หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/106

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๔๓

ธรรมราชาพะว้าพะวังเปนสองฝ่าย เราจึงเข้าโจมตี เห็นจะได้ไชยชำนะโดยง่าย ครั้นปฤกษากันแล้ว ก็ยกสกดตามไปแต่ห่าง ๆ ประมาณกึ่งวัน ฝ่ายทัพม้ากองน่าไปถึงเมืองอินทบุรี เห็นค่ายใหญ่สองค่าย ก็กลับมาแจ้งแก่นายทัพนายกอง พระยาพสิม พระยาละเคิ่ง พระยาเสี่ยง พระยาตองอู พระยาจิตตอง ดีใจ ต่างคนแต่งตัวขี่ช้างพลายกั้นสับประทานระย้าต้อนพลเข้าตีค่าย พระเจ้าแปรทรงช้างพลายมณีฉัตรกั้นพระกลดไปยืนให้ทหารเข้าหักค่าย เหล่าทหารหงษาวดีก็เห่โห่ลั่นปืนแกว่งหอกดาบดาแข่งกรูเข้าถอนขวากหนามปีนป่ายหักค่ายเปนโกลาหล ทหารในค่ายก็วางปืนใหญ่น้อยออกไปต้องพลมอญล้มตายเปนอันมาก พระยามอญก็ยิ่งหนุนเนื่องหนักเข้ามายอค่ายแหกค่ายจนถึงได้แทงฟันกันเปนสามารถ พลพม่ามอญก็เข้าค่ายได้ ไล่ตลุมบอนฆ่าฟันไทยตายเปนอันมาก ซึ่งเหลือนั้นก็หนีกระจัดกระจายขึ้นมากราบทูลสมเด็จพระมหาธรรมราชาโดยซึ่งเสียแก่ข้าศึกนั้นทุกประการ พอผู้ลงไปสอดแนมฟังราชการณกรุงเทพมหานครกลับคืนมาทูลว่า ทัพพระเจ้าหงษาวดีเลิกขึ้นมาทางเหนือสิ้นแล้ว สมเด็จพระมหาธรรมราชาแจ้งว่า กำลังศึกกล้ามากเหลือกำลังดังนั้น เห็นจะรับมิอยู่ คิดจะเลิกหลีกเสียให้พ้นน่าทัพไปซุ่มอยู่ณป่าเนินฟากตวันออก แล้วจะคอยตามสกัดตี จึงตรัศกำหนดให้นายทัพนายกองเลิกออกจากค่ายให้เปนหมวดเปนกองกัน นายทัพนายกองก็ทำตามพระราชบัญชาทุกประการ พอกองทัพพระเจ้าแปรยกมาถึงเห็นค่ายเปล่าก็ตั้งอยู่ณเมืองไชยนาท แล้วก็บอกลงมายังกองทัพหลวง ขณะเมื่อวันกองน่าตีค่ายพระยาสวรรคโลก พระยาศุโขไทย ณเมืองอินทบุรีนั้น พระมหาอุปราชาตรัศปฤกษานายทัพนาย