หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/242

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗๙

แซมขวากหนามให้แน่นหนา แล้วให้ทำสพานเรือกข้ามแม่น้ำ ๓ สพานต่อหัวเมืองกลางเมืองท้ายเมือง แลตั้งค่ายกระหนาบต้นสพานข้างละ ๆ ค่าย ให้รักษาค่าย ๆ ละ ๕๐๐ แล้วแต่งให้หมื่นศรีสเหน็จคุมกองตระเวนแลม้าออกไปนั่งทางคอยเหตุ ถ้าข้าศึกยกมา ให้ยิงปืนเปนสำคัญ.

ฝ่ายทัพน่าพระราชมนูยกเดินมาแต่งเปนกองเสือป่าแมวเซา ๓ หอก ๗ หอกเล็ดลอดมาก่อน ยังทางประมาณร้อยเศษจะถึงเมืองปัตบอง พบเขมรกองตระเวน ได้รบยิงกัน จับได้ ๓ คน ส่งไปให้พระราชมนูถามแจ้งความเสร็จแล้วก็ตบมือหัวเราะจึงว่า ซึ่งพระยามโนไมตรีเจ้าเมืองปัตบองคิดรับเรากับเมือง ไม่ออกมารับกลางแปลงนั้น สำคัญว่ามั่นคงอยู่แล้วฤๅ เราเห็นว่าหามั่นไม่ จะรับเราได้แต่สักนาฬิกาหนึ่งก็เปนดี อุปมาเหมือนนุ่นแลสำลี ไหนเลยจะทานกำลังมหาวาตพยุใหญ่ได้ ว่าดังนั้นแล้วก็กำหนดนายทัพนายกองให้ยกเข้าตีเมืองปัตบองให้ได้แต่ในเพลานี้ ฝ่ายนายทัพนายกองพร้อมกันยกเข้าตีค่ายซึ่งกันรับต้นสพานทั้งหกค่าย ได้เขมรซึ่งแตกออกจากค่ายนั้นบ้าง วิ่งลงน้ำบ้าง บ้างข้ามสพานเข้าประตูค่ายเมืองคั่งกัน พระราชมนูเห็นดังนั้นก็ขับทหารไล่ไปตามสพาน แทงฟันเขมรล้มตายในน้ำบนบกเปนอันมาก หักเข้าเมืองได้ จุดไฟเผาเมืองขึ้น ครอบครัวชาวเมืองแตกตื่นวิ่งออกไปจากค่ายได้บ้าง จับได้พระยามโนไมตรี ครอบครัว ช้างพลายพังยี่สิบช้าง ม้าห้าสิบม้า ปืนใหญ่น้อย เครื่องสาตราวุธเปนอันมาก พอทัพหลวงเสด็จถึง ตั้งตำบลปราสาทเอก พระราชมนูก็คุมตัวพระยามโนไมตรีมาถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ถาม พระยามโนไมตรี