หน้า:พงศาวดารเหนือ - ๒๔๗๔.pdf/25

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๑๓

ถือความสัจอยู่มิให้พลาดพลั้ง จึงมีตบเดชะ ว่าสิ่งใดก็เป็นสิ่งนั้นทุกอัน แลพระองค์ก็จึงให้เอาพสุจกุมารผู้เป็นน้องตั้งพระราชวังอยู่นอกเมือง แลเจ้าพสุจกุมาร เจ้าฤทธิกุมาร เป็นอันรักใคร่กันเป็นอันนักหนา มิได้ฉันทาโทษาแก่กัน ไปมาด้วยกัน เข้าไปถวายบังคมด้วยกันมิได้ขาดในพระราชวัง

แลเมืองพิไชยเชียงใหม่มีแต่พระราชธิดาแลหาพระราชบุตรมิได้ แต่อำมาตย์เมืองพิไชยเชียงใหม่จึงกราบทูลขอพระราชทานเจ้าฤทธิกุมารจะให้เสวยราชสมบัติสืบตระกูลมิให้ขาดเสียได้ แลสมเด็จพระอรุณราชจึงพระราชทานเจ้าฤทธิกุมารผู้เป็นน้องเสด็จขึ้นไปด้วยกัน แลให้เจ้าพสุจกุมารอยู่รักษาเมืองกับนางพสุจเทวี พระองค์ทรงช้างเผือกงาดำมีฤทธิ์ยิ่งนักหนา กับด้วยอำมาตย์เสนาเสด็จประพาสตีนพนมใหญ่กึ่งกลางหน แลจึงเจ้าฤทธิกุมารผู้น้องผันหน้าช้างเข้าต่อกัน แล้วพระองค์จึงจับเอาคนทีทองเต็มไปด้วยน้ำ ทรงอธิษฐานให้เป็นแว่นแคว้นแห่งเจ้าแต่วันนี้ไป พระองค์จึงทรงเทน้ำในคนทีทองลงไปเป็นสำคัญ แล้วจึงเอาตะปูทองแดงใหญ่ ๓ กำ ๓ วา ๓ ตัว ปักไว้เป็นประธาน ครั้นพระองค์ปักแดนไว้ให้แล้ว ก็เสด็จขึ้นถึงเมือง แล้วนางมลิกาลูกเจ้าเมืองเชียงใหม่มาต้อนรับเสด็จเข้าไปในเรือนหลวง แล้วท้าวพระยาอำมาตย์เสนาทั้งหลายก็กราบตีนพนมใหญ่กึ่งกลางหน แลจึงเจ้าฤทธิกุมารผู้น้องผันหน้าช้างเจ้าต่อกัน แล้วพระองค์จึงจับเอาคนทีทองเต็มไปด้วยน้ำทรงอธิษฐานให้เป็นแดนแว่นแคว้นแห่งเจ้าแต่วันนี้ไป พระองค์จึงทรงเทน้ำในคนทีทองลงไปเป็นสำคัญ แล้วจึงเอาตะปูทองแดงใหญ่ ๓ กำ ๓ วา ๓ ตัวปักไว้เป็นประธาน ครั้นพระองค์ปักแดนไว้ให้แล้วก็เสด็จขึ้นถึงเมือง แล้วนางมลิกาลูกเจ้าเมืองเชียงใหม่มาต้อนรับเสด็จเข้าไปในเรือนหลวง แล้วท้าวพระยาอำมาตย์เสนาทั้งหลายก็กราบถวายบังคมแก่พระองค์เจ้าแล้ว

แลขณะนั้น พระอรหันต์เจ้านับได้เป็นหลายพระองค์แลพระมหากษัตริย์เจ้าจึงให้ไปว่า นางมลิกาเทวีผู้นี้เป็นไฉน อำมาตย์จึงให้ไปถามพระอรหันต์เจ้า ๆ จึงเล็กด้วยทิพยจักษุรู้แล้วจึงบอกแก่อำมาตย์ว่า