หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/108

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๗๑

แล้วให้ตั้งค่ายอยู่เปนหลายค่าย เกณฑ์พลทหารแยกกันไปตีบ้านใหญ่บ้านน้อยในแว่นแคว้นเมืองอังวะได้ครอบครัวคนเชลยเปนอันมาก แล้วให้ลาดตระเวนทั้งทางบกทางเรือบรรจบถึงกันมิให้ชาวเมืองออกลาดหากินได้สดวก ให้เที่ยวกวาดรวบรวมอาหารมาใส่ยุ้งฉางไว้ในค่ายก็ได้น้อยนัก ด้วยปีนั้นเมืองอังวะบังเกิดฝนแล้ง เข้ากล้าในท้องนาจึงได้ผลน้อยมิได้บริบูรณ์ ฝ่ายพระเจ้าอังวะจึงให้มังจาเลราชบุตรยกพลทหาร ๑๐๐๐๐ ออกตั้งค่ายรับนอกเมืองเปนหลายค่าย พระยาสีหราชเดโชกองน่ายกพลเข้ารบกับกองทัพพม่ากลางแปลงเปนหลายครั้ง พลพม่าต่อรบเปนสามารถ ต้านทานมิได้ ก็แตกฉานหนีเข้าค่ายทุกครั้ง วันหนึ่ง นายทัพพม่าคิดกลศึกซุ่มพลทหารไว้ในค่ายใหญ่เปนหลายกอง แล้วแต่งทัพฬ่อออกมารบกับทัพไทย ทำเสียทีแตกหนีเข้าค่าย เปิดประตูหลังค่ายหนีไป พระยาสีหราชเดโชมิทันแจ้งในกลอุบายข้าศึก ขี่ม้าขาวควบขับนำพลทหารประมาณ ๕๐๐ เข้าไปในค่าย พลพม่าซึ่งลงซ่อนซุ่มอยู่ในสนามเพลาะภายในค่ายก็ขึ้นจากสนามเพลาะพร้อมกันไล่ล้อมพลทหารไทย ๆ สู้รบถึงตลุมบอน พลพม่ามากกว่าหลายเท่า ก็เข้ากลุ้มรุมกันจับไทยได้เปนอันมาก แต่พระยาสีหราชเดโชยหิปคนนี้มีวิชาหายตัวได้อึดใจหนึ่ง ถือหอกควบขับม้าขาวไล่แทงพม่าล้มตายลงเปนหลายสิบ พม่าเห็นตัวบ้างไม่เห็นตัวบ้าง ก็ไล่ล้อมรบเปนหมู่ ๆ ไป แลพระยาสีหราชเดโชสู้รบจนสิ้นกำลัง ก็ตกลงจากหลังม้า จะกลั้นอัศสาประสาสก็เร็วเข้าด้วยกำลังเหนื่อย พม่าแลเห็นตัวถนัดก็เข้าล้อมกลุ้มรุมจับตัวได้พันธนาไว้แล้วชวนกันฟันแทงมิได้เข้าด้วยมีวิชาคงทนอาวุธ แลพวกพลทหารไทยก็ล้วนคงกระพันทั้งสิ้น อาวุธข้าศึก