หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗) - ๒๔๖๐.pdf/20

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๐

ยาเส้น ผลไม้ต่าง ๆ แล้วเจ้าเมืองจึงพูดภาษาบาหลีกับขุนนางที่นั่ง อยู่บนแคร่ กะปิตันปันตัดแปลเป็นภาษาจีนให้ข้าพเจ้าฟัง ว่าเจ้า เมืองถามขุนนาง ๔ คนว่า แต่เมืองบาหลีตั้งมาจนทุกวันนี้ไม่มีเรือ โตใหญ่มาค้าขายเหมือนลำนี้เลย ข้าพเจ้าจึงตอบว่าท่านพระสวัสดิวารีเจ้าทรัพย์อยู่ที่กรุงเทพ ฯ แต่งสำเภาเรือปากใต้ไปเที่ยวค้าขายหลายบ้านหลายเมืองจะต้องการพลอย เพ็ชร ทับทิม มรกฎที่ใหญ่ ๆ ไปทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็หาไม่ได้ มีแต่เล็ก ๆ เท่าผลสวาดิผลบัวบ้าง กล่ำใหญ่กล่ำเล็กบ้าง ได้ ยินชื่อเมืองบาหลีนี้ว่าเปนเมืองใหญ่ตั้งมาช้านาน หามีลูกค้าผู้ใดไป ค้าขายถึงไม่ จึงแต่งเรือชนิดกลางปาก ๔ วา บรรทุกสินค้าได้ หนักสักห้าพันเศษ เปนทุนเงินสักหมื่นเหรียญเศษ ท่านพระ สวัสดิวารีสั่งมาว่า ถ้าพบเพ็ชรพลอยที่ดีจะเปนราคามากน้อยเท่า ใดก็ให้ซื้อเข้าไปให้สิ้นเงินหมื่นเหรียญ จะได้พลอยสักเม็ด ๑ ฤๅ ๒ เม็ดก็ตามเถิด เจ้าเมืองจึงตอบว่า เมืองบาหลีนี้เปนเมือง ป่าเมืองเกาะ หามีของดีวิเศษไม่ มีแต่ของป่าเงินทองเบี้ยอีแปะ เมืองอื่น ๆ เอามาแลกของป่าไป แล้วข้าพเจ้าก็ลาว่าจะไปหา เจ้าเมืองกาล่งกง ซึ่งเปนเจ้าเมืองผู้ใหญ่ กะปิตันก็พาข้าพเจ้า เดินออกมาจากบ้านเจ้าเมืองขึ้นเนินเขาสูงขึ้นไป ๘ ชั้น ทางประ มาณ ๒๐๐ เส้นเศษ มีบ้าน ๒ แถวมีต้นไม้ทั้ง ๒ ฟาก ร่มตลอด ไปจนถึงบ้านเจ้าเมืองกาล่งกง มีกำแพงก่อด้วยอิฐสุกใบสอดิน