่านคงจะได้เอาโอกาสนี้จัดการต่อไป " บาดหลวงตาชาจึงค้านขึ้นว่า " ก็ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริงแต่เป็นเรื่องหาความใส่เขา จะว่าอย่างไรเล่า เพราะฉะนั้นจึงเป็นการจำเป็นที่จะต้องทราบชื่อของผู้ที่บอกข่าวนี้มา " เราจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า " ในเรื่องนี้ไม่มีปัญหาว่าจะฟ้องหาใครเป็นความอาชญา ผู้ที่บอกข่าวนี้มาก็ได้บอกมาโดยใจจริงตามความที่เขาได้ทราบมา เพื่อเราจะได้คอยระวังเหตุการณ์ไว้ และบางทีผู้ที่บอกข่าวมานี้ ก็อาจจะอ้างพยานหลักฐานไม่ได้


๑๖๑ เสียซ้ำไป เพราะฉะนั้นที่ว่า ๆ เขาหาความใส่นั้นเป็นการไม่ควรและฝ่ายเราก็จะระวังมิบอกให้ท่านรู้ชื่อผู้บอกข่าวเรื่องนี้ แต่ที่จริงผู้ที่บอกข่าวมานี้ ก็มิได้ห้ามหรือขอร้องมิให้ปิดชื่อเขาอย่างใดเลย " บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า " ข้อนั้นข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้วแต่ข้อสำคัญในเรื่องนี้ ก็มีอยู่ที่ต้องการหาความจริง และฝ่ายมองซิเออร์เดฟาชและมองซิเออร์คอนซตันซ์ ก็คงจะพยายามค้นหาความจริงให้จงได้ เพราะถ้าข่าวอันนี้เป็นเรื่องจริงแล้ว พวกไทยก็อาจจะพูดเช่นนี้อีกก็ได้ แต่ท่านจะต้องการให้ข้าพเจ้าพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์หรือ ถ้าข้าพเจ้าได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว ทำอย่างไรมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็คงจะถามท่านว่าคนที่บอกข่าวนี้มาเป็นใคร " เราจึงได้ตอบว่า " เราไม่ได้ประสงค์ให้ใครมาซักไซ้ไล่เลียงเรา ท่านได้รับสำเนาใจความในหนังสือที่เราได้รับมานั้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นท่านก็ดี หรือมองซิเออร์เดฟาชก็ดี หรือมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็ดี จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจท่านเถิด ที่เราได้บอกให้ท่านทราบนั้น เป็นการที่เราได้ทำตามหน้าที่ของเราแล้ว บาดหลวงตาชาจึงได้ค้านขึ้นว่า " ก็ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบความแล้ว เรื่องนี้ก็จะเกิดอื้อฉาวขึ้น จะกลับทำให้คนมี ๒๑


๑๖๒ ใจเจ็บแค้นขึ้นก็ได้ แต่คงจะไม่ทำให้ได้รู้ความจริงขึ้นเลย อีกประการ ๑ ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทราบความแล้ว ทำอย่างไร ๆ ก็จะต้องนำความกราบทูลพระเจ้ากรุงสยามให้ทรงทราบ " เราจึงได้ถามบาดหลวงตาชาว่า " เออ ก็ถ้าความเรื่องใดได้ทรงทราบถึงพระเจ้ากรุงสยาม และทราบถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ จำเป็นที่จะต้องให้เรื่องนั้นอื้อฉาวทุกเรื่องหรือ " บาดหลวงตาชาอ้าปากจะตอบ แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พูดข้าพเจ้าจึงได้เอ่ยพูดขึ้นก่อนว่า " ถึงท่านบาดหลวงจะพูดอย่างไร ๆ ก็ตาม ท่านคงจะไม่ได้ทราบชื่อผู้ที่ได้บอกข่าวนี้มาเป็นแน่ " ตามที่ได้พูดจากันนี้ ก็มีเหตุผลที่เราควรจะขัดเคืองอยู่บ้างเพราะบาดหลวงตาชาได้มาหาเรา ก็ด้วยประสงค์จะล่อเอาความจากเราเท่านั้น ซึ่งเป็นความประพฤติอย่างธรรมดาของบาดหลวงตาชา เพราะบาดหลวงตาชาจะเคี่ยวเข็ญให้เราเอะอะขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลร้ายขึ้นก็ได้ หรือมิฉะนั้นก็เป็นอุบายของบาดหลวงตาชาจะหาเหตุกล่าวโทษเรา โดยจะหาว่าเราไม่ให้ความจริงแก่บาดหลวงตาชา จึงไล่ทหารไทยออกจากบางกอกไม่ได้พอข้าพเจ้าพูดขึ้นเท่านั้นแล้ว บาดหลวงตาชาก็นิ่งหาได้โต้ตอบประการใดไม่ และทำกิริยาโกรธมาก อีกสักครู่ ๑ บาดหลวงตาชาก็กลับไป และพวกบาดหลวงเยซวิตก็ตามออกไปด้วย


๑๖๓ แล้วมองซิเออร์เดฟาชกับมองซิเออร์ดูบรูอัง ก็ได้ลากลับไปเหมือนกัน ในระวางที่ได้พูดโต้ตอบกันนี้ บาดหลวงตาชาได้หาโอกาสให้มองซิเออร์เดฟาชอธิบายการในหน้าที่ มองซิเออร์เดฟาชจึงได้อธิบายว่า พวกไทยที่อยู่ที่บางกอกนั้นเป็นประโยชน์ต่อราชการมาก แต่ในเวลาที่บาดหลวงตาชาได้ให้คนไปตามมองซิเออร์เดฟาชนั้น มองซิเออร์เดฟาชกับมองซิเออร์ดูบรูอังยังไม่ทันมาถึงข้าพเจ้าจึงได้ถามบาดหลวงตาชาว่า การที่มองซิเออร์เดฟาช มาอยู่ที่เมืองลพบุรีช้านานเช่นนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่พอใจจริงหรือไม่ บาดหลวงตาชาจึงได้ตอบว่า " ไม่จริง แต่มองซิเออร์เดฟาชได้รับ ๆ สั่งพระเจ้ากรุงสยามให้ประจำอยู่ที่นี่ จนกว่าท่านจะได้กลับไป เพื่อมองซิเออร์เดฟาชจะได้เป็นพยานว่า ใครพูดอย่างไรทำอย่างไรในเมืองนี้ " ในตอนเย็นเราได้ไปหาท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ และเราได้พูดจาอ้อนวอนจนผลที่สุดท่านสังฆราชได้มอบหนังสือให้เรา ฉะบับ ๑ เป็นหนังสือถึงท่านสังฆราชที่เมืองตังเกี๋ย นำส่งบาดหลวงเยซวิตไป ๒ รูป ให้ไปรับหน้าที่เป็นมิชันนารีอาปอศ ตอลิก แต่ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้ขอร้องให้เราปิดความ อย่าได้บอกให้บาดหลวงตาชาหรือมองซิเออร์คอนซตันซ์


๑๖๔ ทราบในเรื่องนี้ ท่านสังฆราชยอมแต่เพียงบอกให้บาดหลวงดูชาตซ์กับบาดหลวงเลอรัวเยทราบเท่านั้น เพราะบาดหลวงดูชาตซ์เป็นหัวหน้าบาดหลวงอยู่ที่คณเมืองลพบุรี และบาดหลวงเลอรัวเยเป็นหัวหน้าคณกรุงศรีอยุธยา เราจึงได้นำจดหมายนั้นไปส่งให้แก่บาดหลวงทั้ง ๒ เพื่อจะได้จัดการส่งบาดหลวงเยซวิตไปตามฤดูกาล และฝ่ายข้าพเจ้าก็ได้สัญญาไว้กับท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศว่า จะได้สั่งให้เรือของบริษัทซึ่งยังอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาลำ ๑ ได้ไปยังเมืองตังเกี๋ย เพื่อให้ไปทำการค้าขายต่อไปด้วยเพราะฉะนั้นเมื่อเรือลำนี้จะออกเมื่อใด จึงเป็นโอกาสที่จะส่งบาดหลวงเยซวิต และจะส่งสะเบียงอาหารสำหรับพวกสังฆราชและมิชันนารีที่เมือวตังเกี๋ยด้วยก็ได้ ณวันที่ ๑ เดือนธันวาคม เวลาเช้า ได้มีเจ้าพนักงานมาหาบอกว่า มีรับสั่งในพระเจ้ากรุงสยาม ให้มาเชิญเราไปดูช้างชนกันและพระเจ้ากรุงสยามก็จะเสด็จทอดพระเนตร์ด้วย เพราะฉะนั้นอีกสักครู่ ๑ เราจึงได้ออกเดินทาง และบรรดานายทหารฝรั่งเศสก็ได้ไปกับเราทุกคน พวกเราได้ขี่ช้างด้วยกันทั้งนั้น ครั้นได้ไปถึงตำบลแห่ง ๑ ใกล้กับเมืองลพบุรีซึ่งจะเป็นที่สำหรับชนช้างนั้นแล้ว สักครู่ ๑ พระเจ้ากรุงสยามก็ได้เสด็จมาถึง พระเจ้ากรุงสยามทรงช้างที่นั่ง และมีขุนนางข้าราชการแห่นำตามเสด็จแวดล้อมมาพวกขุนนางข้าราชการเหล่านี้ ที่เดินก็มี ที่ขี่ม้าก็มี และยังมี


๑๖๕ ขุนนางข้าราชการกับทหารรักษาพระองค์มาหมอบคอยรับเสด็จอยู่ก็มาก และพวกนี้ก็หมอบอยู่ตลอดเวลาที่พระเจ้ากรุงสยามประทับอยู่ ณที่นั้น ในคราวนี้พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดให้เราได้เฝ้าเป็นพิเศษ มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นผู้มาตามตัวเราไปเฝ้า เพราะเราอยู่ทาง ๑ พระเจ้ากรุงสยามประทับอยู่ทาง ๑ มีพระเจดีย์คั่นอยู่กลาง ครั้นเราได้ขี่ช้างมาใกล้ช้างพระที่นั่ง เราก็ได้ถวายคำนับแต่หาได้ลงจากหลังช้างไม่ มองซิเออร์คอนซตันซ์อยู่ข้างซ้ายเราคอยเป็นล่ามอยู่ พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งถามว่าเราอยู่เป็นสุขสบายดีหรืออย่างไร มองซิเออร์เดอลาลูแบเป็นผู้พูดแทนพวกเราจึงได้กราบทูลขอบพระเดชพระคุณที่ได้ทรงพระกรุณาแก่พวกเรา พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งตอบว่า เป็นธรรมเนียนของพระเจ้าแผ่นดินที่จะต้องระไวระวังกรุณาต่อราชทูต ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ให้เชื่อมพระราชไมตรีในระวางพระเจ้าแผ่นดินนั้น ๆ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้กราบทูลว่า พวกฝรั่งเศสได้รับพระมหากรุณาและได้รับความเอื้อเฟื้อทุกอย่าง มีความสุขสบายอยู่ในเมืองไทยจนลืมตัวนึกว่าตัวอยู่ประเทศฝรั่งเศส พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงฟังก็ทรงพระสรวลถึง ๒ ครั้ง แล้วจึงได้รับสั่งว่าจะได้ทรงโปรดช่วยเหลือในการค้าขาย และจะทรงโปรดช่วยให้บริษัทได้มาตั้งห้างในพระราชอาณาจักรต่อไป ในขณะนี้พวกนายทหารเรือ เรือลาลัว กับเรือเลอโดรมาแด ได้เข้า


๑๖๖ มาเฝ้า มองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นผู้นำเฝ้า พวกนายทหารเรือได้ถวายคำนับ แต่หาได้ลงจากหลังช้างไม่ พระเจ้ากรุงสยามจึงได้พระราชทานกระบี่ฝักทองคำเล่ม ๑ กับสายสร้อยทองคำสาย ๑ และเสื้อ ๑ ตัวให้แก่มองซิเออร์ดังเดน เพราะคราวนี้เป็นครั้งแรกที่มอง ซิเออร์ดังเดนได้เคยเข้ามาเมืองไทย มองซิเออร์ยัวเยอกับนายทหารบางคนก็ได้รับพระราชทานเสื้อคนละตัว เมื่อนายทหารได้ขอบพระเดชพระคุณเสร็จแล้ว พระเจ้ากรุงสยามก็หันพระองค์มาทางเรา เป็นกิริยาว่าเสด็จขึ้นแล้ว เมื่อเราได้กลับมาถึงที่พักแล้ว จึงได้ทราบความว่า การที่ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เกิดทะเลาะขึ้นกับบาดหลวงตาชานั้น ได้ทะเลาะกันในห้องเขียนหนังสือของมองซิเออร์คอนซตันซ์เมื่อเวลา ๘ ทุ่ม ( ๒ ก.ท. ) และได้ทะเลาะกันถึงข้อสัญญาบางข้อ ซึ่งเราได้เซ็นชื่อพร้อมกับบาดหลวงตาชาบนเรือลัวโซ ซึ่งเป็นข้อสัญญาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์หาพอใจไม่ ณวันที่ ๒ เดือนธันวาคม เวลาเย็น ข้าพเจ้าได้ไปยังบ้าน มองซิเออร์คอนซตันซ์ ครั้นไปถึงบ้านก็เห็นว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ยังติดธุระอยู่ ข้าพเจ้าจึงได้เลยสนทนากับบาดหลวงตาชาสองต่อสอง บาดหลวงตาชาได้บรรยายถึงเหตุการณ์ทั้งปวงที่ได้เป็นไปตั้งแต่แรกเราเข้ามาถึงเมืองไทย จึงได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า บาดหลวงตาชาได้ชี้แจงไว้กับมาควิศเดอเซเนเลว่า ในเมืองไทยนี้มีชาว


๑๖๘ ปอตุเกตอยู่ที่บางกอกหลายคนได้ทำราชการของพระเจ้ากรุงสยาม มาช้านานแล้ว และพระเจ้ากรุงสยามก็ไม่ทรงทราบว่า จะทำอย่างไรกับพวกปอตุเกตเหล่านี้ต่อไป บาดหลวงตาชาจึงออกความเห็นว่า ควรจะตั้งให้เชอวาเลียเดอฟอแบงเป็นผู้ว่าราชการเมืองบางกอกต่อไป ท่านมาควิศเดอเซเนเลจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่าเชอวาเลียเดอฟอแบงสู้มองซิเออร์เดฟาชไม่ได้ แต่ส่วนพวกปอตุเกตนั้นไม่มีราคาอันใดไม่จำเป็นจะต้องมานึกถึง การที่มาควิศเดอเซเนเลได้พูดเช่นนี้ ทำให้บาดหลวงตาชาจับเอาคำนั้นเป็นหลักสำหรับถือว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มีอำนาจที่จะให้พวกไทยคงอยู่ที่บางกอกต่อไปได้ แล้วบาดหลวงตาชาได้พูดต่อไปว่า ถ้าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งกองทหารเพิ่มมาเมื่อใด จึงจะถอนกองทหารไทยออกจากบางกอกได้ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะส่งทหารเพิ่มมาอีกหรืออย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าทราบไม่ได้ แต่ข้อที่ข้าพเจ้าทราบเป็นแน่นั้น ก็คือว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ทรงเชื่อพระทัยว่า กองทหารที่ได้ส่งมานี้ เป็นจำนวนเพียงพอสำหรับรักษาตำบลนี้ได้แล้ว เพราะตั้งแต่ไหน ๆ มาไม่เคยมีทหารอยู่ในที่นี้ครึ่งจำนวนเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้เลย บาดหลวงตาชามิได้พูดถึงเรื่องสะเบียงอาหาร หรือเรื่องการตั้งแต่งนายทหาร ซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ไปตั้งไว้ ที่บางกอก


๑๖๘ แต่บาดหลวงตาชาได้บอกกับเราว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รู้สึกน้อยใจเป็นอันมาก ในหนังสือของเราที่กล่าวด้วยการศาสนา เพราะ มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นว่าตามความในหนังสือนั้น เท่ากับเป็นคำติเตียนมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้มีความเอื้อเฟื้อหรือเอาใจใส่ในการศาสนาเลย บาดหลวงตาชาจึงได้พูดแก้ตัวแทนมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเรื่องที่ยังไม่ได้ประกาศ ข้อความในสัญญาที่ได้ทำไว้กับเชอวาเลียเดอโชมอง อันเป็นสัญญาซึ่งพระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่พวก เข้ารีต แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศก็ได้มีหนังสือถึงมองซิเออร์คอนซตันซ์ ขอร้องให้งดการที่จะประกาศสัญญานั้น และหนังสือฉะบับนี้ก็ยังอยู่ที่บาดหลวงตาชา ข้อแก้ตัวของบาดหลวงตาชาข้อนี้ บาดหลวงตาชายังไม่เคยได้พูดกับเราเลยจนครั้งเดียว และถ้าเป็นความจริงก็น่าจะบอกกับเราเสียแล้ว เพราะเราก็ได้พูดถึงเรื่องนี้กับบาดหลวงตาชาถึง ๒ ครั้งมาแล้ว ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศเองก็ยังไม่เคยได้พูดกับเราเลยเหมือนกัน แต่เราก็เชื่อว่าอาจจะเป็นจริงได้เพราะเราได้สังเกตเห็นว่า ท่านสังฆราชจะต้องการให้ประกาศสัญญาก็จริงอยู่ แต่จะขอให้แก้ข้อความบางข้อเสียก่อน เพราะข้อความเหล่านี้ดูประหนึ่งว่า สงสัยในความซื่อสัตย์ ของพวกมิชันนารี


๑๖๙ โดยมีข้อความกล่าวในข้อนั้นว่า ถ้าพวกมิชันนารีได้เทศน์หรือสั่งสอนการอย่างใด อันเป็นการทุจจริตต่อบ้านเมืองแล้ว สิทธิต่าง ๆ ที่ได้พระราชทานไว้นั้นก็ต้องเป็นอันงดทั้งหมด ดังนี้ อีกประการ ๑ การที่เราไม่ได้ขอร้องให้ได้ปฏิบัติตามข้อสัญญา เป็นแต่ขอร้องให้ได้ปฏิบัติตามข้อความในสัญญานั้น ก็เพราะติดขัดด้วยสัญญาข้อนี้อย่าง ๑ และอีกอย่าง ๑ ยังมีข้อสัญญาที่เป็นข้อสำคัญ ซึ่งท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศต้องการนัก คือในข้อที่จะตั้งขุนนางไทยขึ้นคน ๑ สำหรับให้เป็นผู้พิจารณาและตัดสินถ้อยความของไทยที่จะเข้ารีตขึ้นใหม่ เพราะท่านสังฆราชเชื่อได้แน่ว่าคนไทยคงจะไม่กล้าเข้ารีต เพราะเกรงว่านายของตัวจะข่มเหงคะเนงร้าย และถ้าได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อนี้แล้ว ก็เสมอเท่ากับปิดบังความผิดของพวกขุนนางเหล่านี้ อีกประการ ๑ เราก็ได้เห็นชัดแล้วว่า หนังสือสัญญานี้ไม่ควรจะประกาศ เพราะในข้อสัญญามีว่า ถ้าพวกมิชันนารีทำผิดแม้แต่เล็กน้อย ก็เป็นอันต้องงดเลิกสัญญานี้ทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีดำเนินการอย่างธรรมดาของมองซิเออร์คอนซตันซ์ แล้วบาดหลวงตาซได้พูดกับข้าพเจ้าถึงเรื่องที่ตัวจะไปราชการยังประเทศฝรั่งเศสว่า บาดหลวงตาชายังไม่ทราบว่า ที่จะไปประเทศฝรั่งเศสในคราวนี้จะได้รับตำแหน่งอะไรแน่ และไม่ทราบเสียซ้ำไปว่าจะได้รับตำแหน่งอย่างใดหรือไม่ ๒๒


๑๗๐ เราก็ได้นึกเห็นอยู่แล้วว่า การที่จะตั้งให้บาดหลวงตาชาเป็นตำแหน่งอะไรไปยังประเทศฝรั่งเศสนั้น คงเป็นข้อที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องหนักใจเป็นอันมาก เพราะเมื่อยังไม่ทราบว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะได้ทรงรับบาดหลวงตาชาสถานใด ก็เป็นการยากที่จะตั้งตำแหน่งให้บาดหลวงตาชาได้ ทั้งมองซิเออร์คอน ซตันซ์ก็ได้คัดค้านต่าง ๆ ในระเบียบที่จะรับรองเรา มองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงตาชาจึงต้องเกรงว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสคงจะไม่รับรองบาดหลวงตาชา และพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสยามดุจเดียวกัน เราจึงได้คิดเห็นว่า บาดหลวงตาชาคงจะเตรียมตัวไปทุกอย่าง กล่าวคือ คงจะเชิญพระราชสาส์นและหนังสือต่าง ๆ ไปหลายอย่างหลายชะนิด และคงจะรับตำแหน่งต่าง ๆ ไปด้วยเมื่อเห็นว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสโปรดอย่างไร ก็คงจะกลับตัวให้ทันพระราชประสงค์ และที่สุดเมื่อเห็นว่าตำแหน่งใดจะเป็นอันไม่ได้เรื่องแล้ว ก็คงจะกลายเป็นแต่เพียงคนแทนของมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะเป็นได้ เมื่อข้าพเจ้ากับบาดหลวงตาชาได้สนทนากันเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็เข้าไปหามองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงตั้งต้นพูดขึ้นก่อนว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบคงจะไม่คิดกลับไปในเร็ววันเพราะหนังสือฉะบับแรกที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้มีมานั้น มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ก็พึ่งได้รับเมื่อ ๒-๓ วันนี้เอง


๑๗๑ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบตามความที่ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้ตกลงกันไว้ว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบจะทำอะไรคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำพร้อมกับข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตั้งใจไว้ว่า เมื่อข้าพเจ้าจะกลับเมื่อไร มองซิเออร์ เดอลาลูแบก็จะกลับไปด้วย แต่ในระวางนี้มองซิเออร์เดอลาลูแบจะต้องไปรอคอยอยู่ที่เรือรบซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือ ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการตอบหนังสือแล้ว ก็ยังมีเวลาพอเพียงที่จะตอบได้ แต่ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ต้องการตอบด้วยจดหมายแล้ว มองซิเออร์เดอลาลูแบก็ยินดีที่จะได้พบพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์บนเรือรบ แต่ส่วนตัวข้าพเจ้านั้นจะต้องเอาฤดูเป็นเกณฑ์ เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบกลับไปยังฝั่งคอรอมันเดล ทั้งมองซิเออร์เดอลาลูแบจะต้องไปอยู่ที่เรือรบ เพื่อคอยบาดหลวงตาชาและเข้าของต่างๆ ซึ่งบาดหลวงตาชาจะพาไปด้วย ตามที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดในคราวนี้ จะให้เป็นทีว่าเราได้บอกให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบในพระราชประสงค์ของ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสล่าช้ามาก ดูเหมือนมองซิเออร์คอนซตันซ์จะไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้บ้างเลย ณวันที่ ๓ เดือน ธันวาคมเวลาเย็น ได้มีคนมาบอกว่ามอง ซิเออร์คอนซตันซ์ขอเชิญเราไปดูเครื่องราชบรรณาการ และของต่าง ๆ ที่จะส่งไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ซึ่งได้นำไปประดับไว้


๑๗๒ ณที่พักพวกบาดหลวงเยซวิตแล้ว ของต่าง ๆ ที่จะส่งไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น เราไม่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย แต่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ไปอยู่ครู่เดียวก็กลับ เพราะป่วยไม่สบายและมองซิเออร์เดอลาลูแบไม่ต้องการจะออกความเห็นด้วย ว่าของเหล่านั้นจะดีหรือไม่ดี ณวันพฤหัสบดี ที่ ๔ เดือน ธันวาคม เวลาเย็น มองซิเออร์เดอลาลุแบได้มาหาท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ท่านสังฆราชได้ปฏิเสธว่า ไม่เคยได้ขอร้องต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์เลย ที่จะไม่ให้ประกาศสัญญาซึ่งพระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ศาสนา และในข้อที่ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดเมื่อครั้งพวกแขกมะกาซา ทำการจลาจลว่า สังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้ขอบใจมองซิเออร์คอนซตันซ์ในการที่ไม่ได้ประกาศสัญญานั้น ในข้อนี้ท่านสังฆราชได้พูดกับมองซิเออร์เดอลาลูแบว่า จำไม่ได้แน่ว่าจะได้พูดกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์เช่นนั้นหรือไม่ แต่ท่านสังฆราชจำได้ว่าเคยพูดกับใครคน ๑ จริง ว่าการที่ไม่ได้ประกาศสัญญายกสิทธิต่าง ๆ ให้แก่ศาสนานั้นเป็นการเคราะห์ดีนักหนา เพราะถ้าได้ประกาศไปแล้วก็อาจจะมีคนหาว่า การที่พวกแขกมะกาชาทำการจลาจลนั้น ก็เพราะพวกเข้ารีตเป็นต้นเหตุก็ได้ แต่ถ้ามีคนหาความเช่นนี้ก็ไม่มีมูลอย่างใดเลย



๑๗๓ มองซิเออร์เดอลาลูแบจึงถามท่านสังฆราชว่า "ใครเล่าจะเป็นผู้พูดเช่นนี้ " ท่านสังฆราชจึงได้ตอบว่า "บางที่ก็จะเป็นมองซิเออร์คอนซตันซ์พูดขึ้นก่อนก็ได้ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์เป็นคนที่ดูนิสสัยได้ยากนัก อันที่จริงคณะบาดหลวงก็ได้รับความเอื้อเฟื้อจากมอง ซิเออร์คอนซตันซ์มากต่อมาก ถ้าข้าพเจ้าจะเขียนจดความเอื้อเฟื้อของมองซิเออร์คอนซตันซ์ไว้แล้ว ก็อาจจะเขียนได้สมุดใหญ่ ๆ เล่ม ๑ ทีเดียว แต่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจเลยว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอื้อเฟื้อทำความดีต่อคณะบาดหลวงไว้แล้ว เหตุใดจึงได้ทำลืมเสียโดยเร็วเช่นนี้ได้ " แล้วท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ จึงบรรยายถึงคุณความดีของมองซิเออร์คอนซตันซ์ให้มองซิเออร์เดอลาลูแบฟังว่า ๑ มอง ซิเออร์คอนซตันซ์ได้ออกทรัพย์ส่วนตัวซื้ออาหารเลี้ยงนักเรียน ซึ่ง อยู่ในโรงเรียนของท่านสังฆราช อันเป็นโสหุ้ยปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ ถึง ๘๐๐ แฟรง ๒ โรงเรียนนั้นก็เป็นสิ่งที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้สร้างขึ้นตั้งแต่เชอวาเลียได้กลับไปจากเมืองไทยแล้ว แต่ในข้อนี้เป็นเรื่องที่มองซิเออร์เดอลาลูแบได้ทราบมาจากทางอื่นอยู่แล้ว ๓ ภรรยามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็เอาเด็กเล็ก ๆ ทั้งชายและหญิง ไปเลี้ยงไว้เป็นอันมาก และเมื่อเด็กหญิงเหล่านั้นเติบโตขึ้นแล้วภรรยามองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จัดการหาสามีให้


๑๗๔ ณวันที่ ๖ เดือนธันวาคม มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้นัดให้ข้าพเจาไปยังที่พักพวกบาดหลวงเยซวิตเพราะเป็นที่เงียบสงัดดี เพื่อจะได้ปรึกษาหารือทำงานกันต่อไป ครั้นเวลาเย็นข้าพเจ้าจึงได้ไปยังที่พักบาดหลวงเยซวิตตามที่ได้นัดกันไว้ เมื่อข้าพเจ้าได้นั่งสนทนากับมองซิเออร์คอนซตันซ์สักครู่หนึ่ง ก็ได้เห็นท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศเดินเข้ามา เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้คนไปเชิญมา อีกสักครู่หนึ่งบาดหลวงตาชากับบาดหลวงเยซวิตอีก ๓-๔ คนก็ได้เดินเข้ามา ฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์หาได้พูดเรื่องการค้าขายซึ่งพูดค้างอยู่กับข้าพเจ้าไม่ แต่กลับไปพูดเรื่องอื่นๆ และได้ถามข้าพเจ้าว่า ได้มีคนแทนพวกเข้ารีตที่เมืองตังเกี๋ย ๒ คน ได้มายื่น คำร้องต่อข้าพเจ้าและมองซิเออร์เดอลาลูแบ ขอให้แต่งบาดหลวงเยซวิตเป็นมิชันนารีไปเมืองตังเกี๋ยจริงหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ในข้อนี้ข้าพเจ้ายังไม่เคยได้ยินใครพูดเลยมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้อธิบายความประสงค์ของคนแทนพวก เข้ารีต และได้ชี้แจงว่าการที่ปล่อยให้พวกเข้ารีดล้มตายโดยไม่มี ใครช่วยชี้หนทางขึ้นสวรรค์นั้น เป็นการทารุณร้ายกาจมาก บาดหลวงตาชาจึงได้พูดหนุนความเห็นมองซิเออร์คอนซตันซ์แล้วบาดหลวงตาชาจึงได้หันไปพูดกับสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ขอให้ท่านสังฆราชได้ออกคำสั่ง ให้ส่งบาดหลวงเยซวิตไปยังประเทศ


๑๗๕ ตังเกี๋ย เพื่อให้ไปช่วยชี้ทางขึ้นสวรรค์ให้แก่พวกเข้ารีต เพราะพวกเข้ารีดได้ขอพวกเยซวิตเข้ามาแล้ว ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศอึกอักอยู่นานไม่ใคร่จะตอบเป็นเด็ดขาดได้เลย แล้วท่านสังฆราชจึงได้พูดกับบาดหลวงตาชาว่าจะได้เอาคำสั่งที่ได้รับมาจากสำนักกรุงโรมมาให้บาดหลวงตาชาดู เมื่อบาดหลวงตาชาได้เห็นคำสั่งแล้ว จะเห็นควรทำอย่างไรต่อไปสังฆราชจะได้ปฏิบัติตาม มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้พูดกับท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศว่า สำนักกรุงโรมได้ห้ามพวกหัวหน้าคณะเยซวิต มิให้ส่งนักพรตไปยังเมืองตังเกี๋ยก็จริงอยู่ แต่ข้อห้ามอันนี้มิได้ห้ามไม่ให้ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ส่งบาดหลวงเยซวิตออกไปเป็นมิชันนารีอาปอศตอลิกยังเมืองตังเกี๋ย ดุจเดียวกับที่เคยได้ส่งบาดหลวงสามัญไปแล้ว และในเวลานี้พวกบาดหลวงเยซวิตก็ยอมอาสาจะออกไป ด้วยคิดจะไปทำทานแก่พวกเข้ารีด เพราะพวกเข้ารีตได้เร่งขอให้มีบาดหลวงออกไปอยู่แล้ว การที่ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศยกเหตุผลมาอ้าง เพื่อจะไม่ส่งบาดหลวงออกไปนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่เห็นเป็นการขัดข้องอย่างใดเลยเพราะเหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้สำนักกรุงโรมต้องถอนบาดหลวงเยซวิตปอตุเกตออกจากเมืองตังเกี๋ย ไม่ได้เกี่ยวแก่พวกเยซวิตที่ขอให้ท่านสังฆราชส่งออกไปเลย เพราะพวกเยซวิตเหล่านี้ได้สาบาลตัว


๑๗๖ แล้ว อันเป็นสิ่งที่บาดหลวงเยซวิตปอตุเกตมิได้ยอม เพราะพวกเยซวิตปอตุเกตได้รับคำสั่งจากสังฆราชเมืองโกอาห้ามมิให้สาบาล ถ้าขืนสาบาลก็จะต้องถูกขับไล่ออกจากวัดดังนี้ เหตุผลต่าง ๆ ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ยกมาอ้างนี้ ก็ตรงกันกับที่ข้าพเจ้าและมองซิเออร์เดอลาลูแบได้ยกมาอ้าง เพื่อขอให้ท่านสังฆราชได้ส่งบาดหลวงเยซวิตออกไปเมืองตังเกี๋ย ซึ่งนับว่าเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากอยู่ ท่านสังฆราชเห็นจวนตัวเข้าเต็มทีแล้วก็ไม่มีคำใดที่จะตอบลบล้างเหตุผลที่มองซิเออร์คอนซตันซ์อ้างนั้นได้ จึงได้นิ่งอยู่ หาได้ตอบประการใดไม่ ในระวางที่ท่านสังฆราชนิ่งอยู่นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์กับบาดหลวงเยซวิต ก็มารบเร้าขอให้ข้าพเจ้าช่วยพูดกับท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ เพื่อให้ท่านสังฆราชได้จัดการตามความประสงค์ด้วย ฝ่ายข้าพเจ้าเองก็อึกอักในใจอยู่บ้าง เพราะข้าพเจ้าจะขอให้ท่านสังฆราชได้ปฏิบัติในสิ่งที่ได้ทำไปแล้วอย่างไรได้ เพราะเรื่องที่จะส่งบาดหลวงเยซวิตไปเมืองตังเกี๋ยนั้น ก็หมดปัญหาเป็นอันตกลงจะได้ส่งอยู่แล้ว หากว่าเป็นเรื่องที่ปิดมิให้มองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชารู้เท่านั้นข้างฝ่ายมองซิเออร์คอนซตันซ์และพวกบาดหลวงเยซวิตเห็นว่า ข้าพเจ้านิ่งอยู่มิได้ช่วยพูดอ้อนวอนสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ ก็ไปเข้าใจเสียว่า ข้าพเจ้าไม่ยอมช่วยในการที่จะให้ตั้งคณะเยซวิตที่เมืองตังเกี๋ยขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นการที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสต้องพระ


๑๗๗ ราชประสงค์นัก ข้าพเจ้าจะนิ่งอยู่ไม่ได้ จึงได้ทำความตกลงในใจเดี๋ยวนั้นเองว่า จะทำอย่างไรต่อไป ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชาว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบและตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้พูดกับท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศ และยกเหตุผลอันมีน้ำหนักให้ท่านสังฆราชฟังหลายครั้งหลายหนแล้ว เพื่อจะได้ให้ท่านสังฆราชจัดการตามความประสงค์ของมองซิเออร์คอนซตันซ์และบาดหลวงตาชา เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาเรื่องนี้มาพูดกับท่านสังฆราชอีก ก็จะเป็นความซ้ำชากทำให้ท่านสังฆราชเบื่อหน่ายเปล่า ๆ เพราะเหตุผลอย่างอื่นที่จะยกมาอ้างต่อท่านสังฆราชอีกก็ไม่มีแล้ว ส่วนท่านสังฆราชนั้นเป็นผู้ที่เข้าใจได้ดีว่า หน้าที่ของตัวจะต้องทำประการใด ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่า ท่านสังฆราชคงจะพยายามจัดการให้ได้ตามความประสงค์ของพวกเยซวิตทุกอย่าง และยิ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ้างถึงพระราชประสงค์ของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ด้วย เพราะฉะนั้นท่านสังฆราชคงจะยิ่งพยายามจัดการให้เป็นผลสำเร็จหนักขึ้น ในทันใดนั้นท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ท่านสังฆราชได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว จะทำอย่างอื่นอีกไม่ได้ นอกจากนี้ท่านสังฆราชไม่จำเป็นจะต้องอธิบายให้ยืดยาวไปกว่านี้ ๒๓


๑๗๘ มองซิเออร์คอนซตันซ์กับพวกเยซวิตได้ฟังท่านสังฆราชพูด เช่นนี้ ก็เข้าใจว่าเป็นคำปฏิเสธของท่านสังฆราชจะไม่ยอมส่งบาดหลวงออกไปเมืองตังเกี๋ย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงแสดงกิริยาโกรธเคืองผู้ที่กีดกันไม่ยอมให้ตั้งคณะเยซวิตที่เมืองตังเกี๋ยขึ้นใหม่ การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แสดงความโกรธเช่นนี้ ท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศหาได้โต้ตอบประการใดไม่ อีกสักครู่ ๑ ท่านสังฆราชก็ลากลับไป และข้าพเจ้าก็ทำการปรึกษาหารือกับมอง ซิเออร์คอนซตันซ์ต่อไป รุ่งขึ้นณวันที่ ๗ เดือนธันวาคม ข้าพเจ้าได้ไปฟังสวดที่คณะเยซวิต มองซิเออร์คอนซตันซ์ทราบว่าข้าพเจ้าได้ไปที่วัด จึงได้ให้คนไปคอยดักข้าพเจ้าที่หน้าวัด พอข้าพเจ้าได้เดินออกมาจากโบสถ์ คนที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ไปคอยดักข้าพเจ้านั้น ก็ได้บอกกับข้าพเจ้าว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์อยากพบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ถามคนใช้ว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์อยู่ที่ไหน ก็ได้ความว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์อยู่ที่บ้าน ข้าพเจ้าจึงได้ไปยังบ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นั้นเอง ได้พบมองซิเออร์คอนซตันซ์กำลังโกรธอยู่ เพราะได้มีคนมารายงานว่า ปืนใหญ่กับลูกแตกซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซืได้ขอไปสำหรับไปถวายให้พระเจ้ากรุงสยาม ทอดพระเนตร์นั้น ไม่มีพาหนะที่จะบรรทุกเอาขึ้นไปที่เมืองลพบุรีได้


๑๗๙ พอมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เห็นข้าพเจ้าก็ได้พูดตัดพ้อต่อว่าๆในหนังสือที่ทำเปนคำสั่งซึ่งเราได้มอบให้บาดหลวงตาชามายื่นต่อมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น ได้มีข้อความกล่าวถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยาม และได้กล่าวถึงลูกแตก ปืนใหญ่ และทหารปืนใหญ่ด้วย แต่ถึงดังนั้นเจ้าพนักงานฝรั่งเศสไม่ใคร่จะยอมให้เอาลูกแตกกับปืนใหญ่ขึ้นจากเรือเลย ทั้งนายทหารผู้บังคับกองทหารปืนใหญ่ ก็คิดจะกลับไปประเทศฝรั่งเศสและจะพาพลทหารปืนใหญ่ไปเสียด้วย โดยอ้างว่าพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้มีรับสั่งให้พากลับไปดังนี้ การที่เป็นไปดังนี้ไม่ตรงกับความในหนังสือของเราเลย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ขอให้ข้าพเจ้าชี้แจงว่า เหตุใดการจึงได้เป็นดังนี้ไปได้ เพราะเมื่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งสิ่งของมาถวายพระเจ้ากรุงสยามแล้ว พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะมีรับสั่งให้เอาของเหล่านั้นกลับไปประเทศฝรั่งเศส อย่างไรได้ ในเวลาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดอยู่นั้น ก็ได้ถือหนังสือคำสั่งที่เราได้มอบไว้กับบาดหลวงตาชาอยู่ในมือ และในหนังสือนั้นก็มีกล่าวถึง ลูกแตก ปืนใหญ่ และทหารปืนใหญ่จริง ๆ ด้วย และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะถือเอาความในหนังสือฉะบับนี้เปนหลักต่อ ไป แต่หนังสือฉะบับนี้แต่เดิม ๆ มาก็ไม่มีใครพูดถึงเลย พึ่งจะมาโผล่ในคราวนี้เอง และเป็นหนังสือที่บาดหลวงตาชาได้บอกกับเรา


๑๘๐ ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ยอมรับ ข้าพเจ้าได้นึกปลาดใจเป็นอันมาก ที่บาดหลวงตาชามิได้พูดความจริงกับเราเช่นนี้ และในชั้นต้นบาดหลวงตาชาก็มิได้ส่งหนังสือฉะบับนี้ให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ต่อมีเหตุซึ่งจะทำการให้ขัดต่อราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ บาดหลวงตาชาจึงได้ส่งหนังสือให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ยึดถือไว้เป็นหลัก ถึงการจะเป็นอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ได้ตกลงในใจว่าจะได้ชี้แจงให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจเหตุการณ์ทั้งปวง ดังข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้ทำความตกลงกันไว้แล้ว ข้าพเจ้าจึงอธิบายแก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็ดี ปืนใหญ่ก็ดี ลูกแตกก็ดี กองทหารปืนใหญ่ก็ดี และสิ่งของต่าง ๆ ที่มีบรรยายอยู่ในหนังสือฉะบับนั้นก็ดี เป็นสิ่งของที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาถวายพระเจ้ากรุงสยาม สำหรับให้ช่วยพระเจ้ากรุงสยามปราบและสู้รบกับข้าศึก แต่สิ่งของเหล่านี้จะต้องจำแนกแยกว่า สิ่งใดที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาสำหรับประจำอยู่ในเมืองไทย และสิ่งใดที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาไว้ชั่วคราว และซึ่งมีคำสั่งไว้ให้พากลับไปประเทศฝรั่งเศส ก็เมื่อได้แยกของต่าง ๆ เป็น ๒ ประเภท แล้ว เรือรบของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสอย่าง ๑ ลูกแตกอย่าง ๑ ปืนใหญ่อย่าง ๑ กองทหารปืนใหญ่อย่าง ๑ เป็นของที่ตกอยู่ในประเภทที่ ๒ คือเป็น


๑๘๑ สิ่งของที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งมาชั่วคราว และจะต้องพากลับไปยังประเทศฝรั่งเศส กองทหารปืนใหญ่นั้นเล่าก็อยู่ในงบทหารเรือ จึงเป็นส่วน ๑ ของกองทหารและกะลาสีที่ประจำอยู่ในเรือรบ และส่วนลูกแตกกับปืนใหญ่นั้น ก็เป็นส่วน ๑ ของอาวุธและเครื่องใช้สำหรับประจำเรือรบ เพราะฉะนั้นถ้าจะถือว่ากองทหารปืนใหญ่ ลูกแตกและปืนใหญ่ เป็นสิ่งที่จะต้องเอาไว้เมืองไทยแล้ว ก็จะต้องเอาเรือรบของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไว้ในเมืองไทยเสียด้วยจึงจะได้ เพราะผู้บังคับการกองทัพเรือก็ได้รับคำสั่ง ให้มาช่วยพระเจ้ากรุงสยามต่อสู้กับศัตรูเท่านั้น พระราชดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสในเรื่องนี้ก็มีว่า ให้มองซิเออร์เดฟาชและกองทหารฝรั่งเศสประจำอยู่ในเมืองไทยต่อไป แต่เรือรบพร้อมด้วยลูกแตก ปืนใหญ่ และทหารปืนใหญ่นั้น ให้กลับไปยังประเทศฝรั่งเศสให้ทันฤดู เมื่อข้าพเจ้าได้ชี้แจงแก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ถามดังนี้แล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงหันไปพูดกับนายทหารฝรั่งเศสซึ่งอยู่ในที่นั้นพร้อมด้วยมองซิเออร์เดฟาช และมองซิเออร์เดอลาชาล และได้ถามว่า ท่านเหล่านี้ได้รับคำสั่งมาจากพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ให้มาปฏิบัติการตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงสยามหรือไม่ แต่คำถามของมองซิเออร์คอนซตันซ์นี้ ได้ถามลอย ๆ มิได้ถามใครโดยฉะเพาะ แต่ก็ดูเหมือนจะถามมองซิเออร์เดอลาซาล


๑๘๒ เพราะท่านผู้นี้อยู่ใกล้กับมองซิเออร์คอนซตันซ์มากกว่าผู้อื่น แต่เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ถามลอย ๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีใครตอบจนคนเดียว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็โกรธหนัก เพราะไม่มีใครตอบจึงได้หันไปถามมองซิเออร์เดอลาซาลว่า " ก็ท่านล่ะ ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงสยามหรือไม่ " มองซิเออร์เดอลาชาลก็อึกอักไม่รู้จะตอบว่ากะไร มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น มองซิเออร์เดอลาซาลจึงได้ตอบว่าถ้าพระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งให้ทำราชการของพระองค์อย่างใดแล้วมองซิเออร์เดอลาชาลก็จะต้องทำตามรับสั่ง ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าขืนปล่อยให้พูดกันไป ก็จะเกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า "มอง ซิเออร์เดฟาชได้รับคำสั่งมาให้ปฏิบัติการทั้งปวงตามรับสั่งของพระเจ้ากรุงสยามแล้ว เพราะฉะนั้นมองซิเออร์เดฟาชจะได้ทำการตามรับสั่งของพระเจ้ากรุงสยามทุกอย่าง แต่ธรรมเนียมในประเทศฝรั่งเศสนั้น นายทหารผู้น้อยจะรับคำสั่งตรงจากพระเจาแผ่นดินไม่ได้ แต่จะต้องรับคำสั่งจากหัวหน้าหรือนายกองของตัว ยกตัวอย่างเช่นพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะสั่งการไปในสนามรบก็ดี หรือจะสั่งการไปยังกองทัพก็ดี ก็ต้องมีรับสั่งไปยังแม่ทัพหรือผู้ที่เป็นหัวหน้าอยู่ในที่นั้น แม่ทัพหรือผู้เป็นหัวหน้าจึงสั่งนายทหารซึ่งอยู่ใน


๑๘๓ บังคับบัญชาตัวอีกต่อไป เพราะฉะนั้นในที่นี้ถ้พระเจ้ากรุงสยามจะทรงมีรับสั่งให้ทำประการใด ก็จะต้องรับสั่งแก่มองซิเออร์เดฟาชและมองซิเออร์เดฟาชจะต้องเป็นหน้าที่จัดการให้เป็นไปตามรับสั่ง ต่อไป " มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ถามข้าพเจ้าว่า ที่ประเทศฝรั่งเศสเสนาบดีไม่เคยสั่งการในนามของตัวเองในสิ่งที่เป็นราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ต่อนายทหารบ้างเลยหรืออย่างไร ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า เสนาบดีฝรั่งเศสมีอำนาจปกครองบังคับบัญชานายทหารและเจ้าพนักงานของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็จริงอยู่ แต่ถึงดังนั้น เสนาบดีฝรั่งเศสไม่เคยออกคำสั่งโดยลำพังของตัวเองเลยแต่คำสั่งเรื่องใดที่เสนาบดีสั่งไปนั้น ก็ต้องเป็นคำสั่งในพระนามของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทุกเรื่อง และเมื่อจะมีคำสั่งไปอย่างใดแล้ว เสนาบดีฝรั่งเศสก็มิได้สั่งแก่ผู้น้อย แต่ต้องสั่งไปยังหัวหน้าซึ่งประจำอยู่ที่ตำบลนั้น ๆ ที่ข้าพเจ้าได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ดังนี้ ก็เพื่อจะให้หมดกระหายที่อยากสั่งการต่าง ๆ ตรงต่อนายทหารที่ประจำกองอยู่โดยไม่ให้หัวหน้าของกองทราบเลย อันเป็นวิธีที่ผิดด้วยระเบียบราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และผิดด้วยพระราชดำริของพระเจ้ากรุง ฝรั่งเศสด้วย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงตอบด้วยความขัดเคืองว่า ไม่ต้องการ


๑๘๔ พวกฝรั่งเศสในเมืองไทยที่จะไม่ยอมทำตามคำสั่งของตัว และที่พูดเช่นนี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็หันหน้าไปพูดกับนายทหารฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเวลาเหมาะที่ข้าพเจ้ากำลังพูดอยู่กับบาดหลวงตาชา ข้าพเจ้าจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย มิฉะนั้นข้าพเจ้าก็จำเป็นจะต้องตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์อย่างแรง ซึ่งจะไม่เป็นการทำให้ความสามัคคีดีขึ้นได้เลย ข้าพเจาได้พาบาดหลวงตาชาออกไปห่างจากมองซิเออร์คอนซตันซ์ และได้ชี้แจงให้บาดหลวงตาชาเข้าใจว่า ที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดเช่นนี้ไม่ถูกเลย แล้วข้าพเจ้าจึงได้หาโอกาสเลี่ยงกลับไปเสียโดยมิได้ล่ำลามองซิเออร์คอนซตันซ์ ครั้นเวลาเย็นข้าพเจ้าได้พบมองซิเออร์คอนซตันซ์อีก จึงได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์สองต่อสองว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดเช่นนี้ไม่เป็นการถูกต้องอย่างใดเลย ในเวลานั้นดูมองซิเออร์คอนซตันซ์ค่อยสงบโทษะลงบ้างแล้ว จึงได้แก้ตัวว่าเรื่องปืนใหญ่กับลูกแตกนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยามไว้แล้วว่า จะเอาไปถวายให้ทอดพระเนตร์ เมื่อทอดพระเนตร์เสร็จแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะจัดส่งปืนใหญ่กับลูกแตกไปไว้ที่เรืออย่างเดิม ข้าพเจ้าก็หาได้โต้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ประการใดไม่เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า มองซิเออร์เดฟาชได้ให้คนไปเอาปืนใหญ่


๑๘๕ และลูกแตกมาแล้วเพราะฉะนั้นถ้าข้าพเจ้าจะขืนพูดไปก็จะเป็นเรื่องขัดใจกันเปล่า ในวันนี้เองข้าพเจ้าได้หาโอกาสพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ขอให้จัดการให้เราได้เฝ้าเพื่อทูลลาพระเจ้ากรุงสยามกลับไปประเทศฝรั่งเศส มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่าจะต้องกราบทูลเสียก่อน รุ่งขึ้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดให้เราเฝ้าทูลลาในวันที่ ๑๐ ธันวาคม.


งานนี้เป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากต้องด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

  • (๑) เป็นภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรก (หรือวันที่มีการเผยแพร่งานครั้งแรก) แล้วแต่ว่ากรณีใดปรากฏก่อน
  • (๒) เป็นงานศิลปประยุกต์ ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับยี่สิบห้าปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๓) เป็นงานโดยผู้ไม่เปิดเผยชื่อหรือผู้ใช้นามแฝง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับห้าสิบปี นับแต่วันสร้างสรรค์หรือเผยแพร่ครั้งแรก
  • (๔) เป็นงานในหมวดหมู่อื่น ๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายถึงแก่ความตายมากว่าห้าสิบปีแล้ว
  • (๕) เป็นกรณีที่ผู้สร้างสรรค์งานนี้ไม่ปรากฏ ผู้สร้างสรรค์งานนี้เป็นนิติบุคคล หรือตายก่อนการเผยแพร่งาน ประกอบกับงานนี้มีอายุอย่างน้อยห้าสิบปี นับแต่วันเผยแพร่งานครั้งแรก