ข้ามไปเนื้อหา

พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา/ภาค 2/บท 3

จาก วิกิซอร์ซ
แผ่นดินสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๗ (พระศรีสุธรรมราชา)

พระศรีสุธรรมราชาก็ได้ผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา ตรัศให้สมเด็จพระนารายน์ราชนัดดาเปนมหาอุปราช สมเด็จพระนารายน์เปนเจ้าก็เสด็จไปอยู่พระราชวังบวรสถานมงคล อยู่มาสองเดือนเศษ สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาพระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตรเห็นพระราชกัลยาณี น้องพระนารายน์ราชนัดดา ทรงพระรูปศิริวิลาศเลิศนารี ก็มีพระไทยเสน่หาผูกพัน ปราศจากลัชชีสมโภค จึงให้หาขึ้นไปบนที่ หวังจะร่วมรศสังวาศด้วยพระราชกัลยาณี ๆ มิได้ขึ้นไป หนีลงมาพระตำหนัก แล้วบอกเหตุกับพระนม ๆ จึงเชิญพระราชกัลยาณีเข้าไว้ในตู้พระสมุด แล้วหามออกมา แสร้งว่า จะเอาพระสมุดไปยังพระราชวังบวรสถานมงคล นายประตูก็มิได้สงไสย ครั้นไปถึงพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว พระราชกัลยาณีก็ออกจากตู้เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงพระกรรแสงทูลประพฤดิเหตุทั้งปวงซึ่งสมเด็จพระเจ้าอาวเปนพาลทุจริต สมเด็จพระนารายน์บรมบพิตรเปนเจ้าได้ทรงฟังก็ทรงพระโทมนัศน้อยพระไทยนัก จึงตรัศว่า อนิจจาพระเจ้าอาว เราคิดว่า สมเด็จพระบิตุราชสวรรคตแล้ว ยังแต่พระเจ้าอาวก็เหมือนพระบรมราชบิดายังอยู่ จะได้ปกป้องพระราชวงษานุวงษสืบไป ควรฤๅมาเปนดังนี้ พระองค์ปราศจากหิริโอตัปปแล้ว ไหนจะครองสมบัติเปนยุติธรรมเล่า น่าที่จะร้อนอกสมณชีพราหมณอาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเปนแท้ จะละไว้มิได้ ด้วยพระองค์ก่อแล้วจำจะสามตาม จึงเสี่ยงเอาพระบารมีเปนที่พึ่ง ทรงพระราชดำริห์แล้ว จึงให้หาขุนนางเข้ามาในพระราชวัง ตรัศแจ้งประพฤดิเหตุซึ่งจะทำยุทธนั้น ขุนนางทั้งหลายได้แจ้งในรับสั่งดังนั้น ต่างคนก็ทูลอาสาขอเอาชีวิตรเปนแดนแทนพระคุณทุกคน สมเด็จพระนารายน์เปนเจ้าได้ทรงฟัง มีพระไทยปราโมทย์ยิ่งนัก ตรัศให้กระทำมงคลแต่งใส่รี้พลทั้งปวงเปนสำคัญ แล้วให้เอาใบสเดาเปนประเจียดสำหรับเมื่อยุทธนั้น เพราะเหตุว่า พระศรีสุธรรมราชาธิราชไซ้พระชนมวารวันศุกร แลใบสเดานั้นเปนนามพุฒ แลศุกรไซ้สิ้นกำลังในพุฒนาม เพื่อจะประหารนามแห่งอริราช ครั้นแล้ว สมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็ให้สักการบูชาพระศรีรัตนไตรย แลพระอิศวร พระนารายน์เปนเจ้า แลเทพยดาผู้มีฤทธิสิทธิศักดิทั้งปวง ดำรัศสั่งขุนเสนาไชย ขุนจันทราเทพ ขุนทิพมนตรี ขุนสิทธิคชรัตน ขุนเทพศรีธรรมรัตน ให้คุมไพร่พลร้อยหนึ่งอยู่รักษาพระราชวังบวรสถานมงคล ในวันพฤหัศบดี เดือนสิบสอง ขึ้นสิบค่ำ เพลาชายแล้วห้านาฬิกาเศษ สมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็แต่งพระองค์สรรพสำหรับการพิไชยยุทธ จึงทรงพระสิโตทกอธิษฐาน แล้วก็เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลไอยรา ตรัศให้พระเทพเดชะเปนกลางช้างพระที่นั่ง ขุนพระศรีควาญ แลตรัศให้สมเด็จพระอินทราธิราช ผู้เปนพระอนุชา ทรงช้างต้นพังกระพัดทอง ขุนพรหมธิบาลเปนกลางช้างพระที่นั่ง หมื่นเทพกุญชร ควาญ ตรัศให้เมืองมโนรมย์ขี่ช้างต้นพลายพรหมภักตร นายไทย มหาดเล็ก เปนกลางช้าง นายมปราง ควาญ หมื่นราญกุญชรขี่ช้างต้นพังตลับนำช้างพระที่นั่ง ครั้นได้ศุภวารมหุรดิฤกษ์เพลาอันประเสริฐ ก็เสด็จกรีธาพลพยุหบาตรา สรรพด้วยเครื่องราโชประโภค แลประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ จึงเสด็จพระราชดำเนินโดยทวารพิพิธ ยาตราไปโดยทางน่าวัดพลับพลาไชย จึงพระยาเสนาภิมุข พระยาไชยาสูร คุมยี่ปุ่นสี่สิบมากราบบังคมทูลขออาสาราชการ แล้วหลวงพิชิตเดชะออกมากราบบังคมทูลขออาสาราชการ แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชีกุน.

ฝ่ายสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชรู้ว่า สมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าเสด็จยกเข้ามาแต่พระราชวังบวรสถานมงคล ก็สั่งแก่พระมหาเทพ หลวงอินทรเดชะ ให้เอาขุนบำเรอภักดี แลอ้ายมั่น ผู้ทาษขุนบำเรอภักดี ไปพิฆาฏเสียน่าบางตรา แลขุนบำเรอภักดีก็หนีรอด จึงไปกราบถวายบังคมสมเด็จพระบรมบพิตรพระเปนเจ้าถึงน่าวัดฉัททันต์ ได้แต่อ้ายมั่น ทาษขุนบำเรอภักดีนั้น ไปพิฆาฏเสีย แลสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้ามาหยุดช้างต้นณน่าพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท แล้วก็เสด็จขึ้นอยู่ณพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาทนั้น พระยาอนันทกยอสู พระยาอนันทกยอถ่าง มากราบถวายบังคม จึงตรัศใช้พระยาอนันทกยอสู พระยาอนันทกยอถ่าง พระราชมนตรี หลวงโยธาทิพ หลวงอมรวงษา หลวงพิชิตเดชะ ขุนรักษ์ ขุนทรงพานิช ขุนสนิทวาที มิรยาฝัน เม้าลา มักเมาะตาด คุมไพร่พลให้ไปอยู่ณด้านศาลาลูกขุน ให้ราญาลีลาคมศรีตวน แลแขกชวา แขกจาม อยู่น่าด้านน่าพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท ให้หลวงเทพวรชุณคุมไพร่พลอยู่ประตูศรีสรรทวาร ให้พระจุฬา พระพนัง คุมไพร่สารวัดหลังวัดพระรามาวาศ ให้ขุนอินทรธิบาลคุมไพร่พลสารวัดแต่ประตูแสดงรามจนถึงประตูหอพระ แลฝ่ายไพร่พลข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชแลไพร่พลข้างสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็ได้รบพุ่งกันแต่ค่ำจนรุ่ง แลยี่ปุ่นคุมกันเข้ามาอาสาได้เข้าช่วยรบพุ่งณด้านราญาลีลานั้น ไพร่พลล้มตายบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย จึงสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าตรัศสั่งขุนจันทราเทพแลพันทิพราชเอาปืนใหญ่สามบอกตั้งณท้องสนามยิงเข้าไปในพระราชวังเปนหลายนัด ครั้นยิงเข้าไปครั้งใด ควันเพลิงนั้นเห็นโชติไปประดุจฉัตร สำแดงศุภนิมิตรรซึ่งจะมีไชยชำนะ จึงสมเด็จพระบรมบพิตรพระเปนเจ้าทรงช้างต้นพระที่นั่ง ตรัศสั่งให้พระเทพเดชะเปนกลางช้างพระที่นั่ง ขุนพระศรี ควาญ ให้ขุนอินทรธิบาลเปนกลางช้างสมเด็จพระอนุชาธิราช หมื่นเทพกุญชร ควาญ แลเสด็จยืนช้างต้นอยู่ณน่าพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท ครั้นเพลาชายแล้วประมาณนาฬิกาเศษ มีผู้มากราบทูลสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชทรงช้างออกมายืนอยู่ณหลังศาลหลวง จึงสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็ขับช้างพระที่นั่งเข้าไปถึงนอกกำแพงศาลหลวง ไพร่พลทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งต่อแย้งกัน แลทหารอาสาสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็ยิงปืนนกสับต้องพระพาหุสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราช ฝ่ายทหารข้างพระศรีสุธรรมราชาธิราชก็ยิงปืนนกสับต้องหลังพระบาทซ้ายสมเด็จพระบรมบพิตรพระเปนเจ้าเผินไปน่อยหนึ่ง แลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชก็กลับช้างเข้าไปในพระราชวัง แลไพร่พลฝ่ายข้างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชก็แตกฉานซ่านเซนหนีเข้าไปในพระราชวัง แล้วก็ให้ปิดประตูพระราชวังไว้ จึงสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าก็เสด็จคืนมายังพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท จึงพระไตรภูวนาทิตยวงษ์เสด็จทรงช้างออกมาแต่ในพระราชวังก็มาถวายบังคม สมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าจึงตรัศใช้ให้ทหารอาสาสุมกันไปทำลายประตูพระราชวังเข้าไปให้ได้ แลทหารอาสาทั้งปวงก็เข้าไปถึงประตูพลทวาร ก็กทุ้งประตูพลทวาร พอพระสิทธิไชยเปิดประตูพลทวารออกมาบอกว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชหนีลงไปณวังหลังแล้ว ทหารก็กรูกันเข้าไปในพระราชวังได้ นายแก้วก็นำพระสิทธิไชยออกมาถวายบังคมสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าณพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์มหาปราสาท แลนายแก้ว มหาดเล็ก กราบทูลแก่สมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าว่า ทหารอาสาเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว แลพระสิทธิไชยบอกว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชหนีลงไปวังหลัง จึงสมเด็จบรมบพิตรพระเปนเจ้าเสด็จเข้าในพระราชวังหลวง เสด็จขึ้นพระราชมนเฑียรพระวิหารสมเด็จ ในวันเดียวนั้น เสนาบดีก็ไปตามสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาธิราชได้ณวังหลัง ก็ให้เอาไปสำเร็จโทษณวัดโคกพระยาตามประเวณี พระศรีสุธรรมราชาธิราชเสวยราชสมบัติได้สองเดือนกับยี่สิบวัน.