หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/104

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๗

ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง เสด็จออกประพาศพระอุทยาน ทรงม้าสีขาวเปนราชพาหนะ ประดับด้วยเครื่องม้าล้วนแล้วด้วยแก้วต่าง ๆ แลมีพลอยทับทิมดวงหนึ่งใหญ่เท่าผลหมากสงทั้งเปลือกผูกห้อยคอม้าพระที่นั่ง แสงทับทิมนั้นจับพระองค์แลตัวม้าแดงไปทั้งสิ้น พร้อมด้วยราชบริวารแห่แหนไปเปนอันมาก โปรดให้ราชทูตตามเสด็จด้วย ครั้นถึงพระอุทยาน จึงตรัศสั่งให้ถามทูตว่า พลอยทับทิมดวงใหญ่เท่านี้ พระนครศรีอยุทธยามีมากฤๅน้อย ราชทูตให้กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเปนแต่คนภายนอก มิใช่ชาวพระคลัง ซึ่งจะกราบทูลว่า มีมากน้อยเท่าใดนั้น เกรงจะเปนเท็จ แต่รับพระราชทานเห็นครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้ากรุงไทยเสด็จออกไปประพาศพระอุทยาน ทรงม้าพระที่นั่งสีขาว มีพลอยทับทิมดวงหนึ่งผูกคอม้าพระที่นั่ง มีสัณฐานใหญ่ประมาณเท่านี้ พระเจ้าฝรั่งเศสได้ทรงฟังก็เข้าพระไทยในคำราชทูต ทรงพระโสมนัศตรัศสรรเสริญว่า ราชทูตเจรจาไพเราะห์ ควรจะเอาไว้เปนอย่างได้ สั่งให้จดหมายเอาถ้อยคำไว้เปนฉบับสืบไปภายน่า แล้วเสด็จเที่ยวประพาศอุทยาน จนเพลาเย็นก็เสด็จกลับเข้าพระราชวัง เวลาวันหนึ่ง ราชทูตเข้าเฝ้า จึงให้กราบทูลพระกรุณาว่า ลูกค้าณเมืองนี้เข้าไปค้าขายณพระนครศรีอยุทธยา กราบทูลพระเจ้าอยู่หัวกรุงไทยสรรเสริญของวิเศษต่าง ๆ แลภายในพระราชนิเวศว่า งามหาที่สุดมิได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะใคร่เห็นความจริง จึงดำรัศใช้ข้าพระพุทธเจ้าให้จำทูลพระราชสาสนกับทั้งเครื่องมงคลราชบรรณาการออกมาเจริญทางพระราชไมตรีด้วย พระเจ้าฝรั่งเศสได้ทรงฟังก็ทรงโสมนัศ ดำรัศสั่งให้ข้าหลวงพาทูตานุทูตเข้าไปเที่ยวชมท้องพระโรงข้างในแลพระ