ข้ามไปเนื้อหา

หนังสือราชกิจจานุเบกษา/เล่ม 1/แผ่นที่ 7

จาก วิกิซอร์ซ

ราชกิจจานุเบกษา
กรุงเทพมหานคร
 

เล่มที่ ๑
แผ่นที่ ๗
วันจันทร เดือน ๘ แรม ๑ ค่ำ ปีจอฉศก

หนังสือราชกิจจานุเบกษานี้ตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์หลวงในพระบรมมหาราชวัง จะออกเดือนละ ๔ ครั้งตามกำหนดทุกเดือน ราคาตลอดปี ๔๘ ฉบับ สองตำลึง ครึ่งปี ๒๔ ฉบับ ราคาห้าบาท สามเดือน ๑๒ ฉบับ ราคาสามบาท ใบหนึ่งจนถึงสามใบ ๆ ละสลึงเฟื้อง ถ้าต้องไปส่งถึงบ้าน ปีหนึ่งค่าจ้างกึ่งตำลึง ครึ่งปีหกสลึง สามเดือนบาทหนึ่ง ถ้าผู้ใดจะต้องการ ก็ให้มาที่โรงพิมพ์หลวงในพระบรมมหาราชวังเทอญ ๚ะ

ศุภมัศดุ จุลศักราช ๑๒๓๕ กุกุฏสังวัจฉระกะติกะมาศกฤษณปักษพาระสีดิถีรวิวารปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษ วรุตมพงษบริพัต วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสดจออกณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมหัยสวริยพิมานโดยสฐานอุตราภิมุข พระบรมวงษานุวงษแลท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าพร้อมกันโดยลำดับ จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาททรงประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยให้ทราบทั่วกันว่า ตั้งแต่ได้เสดจเถลิงถวัลยราชสมบัติมา ก็ตั้งพระราชหฤไทยที่จะทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้มีความศุกความเจริญแก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งสมณชีพราหมณ์ประชาราษฎรทั้งปวงทั่วไป การสิ่งไรที่เปนการกดขี่แก่กันให้ได้ความยากลำบากนั้น ทรงพระดำริห์จะไม่ให้มีแก่ชนทั้งหลายในพระราชอาณาจักรต่อไป ด้วยได้ทรงพระราชดำริหเหนว่า ในมหาประเทศต่าง ๆ ซึ่งเปนมหานครอันใหญ่ในทิศตวันออกตวันตกในประเทศอาเซียนี้ ฝ่ายตวันออก คือ ประเทศจีน ประเทศญวน ประเทศยี่ปุ่น แลฝ่ายตวันตก คือ อินเดิย แลประเทศที่ใช้การกดขี่ให้ผู้น้อยหมอบคลานกราบไหว้ต่อเจ้านายแลผู้มีบันดาศักดิที่เหมือนกับธรรมเนียมในประเทศสยามนั้น บัดนี้ประเทศเหล่านั้นก็ได้เลิกเปลี่ยนธรรมเนียมนั้นหมดทุกประเทศด้วยกันแล้ว การที่เขาได้พร้อมกันเลิกเปลี่ยนธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้นั้น ก็เพราะเพื่อจะให้เหนความดีที่จะไม่มีการกดขี่แก่กันในบ้านเมืองนั้นอีกต่อไป ประเทศใดเมืองใดที่ได้ยกธรรมเนียมที่เปนการกดขี่ซึ่งกันแลกัน ประเทศนั้นเมืองนั้น ก็เหนว่ามีแต่ความเจริญมาทุก ๆ เมืองโดยมาก ก็ในประเทศสยามนี้ ธรรมเนียมบ้านเมืองที่เปนการกดขี่แก่กันอันไม่ต้องด้วยยุติธรรมนั้นก็ยังมีอยู่อีกหลายอย่างหลายประการ จะต้องคิดลดหย่อนผ่อนเปลี่ยนเสียบ้าง แต่การที่จะจัดผลัดเปลี่ยนธรรมเนียมจะให้แล้วไปในครั้งเดียวคราวเดียวนั้นไม่ได้ จะต้องค่อยคิดเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่ควรแก่กาลที่จะเปลี่ยนแปลงได้ บ้านเมืองจึ่งจะได้มีความเจริญสมบูรณยิ่งขึ้นไป แลธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้ในประเทศสยามนี้ เหนว่าเปนการกดขี่แก่กันแขงแรงนัก ผู้น้อยที่ต้องหมอบคลานนั้นได้ความเหน็จเหนื่อยลำบากเพราะจะให้ยศแก่ท่านผู้ใหญ่ ก็การทำยศที่ให้คนหมอบคลานกราบไหว้นี้ ไม่ทรงเหนว่ามีประโยชน์แก่บ้านเมืองแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ผู้น้อยที่ต้องมาหมอบคลานกราบไหว้ให้ยศต่อท่านผู้ที่เปนใหญ่นั้นก็ต้องทนลำบากอยู่ จนสิ้นวาระของตนแล้วจึ่งจะได้ออกมาพ้นท่านผู้ที่เปนใหญ่ ธรรมเนียมอันนี้แล เหนว่าเปนต้นแห่งการที่เปนการกดขี่แก่กันทั้งปวง เพราะฉนั้น จึ่งจะต้องละพระราชประเพณีเดิมที่ถือว่าหมอบคลานเปนการเคารพอย่างยิ่งในประเทศสยามนี้เสีย ด้วยทรงพระมหากรุณาที่จะให้ท่านทั้งหลายได้ความศุข ไม่ต้องทนยากลำบากหมอบคลานเหมือนอย่างแต่ก่อน แลธรรมเนียมที่หมอบคลานนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถเปนยืนเปนเดิน ธรรมเนียมที่ถวายบังคมแลกราบไหว้นั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถเปนก้มสีสะ ธรรมเนียมที่ยืน ที่เดิน แลก้มสีสะนี้ไช้ได้เหมือนกับธรรมเนียมที่หมอบคลานถวายบังคมแลกราบไหว้ บางทีท่านผู้ที่มีบันดาศักดิ์ซึ่งชอบธรรมเนียมที่หมอบคลานกราบไหว้ตามเดิมเหนว่าดีนั้น จะมีความสงไสยสนเท่ห์ว่า การที่เปลี่ยนธรรมเนียมหมอบคลานให้ยืนให้เดินจะเปนการเจริญแก่บ้านเมืองด้วยเหตุไร ก็ให้พึงรู้ว่า การที่เปลี่ยนธรรมเนียมใหม่เลิกหมอบคลานให้ยืนให้เดินนั้น เพราะจะให้เหนเปนแน่ว่าจะไม่มีการกดขี่แก่กันในการที่ไม่เปนยุติธรรมอีกต่อไป เมืองใดประเทศใดผู้ที่เปนใหญ่มิได้ทำการกดขี่แก่ผู้น้อย เมืองนั้นประเทศนั้นก็คงมีความเจริญเปนแน่ ตั้งแต่นี้สืบไปพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งจะเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งแลที่เสดจออกแห่งหนึ่งใด จงประพฤติตามพระราชบัญญัติที่ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดไว้เปนข้อบัญญัติสำรับข้าราชการต่อไปจงทุกข้อทุกประการ จึ่งได้โปรดเกล้าฯ ให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ สมันตพงษพิสุทธ มหาบุรุศย์รัตโนดม ผู้สำเรจราชการแผ่นดิน ตั้งเปนข้อพระราชบัญญัติไว้สำรับแผ่นดินต่อไปดังนี้ ๚ะ

พระราชบัญญัติ์

ข้อว่า พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง เมื่อจะเข้าเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งฤๅที่เสดจออกแห่งใด ๆ ก็ดี เมื่อเดินเข้าไปถึงน่าพระที่นั่งแล้ว ให้ก้มสีสะถวายคำนับครั้งหนึ่ง แล้วจึ่งเดินไปยืนที่ตำแหน่งของตนเฝ้า เมื่อไปถึงที่ยืนเฝ้าแล้ว ให้ก้มสีสะถวายคำนับอีกครั้งหนึ่ง แล้วยืนให้เรียบร้อยเปนปรกติ ห้ามมิให้เดินไปเดินมาแลยืนหันหน้าหันหลังในเวลาที่เสดจออก แลมิให้ยืนเอามือไพล่หลัง แลท้าวเอว แลเอามือไปท้าวผนังแลเสาฤๅที่ต่าง ๆ แลสูบบูหรี่ หัวเราะพูดกันเสียงดัง ต่อน่าพระที่นั่ง ให้ยืนให้เรียบร้อยเปนลำดับตามบันดาศักดิ์ผู้ใหญ่ผู้น้อย ถ้ามีกิจราชการที่จะต้องกราบบังคมทูลพระกรุณาแล้ว ให้เดินออกมาจากที่เฝ้า ยืนตรงน่าพระที่นั่ง ก้มสีสะถวายคำนับ แล้วจึ่งกราบบังคมทูลพระกรุณา เมื่อสิ้นข้อความที่กราบบังคมทูลพระกรุณาแล้ว ให้ก้มสีสะลงถวายคำนับ จึ่งให้เดินถอยหลังมาที่ยืนเฝ้าอยู่ตามเดิม ถ้าจะถวายหนังสือฤๅสิ่งของสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อพระหัถสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ให้ถือสองมือเดินตรงเข้าไปถึงหน้าพระที่นั่งภอสมควร ก้มสีสะลงถวายคำนับก่อน จึ่งถวายของนั้นต่อพระหัถ ถ้าถวายของนั้นเสรจแล้ว ให้เดินถอยหลัง ถ้าเปนที่ใกล้ ให้ถอยหลัง ๓ เก้าฤๅ ๕ เก้าพอสมควร ถ้าเปนที่ไกล ให้ถอยหลังออกมา ๗ เก้า จึ่งกลับหน้าเดินไปยืนตามที่ ถ้าจะมีพระบรมราชโองการดำรัสด้วยผู้หนึ่งผู้ใดที่ยืนอยู่ในที่เฝ้านั้น ก็ให้ผู้นั้นยืนคงอยู่ตามที่ ก้มสีสะถวายคำนับ แล้วจึ่งรับพระบรมราชโองการ เมื่อรับพระบรมราชโองการ กราบบังคมทูลสิ้นข้อความแล้ว ก็ให้ก้มสีสะลงถวายคำนับ อนึ่ง พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงที่ได้เข้ามายืนเฝ้าในเวลาที่เสดจออกอยู่นั้น ถ้ามีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานเก้าอี้ให้นั่ง จึ่งนั่งได้ ห้ามมิให้นั่งลงกับพื้น แลนั่งบนเก้าอี้ ฤๅนั่งที่แห่งใด ๆ ตามชอบใจในเวลาที่เสดจออกต่อน่าพระที่นั่ง แลผู้ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้นั่งเก้าอี้เฝ้าอยู่นั้น นั่งให้เปนปรกติ ห้ามมิให้ยกเท้าขึ้นภับบนเก้าอี้ แลไขว่ห้างเหยียดเท้าตะแคงตัวทำกิริยาหาความสบายให้เกินกิริยาที่นั่งเปนปรกติเปนอันขาด เมื่อเวลาเสดจขึ้น ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับให้พร้อมกัน แต่แขกเมืองประเทศราช เมื่อจะเข้าเฝ้าทูลอองธุลีพระบาท ให้ทำกิริยาคาระวะตามเพศบ้านเมืองของตนก่อน เมื่อทรงพระกรุณาโปรดให้ยืน จึ่งยืนได้ ๚ะ

ข้อพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชตำเนินออกประทับอยู่ที่แห่งใด ๆ ก็ดี ข้าราชการแลมหาดเลกซึ่งเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทอยู่ในที่นั้น ถึงเสดจออกประทับอยู่ช้าหลายชั่วโมง ก็ห้ามมิให้ข้าราชการแลมหาดเลกที่ยืนเฝ้าอยู่นั้นนั่งลงในที่แห่งใด ๆ เปนอันขาด เว้นไว้แต่เปนที่กำบังลับพระเนตรสมเดจพระเจ้าอยู่หัว จึ่งนั่งได้ แลในเวลาที่เสดจออก ทรงประทับอยู่ณที่แห่งใด ๆ นั้น ข้าราชการแลมหาดเลกยืนเฝ้าอยู่ในที่โดยลำดับแล้ว ผู้ซึ่งจะเข้ามาเฝ้าทูลอองธุลีพระบาทภายหลัง ที่มิได้มีราชการที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณา ห้ามมิให้เดินผ่านน่าพระที่นั่งแลเดินผ่านหน้าข้าราชการที่ยืนเฝ้าอยู่ก่อนนั้น ให้เดินหลีกเลี่ยงเข้ายืนตามตำแหน่งของตนที่ควรจะยืน เว้นไว้แต่ผู้ที่รับพระบรมราชโองการ จึ่งเดินผ่านหน้าเพื่อนข้าราชการไปมาได้ ๚ะ

ข้อสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจพระราชตำเนินไปทางสถลมารค์ ข้าราชการแลราษฎรชายหญิงที่จะมาคอยดูกระบวนเสดจพระราชตำเนินก็ดี จะทรงช้าง ทรงม้า ทรงรถ ฤๅจะทรงพระที่นั่งอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี เมื่อเวลาเสดจพระราชตำเนินมาถึงน่าผู้ที่ยืนคอยดูกระบวนเสดจพระราชตำเนินอยู่นั้น ให้คนเหล่านั้นก้มสีสะถวายคำนับจงทุกคน ห้ามมิให้นั่งมิให้ยืนดูกระบวนเสดจพระราชตำเนินบนชานเรือน บนน่าต่างเรือน แลบนที่สูง ที่ไม่ควรจะนั่งจะยืน ถ้าทรงม้า ทรงรถ ไม่มีกระบวนนำกระบวนตามเสดจพระราชตำเนิน ผู้ซึ่งอยู่บนเรือนแลบนที่สูง ไม่ทันรู้ว่าเสดจพระราชตำเนิน แต่ภอแลเหนว่าเปนรถพระที่นั่งฤๅม้าพระที่นั่ง ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับ ห้ามมิให้นั่งมิให้หมอบเปนอันขาด แลในเวลาที่เสดจพระราชตำเนินทรงช้าง ทรงม้า ทรงรถ ฤๅทรงพระที่นั่งอย่างหนึ่งอย่างใดมาในทางสถลมารค์ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดไปบนหลังม้าฤๅไปบนรถ ภบปะกระบวนนำเสดจพระราชตำเนิน ก็ให้หยุดม้าหยุดรถริมทาง ถ้าเสดจพระราชตำเนินมาถึงตรงหน้าแล้ว ให้ถอดหมวกก้มสีสะถวายคำนับอยู่บนรถบนหลังม้า ไม่ต้องลงจากรถจากหลังม้า ต่อเสดจพระราชตำเนินไปสิ้นกระบวนแล้ว จึ่งให้ออกเดินรถเดินม้าต่อไป ถ้าเสดจพระราชตำเนินทางชลมารค์ ข้าราชการแลราษฎรชายหญิงที่อยู่แพอยู่เรือนริมน้ำ ให้ยืนขึ้นก้มสีสะถวายคำนับจงทุกคน ถ้ามาด้วยเรือ ภบกระบวนเสดจพระราชตำเนิน ถ้าเรือเลก ยืนไม่ได้ ก็ให้ถอดหมวกก้มสีสะถวายคำนับในเรือ ไม่ต้องยืน ถ้าเปนเรือใหญ่ ควรจะยืนได้ ก็ให้ยืนขึ้นถวายคำนับตามธรรมเนียม ๚ะ

ข้อข้าราชการ เมื่อจะเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง แลจะออกจากพระบรมมหาราชวัง ฤๅจะไปกิจธุระแห่งหนึ่งแห่งใดก็ดี ถ้าภบท่านผู้มีบันดาศักดิ์ที่ได้เคยทำคำนับยำเกรงตามธรรมเนียมเก่าฉันใด ก็ให้ทำคำนับยำเกรงอย่างธรรมเนียมใหม่ให้เหมือนกัน ธรรมเนียมที่ยืนเหมือนกับนั่งเหมือนกับหมอบ ธรรมเนียมที่เปิดหมวกก้มสีสะเหมือนกับกราบไหว้อย่างแต่ก่อนนั้น ถ้าผู้หญิงจะไปในที่เฝ้าแลภบท่านผู้ใหญ่ ไม่ต้องเปิดหมวก เปนแต่ก้มสีสะลงคำนับ เมื่อกระทำคำนับแล้ว หมวกนั้นจะเปิดก็ได้ไม่เปิดก็ได้ แลผู้คนข้าทาษที่ไช้การงานอยู่ในบ้านเรือนนั้น ก็อย่าให้ท่านผู้ที่เปนเจ้าเปนนายบังคับให้ข้าทาษหมอบคลาน ให้บังคับให้ข้าทาษใช้ยืนใช้เดินตามพระราชบัญญัติซึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งไว้นี้ ให้พระบรมวงษานุวงษข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนฝ่ายน่าฝ่ายในในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวร ให้กระทำตามพระราชบัญญัติ์ประกาศนี้จงทุกประการ ประกาศมาณวันอาทิตย เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ ปีรกาเบญจศก ๚ะ

พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์พร้อมด้วยที่ปฤกษาราชการแผ่นดินว่า ในแผ่นดินพระบาทสมเดจพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงออกเดินสวนตั้งแต่ปีฉลูสัปตศก ครั้นถึงปีมแ ตรีศก พระบาทสมเดจพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสดจเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วเปนปีที่สี่ ในปีนั้นน้ำมาก ท่วมสวนฃองราษฎร ต้นผลไม้ของราษฎรเสียไปเปนอันมาก จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานจัดข้าหลวงรังวัดไม้ตายสักหลังโฉนดไว้ครั้งหนึ่ง บัดนี้คิดตั้งแต่ปีฉลูสัปตศกมาจนถึงปีจอฉศกครบ ๑๐ ปี เปนประเพณีจะต้องจัดข้าหลวงออกเดินรังวัดสวนสำรวจไม้ตายไม้ขึ้นเปลี่ยนน่าโฉนดตราแดงใหม่ จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้จัดข้าหลวงออกรังวัดสวนในปีจอฉศกนี้ แต่ธรรมเนียมเดิมมีท้องตราบังคับว่า ให้แต่งข้าหลวงรังวัดสวนแล้ว ราษฎรบังอาจตัดต้นผลไม้มีอากรซึ่งนายรวางประกาศป่าวร้องห้ามแล้วให้ขาดเงินอากรของหลวงไป ให้ปรับใหมอากรต้นหนึ่งเปนสามต้นสักหลังไว้ในโฉนดเปนไม้โทษ แล้วอย่าให้หักสิบลดให้แก่ราษฎรผู้กระทำผิดนั้นเลย ข้อบังคับเดิมมีอยู่ดังนี้ ทรงพระราชดำริห์เหนว่า ไม้ซึ่งราษฎรจะตัดฟันเสียนั้นก็แต่ที่ไม่มีผล กลัวจะต้องเสียเงินอากร จึ่งได้ลอบลักตัดฟัน จนต้องตั้งมาเปนธรรมเนียมดังนี้ ฝ่ายข้าหลวงไปเดินสวนเล่า ก็คิดแคะไค้จะหาความว่าราษฎรตัดฟันไม้ในระหว่างห้ามปราม ที่ราษฎรลักตัดจริงก็มี ที่ตัดแล้วหลายเดือนหลายปีก็มี เจ้าพนักงานก็ขลุมเอาว่าตัดในเวลาประกาศห้ามปราบทั้งสิ้น ขู่เขญให้ราษฎรกลัวต้องเสียเงินทองให้เปนผลประโยชน์แก่ตัว ก็เปนอันเลิกแล้วสูญกันไป ถ้าที่ราษฎรเจ้าของสวนกลัว ไม่อาจจะตัดฟันไม้ที่เสียลง ก็ทนเสียอากรตลอดไป ราษฎรจึ่งไม่อาจปลูกต้นไม้แซมขึ้นอิกได้ ครั้งนี้ทรงพระราชดำริห์ว่า สวนในกรุงเทพมหานครแลหัวเมืองเจริญขึ้นมาก ราษฎรทำสวนขึ้นใหม่อีกก็มาก ผลไม้ก็มีราคาแพง เปนสินค้าต่างประเทศได้บ้างก็มี ซึ่งราษฎรจะแกล้งตัดฟันต้นไม้ซึ่งมีผลเสียนั้นก็จะไม่เปน จะตัดฟันก็แต่ไม้ที่เสียไม่มีประโยชน์ หวังจะปลูกสร้างขึ้นใหม่ให้เปนประโยชน์แก่ตน ทรงพระราชดำริห์ว่า ถ้าจะยอมให้ราษฎรตัดฟันต้นแลผลไม้ เงินอากรจะตกลงมาน้อยเท่าใด ก็เหนว่าเปนคุณประโยชน์แก่ราษฎรเปนอันมาก จะได้มีใจอุสาหลูกสร้างปลูกสร้างต้นผลไม้ขี้นไหม่ให้มากเปนคุณประโยชน์แก่แผ่นดินอีก จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้ประกาศพระบรมวงษานุวงษข้าทูลอองธุลีพระบาทผู้สำเรจราชการเมืองกรมการแลราษฎรเจ้าของสวนในกรุงแลหัวเมืองให้ทราบทั่วกัน ในปีจอฉศกนี้ จะโปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงออกรังวัดสวนต้นผลไม้ สิ่งไรซึ่งไม่มีผล ราษฎรจะตัดฟันปลูกสร้างขึ้นใหม่นั้น โปรดเกล้าฯ ให้ยกเสีย ไม่ให้ปรับไหมสักหลังโฉนดเปนไม้โทษเหมือนอย่างแต่ก่อน ให้ราษฎรหมั่นปลูกสร้างต้นผลไม้ทำนุบำรุงเรือกสวนของตัวให้มีความเจริญเปนผลประโยชน์แก่ตนต่อไปเทอญ ๚ะ

ประกาศมาณวันอาทิตย ขึ้นค่ำหนึ่ง เดือนแปดปถมาสาธ ปีจอฉศก ศักราช ๑๒๓๖ เปนปีที่เจดในราชการปัตยุบันนี้ ๚ะ

ด้วยพระรัตนโกษาเจ้ากรมพระคลังสินค้าได้นำความเรื่องนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ครั้นความทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว จึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้ตีพิมพ์ประกาศบันดาขุนพัดนายบ่อนราษฎรไทจีนให้รู้ทั่วกันว่า เดิมปีวอกจัตวาศกมีพิกัดแต่ว่า ผู้ใดลักใส่บ่อนต่าง ๆ ถ้าขุนพัดจับได้ ปรับนายบ่อนผู้ลักใส่บ่อนเปนเงิน ๑๐ ตำลึง ให้ปรับนักเลงผู้เล่นเสมอคล ๗ ตำลึง ฝ่ายผู้ซึ่งลักใส่บ่อนแลนักเลงผู้เล่นก็หาเขดหลาบไม่ เพราะค่าปรับนั้นน้อยกว่าเงินที่เล่นได้กันเสียกัน ในจำนวนปีรกาเบญจศกนี้มีพระราชดำรัสสั่งโปรดให้เจ้าพนักงานจัดแก้พิกัดใหม่ ๚ะ

ถ้าบ่อนโปกำโปปั่น ให้ปรับนายบ่อนผู้ลักใส่บ่อนให้เสียเงินค่าสินบล ๒ ชั่ง ค่าปรับ ๓ ชั่ง รวมเปนเงิน ๕ ชั่ง ถ้าบ่อนถั่ว ให้ปรับนายบ่อนผู้ลักใส่บ่อนให้เสียเงินค่าสินบนชั่ง ๑ ค่าปรับ ๒ ชั่ง รวมเปนเงิน ๓ ชั่ง ถ้าบ่อนไพ่ผ่องเลก ไพ่ผ่องใหญ่ ไพ่ฮวนเจียว ไพ่ฮกเกี้ยน ๔ อย่างนี้ ให้ปรับนายบ่อนให้เสียเงินค่าสินบน ๑๐ ตำลึง ค่าปรับชั่ง ๑๐ ตำลึง รวมเปนเงิน ๒ ชั่ง ถ้าบ่อนไพ่จีนต่าง ๆ นอกจากไพ่ ๔ อย่างกับเต๋านั้น ให้ปรับนายบ่อนผู้ลักใส่บ่อนให้เสียเงินค่าสินบน ๗ ตำลึง ค่าปรับชั่ง ๑ รวมเปนเงิน ๗ ตำลึง ถ้าบ่อนกำตัด บ่อนแปดเก้า บ่อนต่อแต้ม บ่อนช้างงา ให้ปรับนายบ่อนผู้ลักใส่บ่อนให้เสิยเงินค่าสินบน ๕ ตำลึง ค่าปรับ ๑๕ ตำลึง รวมเปนเงินชั่ง ๑ เพราะบางทีเจ้าของที่บ้านที่เรือนที่โรงที่ร้านที่ตึกที่แพไปร่วมรู้คบคิดกับขุนพัดนายอากรนายบ่อนไปตั้งบ่อนนัดการเล่นต่าง ๆ แล้วชักชวนนักเลงไทนักเลงจีนมาเล่น ให้ขุนพัดนายอากรนายบ่อนมาจับแล้ว ลงเอาเงินค่าสินบนค่าปรับแก่นักเลงรายตัวตามพิกัดเดิม ครั้นได้เงินค่าสินบนค่าปรับมากน้อยเท่าใดแล้ว ขุนพัดนายอากรนายบ่อนจึ่งแบ่งปันกับผู้ที่นัดนักเลงมาเล่นก็มีบ้าง เพราะฉนั้นจึ่งปรับผู้ลักใส่บ่อนผู้เดียว บางทีผู้ที่ลักตั้งบ่อนต่อสู้ว่าได้บอกขุนพัดนายอากรนายบ่อนแล้วไม่ยอมให้ค่าสินบนค่าปรับต่อฃุนพัดนายอากร ฝ่ายนายบ่อนว่าไม่ได้บอก ความเถียงกันอยู่ดั่งนี้ เจ้าพนักงานจะพิจารณาหาความจริงได้โดยยาก แต่นี้สืบไปถ้านักเลงแลราษฎรเจ้าฃองที่บ้านที่เรือนที่โรงที่ร้านที่ตึกที่แพจะตั้งบ่อนการเล่นต่าง ๆ ผู้ที่ไม่รับตราตั้งต่อเจ้าพนักงาน แลไม่ได้รับประทวนต่อฃุนพัดนายอากรนายบ่อน ถ้าจะตั้งบ่อนสิ่งไรตำบลใด ก็ให้ผู้นั้นไปคำนับแจ้งความต่อฃุนพัดนายอากรนายบ่อนเจ้าฃองแฃวงตำบลนั้น ๆ ให้ยอมพร้อมใจ แล้วให้ฃุนพัดนายอากรนายบ่อนมีจดหมายรายวันรายเดือนรายปีสัญญายี่ฮ่อสำคัญเปนคู่มือให้ไว้ จึ่งตั้งบ่อนได้ ถ้าผู้ใดนัดติดบ่อนเล่นการต่าง ๆ ไม่มียี่ฮ่อฃองฃุนพัดนายอากรนายบ่อนให้ไว้เปนคู่มือดังนั้นแล้ว ก็จะปรับผู้นั้นเอาเปนลักใส่บ่อนในแขวงตำบลนั้น ซึ่งผู้นั้นจะร้องว่าได้บอกต่อขุนพัดฤๅได้บอกแก่บุตรภรรยาแลพักพวกของขุนพัดไว้แล้วก็ดี ถ้าไม่มีสำคัญยี่ฮ่อฃองขุนพัดให้ไว้เปนคู่มือแล้ว ก็เอาเปนจริงไม่ได้ อนึ่ง ห้ามไม่ให้ราษฎรเจ้าฃองที่บ้านที่เรือนที่โรงที่ร้านที่รึกที่แพให้นักเลงมีชื่อภาษาต่าง ๆ ชายหญิงนายกับบ่าวแลทาษซึ่งมิได้เปนฃุนพัดนายอากร

พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์พร้อมด้วยที่ปฤกษาราชการแผ่นดินว่า ในแผ่นดินพระบาทสมเดจพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้โรงกระสาปน์สิทธิการทำอัฐทำโสฬศด้วยดีบุกใช้แทนเบี้ย ครั้นต่อมามีผู้แกะพิมพ์กระทำอัฐปลอมเปนอันมาก ภายหลังท่านเสนาบดีปฤกษาพร้อมกันให้ใช้อัฐอันหนึ่งลดลงเปนราคายี่สิบเบี้ย ราษฎรใช้สร้อยก็สูญสิ้นไปโดยมาก การทำอัฐงดไว้ หาได้ทำอัฐต่อไปไม่ เพราะเครื่องจักรเก่า ทำด้วยทองแดงไม่ได้ จึ่งโปรดเกล้าฯ สั่งเครื่องจักรมาใหม่ เปนเครื่องใหญ่ มีแรงมากกว่าแต่ก่อน การทำโรงจักรนั้ยังหาสำเรจไม่ เมื่อการเครื่องจักรเสรจแล้วเมื่อใด จะโปรดให้เจ้าพนักงานโรงกระสาปน์สิทธิการทำเปนเบี้ยทองแดง จะมิให้คนร้ายทำปลอมแปลงได้เหมือนแต่ก่อน ก็ในระหว่างนี้ราษฎรใช้ปี้ขุนพัดนายบ่อนก็ใช้ได้เปนแห่งเปนตำบล ราษฎรได้ความร้อนรนด้วยเบี้ยที่จะซื้อฃายจ่ายของต่าง ๆ ถ้าขุนพัดออกจากที่ขุนพัดเมื่อใด ปี้นั้นก็ใช้หาได้ไม่ ราษฎรมีแต่จะขาดทุนไปทุกที ครั้งนี้จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานลงพิมพ์ประทับตราเปนสำคัญในกระดาษแผ่นหนึ่ง เปนราคาอัฐหนึ่ง แลในกระดาษอัฐนั้นมีดวงตราแผ่นดินใหญ่ดวง ๑ เลกดวง ๑ แลมีหมายเลข ๑ เลข ๒ เลข ๓ ขึ้นไปมิให้ซ้ำตัวเลขได้ ให้ราษฎรทราบโดยง่าย เพราะจะมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งทำปลอม ถ้าผู้ใดเหนตัวเลขที่หมายมีซ้ำเหมือนกัน ก็ให้พิเคราห์ดูดวงตราแลลายขอบกระดาษโดยละเอียด ก็คงจะทราบว่าเปนอัฐปลอม แลอัฐกระดาษที่ได้ทำนี้ให้ราษฎรใช้ไปพลางก่อน ถ้าตั้งเครื่องจักรแล้ว จะให้เจ้าพนักงานทำเบี้ยทองแดงใช้ต่อไป แลกระดาษที่ใช้แผ่นละอัฐนี้ เมื่อผู้ใดมีมาก ไม่หยากจะเกบรักษาไว้ กลัวจะเปียกน้ำฃาดหายไป จะมาขึ้นคืนเอาเงินเมื่อใด ก็ให้มาที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ในเวลา ๕ โมงเช้ากระทั่งถึง ๓ โมงเยน ให้เจ้าพนักงานรับคิดเงินให้ในวันเวลาที่กำหนดไว้นั้น มิให้ล่วงวันเวลาไปได้ ถ้าอัฐกระดาษที่ราษฎรมาขึ้นนั้น ถึงจะขาดเปนสองท่อนสามท่อนก็ดี ถ้าชนประจบต่อกันเหนเปนอันเดียวได้ ให้เจ้าพนักงานคิดเงินให้หย่างอัฐกระดาษดีเหมือนกัน ห้ามอย่าให้เจ้าพนักงานซึ่งเปนผู้รับขึ้นอัฐกระดาษนั้นเรียกเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดกับราฎษรเจ้าของอัฐกระดาษที่มาขึ้นให้ได้ความเดือดร้อนเปนอันขาดทีเดียว จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้พระยาราชภักดีศรีรัตนราชสมบัติ ม.ส.ม., ป.จ. จ่างวางพระคลังมหาสมบัติ ประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลอองฯ ราษฎรให้ทราบทั่วกัน ในเดือนแปดทุติยาสาธ ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีจอฉศกนี้ จะโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติณหอรัษฎากรพิพัฒน์ออกอัฐกระดาษไช้แทนอัฐดีบุกไปกว่าโรงกระสาปน์สิทธิการจะแล้วจะได้ทำอัฐทองแดงเปลี่ยนอัฐกระดาษ ให้ราษฎรไช้อัฐกระดาษนี้ไป อย่ามีความสดุ้งหวั่นหวาดสงไสเข้าใจผิด ๆ ไปเลย ประกาศมาณวันจันทร เดือนแปดปะฐมาสาธ แรมค่ำหนึ่ง ปีจอฉศก ศักราช ๑๒๓๖ เปนปีที่ ๗ ในราชกาลปัตยุบันนี้ ๚ะ

ข่าวเคาน์ซิลออฟสเตดที่ปฤกษาราชการแผ่นดิน ประชุมวันจันทร เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นเก้าค่ำ ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปปัติ ทรงพระราชดำริห์ปฤกษาด้วยการซึ่งจะจ่ายสิ่งของจากพระคลังต่าง ๆ พระยาราไชสวริยาธิบดี เคาน์ซิลลอร์ออฟสเตด ต.จ. ได้เรียบเรียงรายการในพระคลังต่าง ๆ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมด้วยเคาน์ซิล ทรงพระราชดำริห์ว่า ทุกวันนี้จะจัดการเกบเงินขึ้นในพระคลังมหาสมบัติ แลจะคิดจ่ายให้เรียบร้อยขึ้นกว่าแต่ก่อน ในพระคลังต่าง ๆ เหล่านี้เบิกเงินจัดซื้อสิ่งของจ่ายราชการปีละหลาย ๆ พันชั่ง จะต้องจัดเปนธรรมเนียมเสียให้เรียบร้อย ด้วยฃองในพระคลังต่าง ๆ ซึ่งจัดซื้อขึ้นนั้น แต่เดิมเงินพระคลังมหาสมบัติจ่ายไม่ใคร่จะทัน ต้องคิดค่างอยู่นาน ๆ ผู้ซื้อขายฃองก็คิดเอาเอากำไรดอกเบี้ยหลายเท่าหลายต่อ อนึ่ง จีนเจ้าภาษีซึงเเงินหลวงค้างขอส่งสิ่งของแทน ก็คิดเอารัดเอาเปรียบมาก บัดนี้จะมีพระราชบัญญัติให้ส่งเงินตามงวด ห้ามมิให้หักจ่ายเหมือนแต่ก่อน ถ้าการนี้สำเรจเรียบร้อยไป ก็คงจะได้ตัวเงินมาใช้เสมอไม่ขาด ก็ยังจะต้องซื้อของแพงจ่ายเสียเปล่าอยู่อย่างเดิมนั้น จะเปนผูกปากถุงก้นถุงรั่วไป อนึ่ง เงินซึ่งเจ้าพนักงานเบิกไปซื้อของรองราชการนี้ได้มาจายสิ่งไรบ้าง จะหมดตามจำนวนเงินซึงเบิกไปฤๅไม่หมดตามที่เบิกก็ไม่ทราบ เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติจะรวมรายรับรายจ่ายได้เปนอันยาก เพราะนายด้านแลเจ้าพนักงานทั้งปวงเบิกของแยกคลังกัน เหมือนหนึงเงินเบิกจากคลังมหาสมบัติ เหลกไม้เบิกจากพระคลังในขวาก็มี ตั้งฎีกามาเบิกเงินไปซื้อก็มี เครื่องทองเหลืองน้ำยาศรีต่าง ๆ เบิกคลังในซ้ายก็มี ซื้อก็มี น้ำมันฟืนเบิกจากพระคลังราชการ แลอื่น ๆ เปนอันมากซึ่งเบิกบ้างซื้อบ้าง ดังนี้ จะกำหนดว่าสิ่งไรทำขึ้นสร้างขึ้นสิ้นเงินสักเท่าใดก็ไม่ทราบเลยสักรายเดียว ทหารบกทหารเรือโรงจักรแลการอื่น ๆ สาระพัดทั้งสิ้นก็กำหนดไม่ได้ว่าปีหนึ่งใช้เท่าใดเพราะแยกย้ายกันอยู่ดังนี้ จึ่งทรงพระราชดำริห์ว่า จะตั้งเปนธรรมเนียมสำหรับเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติซึ่งจะจ่ายเงิน แลเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ นายด้านซึ่งทำารก่อสร้างต่าง ๆ ว่า ตั้งแต่วันซึ่งกำหนดในพระราชบัญญัติที่จะออกต่อไปข้างน่า ถ้าเจ้าพนักงานกรมใด ๆ ซึ่งมีการอยู่ในกรมที่ควรจะเบิกเปนประจำเดือนได้ คือ กรมทหารบก เรือรบ ทหารเรือ แลกรมโรงกระสาปน์สิทธิการ เปนต้น จนถึงกรมอื่น ๆ ซึ่งจะเบิกเงินเปนประจำเดือนได้ซึ่งคล้าย ๆ กับกรมเหล่านี้ เมื่อถึงปลายปี ให้เจ้ากรมฤๅผู้ซึ่งเปนพนักงานในการนั้นคิดประมาณเงินดูในกรมซึ่งจะใช้เปนเดือน ๆ ไปจนตลอดปี คือ เหมือนหนึ่งทหารบกเดือน ๑ นายเท่านั้น เลวเท่านั้น รวมเปนเดือนเท่านั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดือน ๑ เท่านั้น ค่าเข้า ค่าฟืน ค่าเสื้อ ค่าร่ม แลอื่น ๆ บันดาซึ่งเบิกคลังอยู่ทั้งสิ้น กะลงเสียว่าเดือนหนึ่งเท่าใด แล้วรวมเปนปี ๑ ว่าคงจะไม่ใช้เกินกว่าเท่านั้น เรือรบก็กำหนดเสียว่าลำ ๑ ค่าฟืน ค่าน้ำมัน ค่าสเบียง เท่านั้น ๆ เงินเดือนทหารต้นหลคนเรือรวมปี ๑ เท่านั้น โรงกระสาปน์สิทธิการก็ให้กำหนดเหมือนดังนั้น มายื่นที่เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติณหอรัษฎากรพิพัฒน์ไว้เสียปลายปี จะได้ประมาณดูกับเงินที่จะได้ แล้วจะได้ถวายพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยเคาน์ซิล เมื่อถึงเดือนก็ให้เจ้าพนักงานกรมนั้น ๆ ตั้งฎีกาเบิกเปนเดือน ๆ ตามซึ่งได้กะไว้แล้วนั้น ถ้าเหมือนหนึ่งเรือรบไม่ได้ไปแห่งใด จะลดค่าฟืน ค่าน้ำมัน ค่าเงินเดือน ลงเท่าไร ก็ให้เจ้าพนักงานตั้งเบิกแต่เพียงที่คงอยู่ อย่าให้เบิกเตมตามซึ่งกะไว้เดิมเหมือนหนึ่งโรงกระสาปน์สิทธิการ ถ้าหยุดไม่ได้ทำการ ก็ให้คิดเฉลี่ยตามรายวันซึ่งหยุด ถ้าเปนการจรมีขึ้นในกรมนั้น คือ เหมือนหนึ่งเครื่องจักรเสีย ก็ให้เจ้าพนักงานทำแซงชั่น คือ หนังสือขออนุญาติตามซึ่งจะมีในพระราชบัญญัติต่อไปค่างน่า ถ้านายด้านนายงานจะทาการก่อสร้าง เมื่อได้รับพระบรมราชโองการสั่งแล้ว ก็ให้นายด้านผู้นั้นกะจำนวนเงินซึ่งจะทำมายื่นยังเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติให้ทราบ จะได้กะเงินไว้ให้ภอ แล้วตั้งฎีกาเบิกตั้งเปนรายเดือนยังเช่นว่ามาแล้วนั้น ถ้าผู้ใดอยากจะทราบ ก็ให้คอยฟังพระราชบัญญัติประกาศสำหรับผู้ซึ่งจะทำการด้านแลจะเบิกเงินพระคลังมหาสมบัติต่อไปค่างน่าเถิด จะว่ามาให้เลอียดก็ยืดยาวนัก ก็ผู้ซึ่งจะทำการแลจะเบิกเงินตามกรมดังนี้ ก็เปนที่ไว้วางพระราชหฤไทยแล้ว จึ่งได้โปรดให้รักษาการกรมต่าง ๆ แลให้ทำการด้านทางทั้งปวง เมื่อได้รับเงินรวมปีไปอย่างนี้แล้ว จะจัดซื้อสิ่งของสิ่งไรในกรมนั้นก็ให้จัดซื้อเอาเองเถิด อย่าให้ต้องเบิกฃองคลังเลย แล้วจึ่งทำรายฎีกาสิ่งฃองให้เลอียดมายื่นยังเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติแลเบิกเงินไปตามสมควรเถิด ฯ เมื่อเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ จัดซื้ออยู่เองดังนี้แล้ว การที่จะจับจ่ายในพระคลังต่าง ๆ นั้นก็น้อยลง คงจะมีจ่ายอยู่แต่การเลกน้อย จึ่งจะให้ตั้งพระราชบัญญัติสำรับพระคลังเหล่านั้นให้เรียบร้อยทุก ๆ พระคลัง การที่ว่ามานี้เปนแต่ความย่อ ๆ ได้ทรงพระราชดำริห์ไว้ในเคาน์ซิลถี่ถ้วนทุกประการ ให้คอยฟังดูเถิด การซึ่งทรงจัดครั้งนี้นั้น ท่านทั้งปวงได้ยินความ ยังไม่ทราบการลเอียด ก็จะเปนที่สดุ้งสเทือนหวั่นไหวไปว่า ในหลวงมิรแวงแคลงขุนน้ำขุนนางไปอย่างไรฤๅ จึ่งได้จัดการขึ้นใหม่ ก็ท่านผู้ซึ่งได้ยินความว่ามาข้างต้นแล้วนั้นจงดำริห์ตริตรองเทียบเคียงดูกับการซึ่งเปนอยู่เดี๋ยวนี้ ตั้งใจให้เที่ยงธรรม ก็คงจะแลเหนว่าการเปนอย่างไร พระราชประสงค์นั้นจะให้บาญชีรับบาญชีจ่ายตรงกันเปนต้น จะได้จัดรับจ่ายให้เรียบร้อยต่อไป อนึ่ง พระราชบัญญัติพระคลังมหาสมบัตินั้นก็ได้ทำแล้วเสรจ ยังแต่จะสอบแก้ไฃแลจะขึ้นปฤกษาเคาน์ซิลต่อไป อนึ่ง ความฎีกาซึ่งราษฎรทำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายนั้น ได้โปรดให้เคาน์ซิลลอร์ซึ่งว่างการประชุมกันปฤกษาตัดสีนแลชำระตั้งแต่ณวันพฒ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบเอดค่ำ มาจนถึงวันเสาร์ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบสี่ค่ำ ได้ปฤกษาตัดสีนกันไปหลายสิบเรื่อง กำหนดวันแรมค่ำหนึ่ง เดือนแปดบุรพาสาธ จะได้ประชุมเคาซิลลอร์ออฟสเตดในพระที่นั่งสมมุติเทวราชอุปบัติต่อไป ๚ะ

ณวันเสาร์ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบสี่ค่ำ เวลาเช้ากำหนดจะเสดจพระราชดำเนินเกาะบางป่าอินทร์ ประทับแรมบนพระที่นั่งไอยสวริย์ทิพยอาศน์ซึ่งทำขึ้นใหม่สองราตรี คือ สิบสี่ค่ำคืนหนึ่ง สิบห้าค่ำคืนหนึ่ง วันจันทร์ เดือนแปดบุรพาสาธ แรมค่ำหนึ่ง เวลาเช้าเสดจพระราชดำเนิรกลับ เวลาค่ำจะเสดจออกในที่เคาน์ซิลออฟสเตดในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ๚ะ

ณวันเสาร์ ขึ้นเจดค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ ปีจอฉศก ๑๒๓๖ เวลาบ่าย ๓ โมงเสศเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าตามลำดับกันตามธรรมเนียม ครั้นเสดจขึ้นแล้ว ไปประทับที่ในพระฉากครู่หนึ่ง แล้วเสดจพระราชดำเนินขึ้นพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ แล้วเจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒน์ ม.ส.ส., ป.จ. เข้าไปเฝ้าแล้วก็กลับออกมา แล้วสมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ น.ร., ป.จ. ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงษ ท.จ. ๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ท.จ., ว.ม. ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ท.จ. ๑ พระปรีชากลการ ม.ม.๑ หลวงพิจารณจักรกิจ ภ.ม. ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ์ ว.ม. ๑ นายโตบุตรเจ้าพระยาสุรวงษไววัฒน์ ๑ เข้าไปเฝ้าที่มุขพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ ครั้นเสดจขึ้นแล้ว พวกนั้นก็กลับออกมา ๚ะ

เวลาเยนเสดจพระราชดำเนินออกมาสนามย่าน่าพระที่นั่งใหม่ แล้วเสดจพระราชดำเนินขึ้นทรงรถพระที่นั่ง สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ พระองค์เจ้าสุขุมาลยมารศรี ๑ พระองค์เจ้าศรีวิไลย ๑ ตามเสดจพระราชดำเนินบนรถพระที่นั่ง แล้วไปทอดพระเนตรสวนน่าวังสราญรมย์ ครั้นทอดพระเนตรเสรจแล้ว เสดจพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรที่สวนในวังสราญรมย์ข้างซ้ายพระที่นั่ง ทอดพระเนตรเสรจแล้ว เสดจพระราชดำเนินทรงรถพระที่นั่งกลับจากวังสราญรมย์ แล้วประทับที่สนามย่ากับข้าราชการเฝ้าอยู่ คือ สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร ท.จ.ว., ม.ม. ๑ พระองค์เจ้าคัคณางค์ยุคล ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงษ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ท.จ. ๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ พระองค์เจ้าสายสินิทวงษ ท.จ.ว., ม.ม. ๑ พระยาภาษกรวงษ ท.จ.ว., ภ.ช., ภ.ม. ๑ หลวงพิจารณจักรกิจ ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ ๑ รวม ๑๕ ประทับอยู่จนเวลายามเสศ เสดจขึ้น ๚ะ

วันอาทิตย ขึ้นแปดค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ เวลาเช้าวันนั้นเปนวันพระ ไม่เสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แลสมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากระเษมสันต์โสภาคย ท.จ. ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ เจ้าหมื่นเสมอใจราช ๑ พระสุนทรานุกิจปรีชา ภ.ช. ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ์ ๑ เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ ครั้นเสดจขึ้นแล้ว พวกนั้นก็กลับออกมา ๚ะ

เวลาย่ำค่ำเสศ เสดจออกที่เก๋งวรราชสภาภิรมย์ ทรงหล่อเทียรพรรษาตามอย่างธรรมเนียมทุกปี ครั้นทรงเทเสรจแล้ว รับสั่งให้สมเดจพระเจ้าน้อยาเธอแลพระเจ้าน้องยาเธอเทต่อไป ครั้นเสรจแล้ว เสดจทรงพระราชดำเนินมาประทับที่สนามย่ากับข้าราชการ คือ สมเดจเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี น.ร., ป.จ., จ.ช. ๑ สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร ๑ พระองค์เจ้าคัคณางค์ยุคล ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากระเษมสันต์โสภาคย ๑ พระองค์เจ้ากำมลาศน์เลอสรรค์ ท.จ. ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าทองแถวถวัลยวงษ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ พระองค์เจ้าสายสินิทวงษ ๑ พระยาภาษกรวงษ ๑ หลวงพิจารณจักรกิจ ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ์ ๑ รวม ๑๕ ประทับอยู่จนเวลา ๔ ทุ่มเสศ เสดจขึ้น ๚ะ

วันจันทร ขึ้นเก้าค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ เวลาบ่าย ๓ โมงเสศไม่ได้เสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเพราะฝนตก จึ่งมีพระบรมราชโองการให้บอกข้าราชการซึ่งมาคอยเฝ้าอยู่ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยนั้นเข้าไปเฝ้าที่มุขพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ ครั้นเฝ้าแล้วก็กลับออกมา แล้วพระปรีชากลการเข้าไปเฝ้าที่พระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ เสดจขึ้นแล้ว พระปรีชากลการก็กลับออกมา ๚ะ

เวลาเยนประชุมปฤกษาราชการ เรียกตามภาษาอังกฤษว่าเคาน์ซิล ๚ วันนั้นประชุมที่มุขพระที่นั่งสมมุติเทวราชอุปบัติ ท่านเคาน์ซิลลอร์ที่มาประชุมนั้น ๑๐ นาย คือ พระยาราชสุภาวดี จ.ม., ท.จ.ว. ๑ พระยาศรีพิพัฒน ท.จ.ว. ๑ พระยาราชวรานุกูล ท.จ.ว., น.ช., ภ.ม. ๑ พระยากระสาปน์กิจโกสล ท.จ.ว., ม.ม. ๑ พระยาเจริญราชไมตรี น.ช. ๑ พระยาราไชสวริยาธิบดี ต.จ. ๑ พระยาพิพิธโภไคย ม.ม. ๑ พระยาภาษกรวงษ ๑ พระยามหาอำมาตย์ ท.จ. ๑ พระยาอภัยรณฤทธิ ท.จ. ๑ รวม ๑๐ นาย พระยาราชโยธานั้นบอกป่วย ไม่ได้มานั่งในที่ประชุม แลในที่ประชุมนั้นพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในที่นั้นด้วย จนเวลาสองยามเสศเลิกประชุม ๚ะ

วันอังคาร ขึ้นสิบค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ เวลาย่ำเที่ยงแล้วเสดจพระราชดำเนินออกที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททางใน เสดจพระราชดำเนินออกมาทรงถ่ายพระรูปที่ลานค่างขวามุขเดจ ทรงถ่ายพระรูปเสรจแล้วพระราชดำเนินขึ้นทางข้างในไปประทับที่มุขพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลา ๓ โมงเสศเจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒน์เข้าไปเฝ้าแล้วกลับออกมา แล้วพระวิสุทธสาครดิฐ ๑ พระปรีชากลการ ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ์ ๑ นายโตบุตรเจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒน ๑ เข้าไปเฝ้าที่มุขพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติแล้วกลับออกมา ๚ะ

เวลาเยนเสดจพระราชดำเนินออกสนามย่าแล้วขึ้นทรงรถพระที่นั่ง สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าสุขุมาลยมารศรี ๑ ตามเสดจพระราชดำเนินบนรถพระที่นั่งไปลงทางถนนบำรุงเมือง แล้วเลี้ยวทางแยกตภานช้างข้างคลองข้างโน้น แล้วเลี้ยวข้ามตภานที่พระสุริยภักดีทำใหม่ที่เปิดได้ปิดได้ แล้วไปประทับทอดพระเนตร์สวนน่าวังสราญรมย์ แล้วเสดจกลับมาประทับที่สนามย่าอยู่กับข้าราชการ คือ สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร ๑ พระองค์เจ้าคัคณางค์ยุคล ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากะเสมสันตโสภาคย ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงษ ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ พระองค์เจ้าสายสินิทวงษ ๑ พระยาภาษกรวงษ ๑ หลวงพิจารณจักรกิจ ๑ หลวงพินิตจักรภัณฑ์ ๑ รวม ๑๒ ประทับอยู่จนเวลายามเสศ เสดจขึ้น ๚ะ

วันพุธ ขึ้นสิบเบดค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ เวลาเที่ยงเสศ เสดจพระราชดำเนินทางในออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทอดพระเนตร์มิศเตอเอซเรนถ่ายรูปพระที่นั่ง แล้วภาเข้าไปที่พระพุทธรัตนสฐาน ก็ถ่ายไม่ได้ ด้วยเยนเสียแล้ว เสดจพระราชดำเนินกลับทางในไปประทับพระที่นั่งใหม่ เวลา ๔ โมงเสศเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ข้าราชการเฝ้าตามธรรมเนียมเสรจแล้ว เสดจขึ้นพระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ ๚ะ

เวลาเยนเสดจออกสนามย่า แล้วเสดจพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโรงกระสาปน์ที่ทำใหม่ แล้วเสดจพระราชดำเนินขึ้นทรงรถพระที่นั่ง สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวง ๑ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ ตามเสดจพระราชดำเนินรถพระที่นั่งแล้ว รถพระที่นั่งไปอ้อมรอบสนามหลวงแล้วกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ประทับที่สนามย่ากับข้าราชการ สมเดจเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ๑ สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ๑ พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร ๑ พระองคสุขสวัศดี ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากะเกษมสันตโสภาคย ๑ พระองค์เจ้าศีรสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัยวงษ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑ พระองค์เจ้าเทวันอุไทยวงษ ๑ พระองค์เจ้ามนุษนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสายสินิทวงษ ๑ พระยาภาษกรวงษ หลวงพิจารจักรกิจ รวม ๑๖ แลพระราชทานรางวันจีนฮกเชง ๑ จีนเท่ง ๑ พระราชทานเงินคนละชั่ง ผ้าคนละสำรับ ด้วยจีนสองคนนี้ได้ประมูลเงินสุราและบ่อนเบี้ยเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นได้เงินหลวงมาก เปนความชอบ แล้วประทับอยู่จนเวลายามเศศ จึ่งเสดจพระราชดำเนินขึ้น ๚ะ

ณวันพฤหัสบดี เดือนเจด ขึ้นหกค่ำ ปีจอฉศก เวลาสองยามเสศ เกิดเพลิงไหม้เรือนแช่มภรรยาพระมนตรีบวรที่ถึงแก่กรรม บ้านริมคลองวัดสุทัศน์เทพวรารามสองหลัง เรือนเครื่องผูกหลังหนึ่ง จากไหม้ประมาณ ๒๐ ตับ เรือนฝากระดานหลังหนึ่ง ไหม้แถบครึ่ง หมื่นราชประชาอำเภอได้ตรวจสอบเหนรอยเพลิงนั้นไหม้สูงตั้งแต่ปลายเสาขึ้นไป มิได้ไหม้ขึ้นแต่พื้นเรือนฝาเรือน จึ่งเหนว่า เพลิงนั้นมีอ้ายผู้ร้ายจุดทิ้งแต่หาได้เชื้อเพลิงไม่ ๚ะ

ณวังอังคาร เดือนเจด ขึ้นสี่ค่ำ ปีจอฉศก เวลายามเสศเกิดเพลิงไหม้ชายคาโรงจีนตีเหล็กณะกรอกโรงกระทะเก่าเหนือวัดสำพันธวงษาราม ผู้มีชื่อไทยจีนช่วยกันดับเพลิง ๆ จึ่งหาได้ลามไหม้ต่อไปไม่ ไทยจีนตรวจดูได้ไต้เสมดเชื้อเพลิงกับเหล็กคีบอยู่ที่รางน้ำชายคา จึ่งได้รู้ว่า มีอ้ายผู้ร้ายจุดทิ้งขุนชาญวิชิตอำเภอ กรมท่าซ้าย ได้จดหมายวันคืนแลเก็บเหล็กคีบกับเชื้อเพลิงนั้นไว้ ๚ะ

ณวันพฤหัศบดี เดือนเจด ขึ้นสิบสามค่ำ ปีจอฉศก เวลายามเสศมีอ้ายผู้ร้ายเอาเชื้อเพลิงจุดทิ้งหลังคาเรือนอำแดงปรางซึ่งอยู่ณหลังบ้านพระยาเพชรปาณี จากไหม้ประมาณห้าตับหกตับ เจ้าของเรือนดับได้ ขุนขจรพาราอำเภอไปตรวจสอบดู ได้ผ้าชุบน้ำมันยางเชื้อเพลิง จึ่งเหนว่ามีอ้ายคนร้ายมาจุดทิ้งเผาเรือนอำแดงปราง ขุนขจรพาราได้จดหมายวันคืนไว้ ๚ะ

ณวันอังคาร เดือนเจด แรมสามค่ำ ปีจอฉศก เวลายามเสศมีอ้ายผู้ร้ายเอาเชื้อเพลิงทิ้งหลังคาเรือนอำแดงปรางนั้นอีกครั้งหนึ่ง ขณะนั้นภอฝนตกลงมา เพลิงที่อ้ายคนร้ายทิ้งนั้นดับไป จึ่งหาได้ไหม้จากหลังคาเรือนอำแดงปรางไม่ ขุนขจรพารานายอำเภอตรวจดู ได้ผ้าชุบน้ำมันยางเชื้อเพลิง จึ่งรู้ว่ามีอ้ายคนร้ายมาลอบจุดเพลิงทิ้งเผาเรือนอำแดงปราง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาประมาณยามเศศมีอ้ายคนร้ายเอาก้อนอิฐลอบคว่างปาเรือนอำแดงปราง ถูกชายมีชื่อที่มาอยู่เพื่อนอำแดงปรางนั้นฟกบวมป่วยเจบ ๚ะ

ข้าพระพุทธเจ้า พระมหามนตรี ท.ช. ฃอพระราชทานทำบาญชีรายชื่อจำนวนอ้ายผู้ร้ายปล้นเรือน ปล้นเรือ ปล้นไล่กระบือ เมืองนครไชยศรี ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้าออกไปชำระ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายทราบฝ่าลอองธุลิพระบาท ผู้ร้ายตีปล้นเรือได้ตัวรับเปนสัจได้ของกลาง ๕ คน ได้ตัวจำนำเจ้าสำนักคน ๑ ได้ตัวจำนำผู้ร้ายคน ๑ ผู้ร้ายยังไม่ได้ตัว ๗ คน รวม ๑๔ คน ผู้ร้ายปล้นเรือนฆ่าเจ้าของทรัพย์ตาย ทาษเจ้าของทรัพย์เปนเจ้าที่ ๑ ได้ตัวรับเปนสัจ ๖ คน ได้ตัวจำนำคน ๑ ยังไม่ได้ตัว ๓ คน รวม ๑๑ คน ผู้ร้ายปล้นปากคลองเจดียบูชา ยังไม่ได้ตัวอ้ายผู้ร้าย ๕ คน ยังไม่ได้ตัวพวกผู้ร้าย ๑๐ คน รวม ๑๕ คน ผู้ร้ายปล้นบ้านแหลมหนองบัว ทาษเจ้าของทรัพย์เปนเจ้าที่ คน ๑ ได้ตัวรับเปนสัจได้ของกลาง ๖ คน ยังไม่ได้เปนสัจคน ๑ ยังไม่ได้ตัว ๓ คน พวกผู้ร้าย ๕ คน รวม ๑๖ คน ผู้ร้ายปล้นบ้านอ้อมใหญ่ ได้ตัวรับเปนสัจได้ของกลาง ๔ คน ยังไม่ได้ตัว ๑๐ คน รวม ๑๔ คน ผู้ร้ายปล้นกระบือสำประทวน ได้ตัวรับเปนสัจได้ของกลาง ๒ คน ยังไม่ได้ตัว ๓ คน รวม ๕ คน รับเปนสัจได้ของกลาง ๑๗ คน รับเปนสัจไม่ได้ของกลาง ๖ คน ยังไม่เปนสัจคน ๑ ทาาเจ้าทรัพย์เปนเจ้าที่ ๒ คน ตัวจำนำอ้ายผู้ร้าย ๒ คน ตัวจำนำเจ้าสำนักคน ๑ ซัดมีชื่อยังไม่ได้ตัว ๓ คน ซักพวกเพื่อน ๑๕ คน ได้ตัวผู้ร้าย ๒๔ คน เจ้าที่ ๒ คน ตัวจำนำ ๓ คน ยังไม่ได้ตัว ๔๖ คน รวม ๗๕ คน ๚ะ

วันพุฒ เดือนห้า แรมสิบสี่ค่ำ ปีจอฉศก ผู้ร้ายปล้นเรือจีนเทงซุนคลองมหาสวัสดี ผู้ร้ายรับเปนสัจได้ของกลาง อ้ายเชียง ๑ อ้ายรุ่ง ๑ อ้ายกล่อม ๑ อ้ายปิ่น ๑ อ้ายสุ่ม ๑ รวม ๕ คน อ้ายผู้ร้ายไม่ได้ตัว อ้ายชัง ๑ อ้ายทองแดง ๑ อ้ายคง ๑ อ้ายแป้น ๑ อ้ายเอี่ยม ๑ อ้ายซับ ๑ อ้ายศุก ๑ รวม ๗ คน ได้ตัวจำนำ อำแดงบุนจำนำเจ้าสำนก ๑ บุตรอ้ายเอี่ยมจำนำอ้ายเอี่ยม ๑ รวม ๒ คน ๚ะ

วันศุกร เดือนหก ขึ้นเก้าค่ำ ปีจอฉศก ผู้ร้ายปล้นเรือนนายศุก อำแดงเอี่ยม ผู้ร้ายฆ่าอำแดงเอี่ยมเจ้าเรือนตาย อ้ายผู้ร้ายรับเปนสัจ อีมาเจ้าที่ ๑ อ้ายเพช ๑ อ้ายหุ่น ๑ อ้ายนุช ๑ อ้ายหยวก ๑ อ้ายโป ๑ อ้าจีนอุ่น ๑ รวม ๗ คน อ้ายผู้ร้ายยังไม่ได้ตัว อ้ายโต ๑ อ้ายขำ ๑ อ้ายจ้อย ๑ รวม ๓ คน ได้ตัวจำนำผู้ร้าย อำแดงบัวพี่สาวอ้ายโตผู้ลงมือฆ่าอำแดงเอี่ยมเจ้าทรัพย์ตาย ๑ รวม ๑๑ คน ๚ะ

วันอาทิตย์ เดือนหก ขึ้นสิบเบดค่ำ ปีจอฉศก ผู้ร้ายปล้นเรือนนายเบี้ยบ้านปากคลองเจดีบูชา อ้ายเชียงลุแก่โทษ ผู้ร้ายยังไม่ได้ตัว อ้ายทองแดง ๑ อ้ายแสงตาบอด ๑ อ้ายเพง ๑ อ้ายแป้นขาว ๑ อ้ายพู่ ๑ รวม ๕ คน พวกอ้ายผู้ร้าย ๑๐ คน รวม ๑๕ คน ๚ะ

วันอาทิตย เดือนหก แรมสามค่ำ ปีจอฉศก ปล้นเรือนนายพึ่งบ้านแหลมหนองบัว ผู้ร้ายเอาทรัพย์เอากระบือไป ผู้ร้ายรับเปนสัจได้ของกลาง อ้ายจันเจ้าที่ ๑ อ้ายนุ้ย ๑ อ้ายตา ๑ อ้ายเขียวใหญ่ ๑ อ้ายเขียวเลก ๑ อ้ายกลั่น ๑ อ้ายจีนเอี่ยม ๑ รวม ๗ คน ยังไม่เปนสัจ อ้ายสิงโต ๑ รวม ๘ คน ผู้ร้ายยังไม่ได้ตัว อ้ายศรีเขมร ๑ อ้ายนีม ๑ อ้ายคง ๑ พวกอ้ายสิงโต ๕ รวม ๘ คน รวม ๑๖ คน ๚ะ

วันอังคาร เดือนหก แรมห้าค่ำ ปีจอฉศก ผู้ร้ายปล้นอำแดงจันบ้านอ้อมใหญ่ อ้ายเชียงลุแก่โทษ ผู้ร้ายรับเปนสัจได้ของกลาง อ้ายเชียง ๑ อ้ายแหยม ๑ อ้ายพุก ๑ อ้ายทองสูง ๑ รวม ๔ คน ยังไม่ได้ตัว อ้ายบุดจุ๋น ๑ อ้ายแสงตาบอด ๑ อ้ายเพง ๑ อ้ายเทียว ๑ อ้ายทองแดง ๑ อ้ายจีนเตง ๑ อ้ายแดง ๑ อ้ายจีนกัก ๑ อ้ายโหมด ๑ อ้ายพู่ ๑ รวม ๑๐ คน รวม ๑๔ ๚ะ

วันอาทิตย เดือนหก ขึ้นสิบเบดค่ำ ปีจอฉศก ผู้ร้ายปล้นกระบือนายทองบ้านสำประทวน ผู้ร้ายรับเปนสัจได้ของกลาง อ้ายคอน ๑ อ้ายสง ๑ รวม ๒ คน ผู้ร้ายยังไม่ได้ตัว อ้ายรุ่ง ๑ อ้ายกลัด ๑ อ้ายจีนเหียะ ๑ รวม ๓ คน รวม ๕ คน ๚ะ

แต่ผู้ร้ายปล้นบ้านธรรมสาลา แขวงเมืองนครไชยศรี ข้าพระพุทธเจ้าได้ซักถามอ้ายผู้ร้ายที่ได้ตัวแล้ว ไม่ได้ความ แต่งคนออกสืบสวนบนบานหลายราย ก็หาได้ตัวอ้ายผู้ร้ายไม่ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอเดช ๚ะ

พระมหามนตรีเจ้ากรมพระตำรวจในขวาข้าหลวงกับกรรมการเมืองนครไชยศรีมีบอกส่งเวนกรมท่า พระยาพิพัฒโกษานำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ในบอกมีว่า ผู้ร้ายปล้นชาวบ้านตีชาวเรือณหัวเมืองนครไชยศรีหลายตำบล โปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรีข้าหลวงกับกรมการสกัดจับผู้ร้าย ได้ตัวมาชำระรับเปนสัตยหลายราย อ้ายผู้ร้ายที่ยังหลบหนีตระลาาารอีกหลายคน พระมหามนตรีกับกรมการจัดให้ทหารแลหัวหมื่นพระตำรวจกับกรมการออกตามจับอ้ายผู้ร้าย อ้ายทองแดงทาษหลวงศรีสังขกรหนีเข้ามาอยู่กับนายเงินณกรุงเทพฯ อ้ายชังทาษเจ้าจอมมารดากลีบในพระบรมมหาราชวังหนีเข้ามาอยู่กับนายเงิน จึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระยาอนุชิตชาญไทย ท.จ.ว., ม.ม. จางวางกรมพระตำรวจ เกาะเจ้าหมู่มุลนาย เจ้าจอมมารดากลีบส่งตัวอ้ายชังให้พระยาอนุชิตชายไชย ๆ ถามอ้ายชังรับเปนสัตยว่า ตีเรือจีนเทงซุนคลองมหาสวัสดี แต่อ้ายทองแดงเกาะหลวงศรีสังขกรไว้ พระยาอนุชิตชาญไชยกราบถวายบังคมลาไปราชการจับผู้ร้ายณหัวเมืองตาก มอบตัวอ้ายชังแลหลวงศรีสังขกรนายเงินอ้ายทองแดงให้พระอินทรเทพย์ ม.ม., ภ.ช. ชำระฉลองพระเดชพระคุณต่อไป หลวงศรีสังขกรนายเงินอ้ายทองแดงทำเรื่องราวร้องต่อพระอินทรเทพย์ว่า อ้ายทองแดงเปนทาษหลวงศรีสังขกรเปนเงินตราสามชั่งสิบตำลึง หลวงศรีสังขกรได้เอาตัวอ้ายทองแดงมอบให้ฃุนศรีเกษสมุบาญชีในกรมลูกฃุนจำตรวนเร่งเงิน ฃุนศรีเกษทำให้อ้ายทองแดงหนีไปจากตรางฃุนศรีเกษ พระอินทรเทพย์หาตัวฃุนศรีเกษมาถาม ฃุนศรีเกษรับว่า หลวงศรีสังขกรได้มอบตัวอ้ายทองแดงทาษให้ฃุนศรีเกษเร่งเงินจริง แต่ผู้คุมรองของฃุนศรีเกษกับอ้ายทองแดงทาษหลวงศรีสังขกรหนีฃุนศรีเกษ ๆ ได้บอกแก่หลวงศรีสังขกรว่า ฃุนศรีเกษจะบนผู้มีชื่อเปนเงินตราชั่งหนึ่งจับตัวอ้ายทองแดง หลวงศรีสังขกรห้ามไว้ แล้วหลวงศรีสังขกรเอาตัวมารดาภรรยาอ้ายทองแดงมาส่งให้ฃุนศรีเกษจำเร่งแทนตัวอ้ายทองแดง ครั้นมารดาภรรยาอ้ายทองแดงป่วย หลวงศรีสังขกรรับตัวไป พระอินทรเทพย์ตัดสีนว่า หลวงศรีสังขกรเปนนายเงินอ้ายทองแดง ฃุนศรีเกษเปนผู้คุม ทำให้อ้ายทองแดงหนีไป ทั้งสองฝ่ายจะเถียงกันดังนี้หาชอบไม่ ด้วยอ้ายทองแดงเปนผู้ร้ายเสี้ยนหนามแผ่นดิน ชอบให้หลวงศรีสังขกรนายเงิน ขุนศรีเกษนายผู้คุม ทำผัดไว้ต่อตะลาการศาลรับสั่ง แลให้หลวงศรีสังขกรฃุนศรีเกษสืบแลบนผู้มีชื่อจับตัวอ้ายทองแดงซึ่งเปนผู้ร้ายมาส่ง หลวงศรีสังขกร ฃุนศรีเกษ ทำผัดให้ตระลาการแล้ว หลวงศรีสังขกรบนให้ผู้มีชื่อผู้หนึ่งผู้ใดนำจับอ้ายทองแดงได้ จะให้สินบนเปนเงินตราสามชั่ง ก็ยังหาได้ตัวอ้ายทองแดงไม่ แต่ตัวอ้ายชังซึ่งเปนสัตยนั้นได้ส่งไปฝากคุกไว้ตามรับสั่ง ๚ะ

อนึ่ง พระอินทรเทยพ์เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวาได้รับพระบรมราชโองการแล้ว เกาะสมุหบาญชีในพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๆ ส่งตัวอ้ายเทียว อ้ายแดง มาถาม อ้ายเทียว อ้ายแดง รับเปนสัตย์ว่า ตีเรือจีนเทงซุนกับปล้นเรือนผู้มีชื่อบ้านชั่งดัศ อ้ายเทียวนำของกลางที่ปล้นบ้านชั่งดัศได้ ผ้าขาวม้าไหมหนึ่ง ผ้าม่วงสีเหลือบหนึ่ง กางเกงผ้าสีครามหนึ่ง พระอินทรเทพยกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระอินทรเทพยส่งของกลางไปให้พระมหามนตรีณหัวเมืองนครไชยศรี จะได้สอบกับคำตราสิน แต่ตัวอ้ายเทียว อ้ายแดง นั้นส่งฝากคุกไว้ ๚ะ

Ramsay Wakefield & Company
แรมเสย แวกฟิลด์ แอนด์ กำปนี
ตั้งห้างณกรุงเทพฯ

ขอแจ้งความให้คนทั้งปวงทราบว่า ได้โปรดเกล้าฯ รับสั่งให้ห้างนี่เปนผู้ส่งเครื่องแต่งตัวทหารแลเปนผู้รับเหมาส่งฃองในหลวงแลฃองคอเวอรนแมนต์พระเจ้าแผ่นดิน ๚ะ

ได้รับของมาแต่อิงแลนด์โดยกำปั่นไฟบานยองเสง

ถุงท้าวด้ายศรีน้ำเงินอ่อนแลศรีน้ำเงินแก่ โหลละ บาท
ถุงท้าวสักลาดศรีน้ำเงินอ่อนแลศรีน้ำเงินแก่ คู่ละ สลึง
ถุงท้าวสักลาดศรีน้ำเงินอ่อนน้ำเงินแก่งามนัก คู่ละ บาท
ถุงท้าวสกอชงามนัก คู่ละ บาท
ถุงท้าวศรีม่วงศรีเขียวสีแดง คู่ละ สลึง
ถุงท้าวแพร คู่ ๓ บาท ๔ บาท ๕ บาท แล ๖ บาท
ฅอเสื้อผู้หญิง โหลละ บาท
ข้อมือเสื้อผู้หญิง โหลละ บาท
ฅอเสื้อผู้หญิงแลข้อมือเสื้อผู้หญิง โหลละ ๑๐ บาท
ฅอเสื้อผู้หญิงแลข้อมือเสื้อผู้หญิง สำรับละ บาท
ผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้หญิงมีศรีต่าง ๆ เลหลาละ บาท
ผ้าศรีดำงามนัก เลหลาละ บาท
แพรศรีดำ เลหลาละ บาท
ผ้าปูโต๊ะ ผืนละ ๑๕ บาท
หมวกผู้ชายทั้งดำแลขาว ใบละ บาท
เสื้อโคตทำด้วยผ้ากำมลิศ ตัวละ ๑๐ บาท
เสื้อโคตแต่งตัวผู้ชายเวลาเยน ตัวละ บาท
เสื้อโคตแต่งตัวผู้ชายเวลาเยนงามนัก ตัวละ ๔๐ บาท
เสื้อโคตใส่สำหรับไปเยี่ยมกัน ตัวละ ๒๐ บาท
เครื่องประดับเพชรต่าง ๆ

ข้าพเจ้าขอแจ้งความมายังท่านทั้งปวงให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าได้รับสิ่งฃองทั้งนี้มาแต่เมืองปาริศ เปนสิ่งฃองประดับด้วยเพชรอย่างดีวิเสศหลายสิ่ง คือ

สายสร้อยนาฬิกาทองคำประดับเพชรสำรับผู้หญิง ราคาชั่ง ๑ ขึ้นไปถึง ๑๒ ชั่ง

ตุ้มหูหลายคู่ รูปอย่างยุโรปบ้าง รูปอย่างไทยบ้าง ประดับเพชร์ ราคาชั่ง ๑ ขึ้นไปถึง ๕๐ ชั่ง

เขมกลัดฅอสำรับแต่งตัวผู้หญิง ประดับเพชร์ทั้งเม็ด ราคาสิบตำลึงขึ้นไปถึง ๒๕ ชั่ง

เขมกลัดแลตุ้มหูเปนสำรับกัน ประดับเพชร์ทั้งเม็ด ราคา ๒ ชั่งขึ้นไปถึง ๓๐ ชั่ง

ตะหลับรูปทองคำประดับเพชร์แลไม่ประดับเพชร ราคาชั่ง ๑ ขึ้นไปถึง ๖ ชั่ง

แหวนเพชร์อย่างงามหลายวง มีราคาต่าง ๆ กัน แลฃองอื่น ๆ ยังมีอีกหลายสิ่ง ถ้าผู้ใดจะต้องการซื้อ เชิญมาดูที่ห้างมาแลบยุเลียนแอนดกำปนี ๚ะ

บางกอก
อู่กำปั่นนีลิมมิติด

การอู่กำปั่นนี้เดี๋ยวนี้ก็พร้อมแล้วที่จะทำกอนเตรกต์ คือ สัญญาที่จะรับเรือให้เข้าอู่ซ่อมแซมแปลงไหม่ เรือใบเลกก็ดี แลเรือไฟเลกก็ดี จะจัดแจงให้สอาดแลทาสีไหม่ แลที่จะต่อเรือใหม่ จะเปนเรือไฟก็ดี เรือโบตก็ดี แลจะทำกอนเตรกต์เครื่องเหลก แลทองแดง ผ้าใบ แลน้ำมันทาสี แลกระดาน แลซุงสำรับต่อสร้าง มีช่างเหลกม่อน้ำแลอินเยอเนียทำการที่อู่เสมอ ดูแลในการเอาเรือเข้าอู่แลการซ่อมแซม ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะต้องการใช้อย่างไร สุดแต่จะสัญญา ๚ะ