หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/125

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๘๘

พระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัศได้ทรงฟังดังนั้นก็ชอบพระไทยในถ้อยคำเจ้าพระยาโกษากราบทูลนั้น ทรงพระโสมนัศดำรัศสรรเสริญสติปัญญาเปนอันมาก แลทรงพระกรุณาพระราชทานพระแสงดาบต้นอันทรงนั้นให้แก่เจ้าพระยาโกษาธิบดีเพื่อจะให้สิทธิขาดพระราชอาชญาสิทธิ แลโปรดพระราชทานให้รับพระโองการดังนั้น แล้วดำรัศอนุญาตว่า ท่านจงไปลองศึกดูตามความปราถนาเถิด จึงเจ้าพระยาโกษารับพระราชทานพระแสงดาบ แล้วก็กราบถวายบังคมลาออกมายังศาลาลูกขุนใน จึงสั่งมหาดไทยกระลาโหมให้แจกพระราชกำหนดข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งหลายฝ่ายทหารพลเรือน กะเกณฑ์พล ๓๐๐๐ ให้ยกไปตั้งค่ายตำบลที่ใกล้พเนียดโดยกว้าง ๓ เส้น โดยยาว ๓ เส้น ๑๐ วา แลให้ตัดไม้ไผ่มาตั้งค่ายเอาปลายปักลงให้สิ้น ขุดมูลดินถมเปนสนามเพลาะปักขวากหนามตามธรรมเนียมพร้อมเสร็จ ให้สำเร็จแต่วันพรุ่งรุ่งแล้วสามนาฬิกา ถ้าแลเราไปเลียบค่าย น่าที่ผู้ใดไม่สำเร็จในเพลานั้น ก็จะลงโทษแก่ผู้นั้นถึงสิ้นชีวิตร ส่วนเจ้าพระยาจักรี กระลาโหม แลท้าวพระยาข้าราชการทั้งหลาย ได้แจ้งในพระราชกำหนดดังนั้น ก็สดุ้งตกใจกลัวยิ่งนัก ต่าง ๆ เร่งกะเกณฑ์กันทุกหมู่ทุกกรมในวันนั้นได้พล ๓๐๐๐ แล้วก็ให้ไปตัดไม้ไผ่อันจะมาทำเปนเสาค่ายคนละ ๒ ท่อน แล้วก็ยกขึ้นไปยังที่ใกล้พเนียด แบ่งปันน่าที่กันตั้งค่ายแต่ในเพลากลางคืนวันนั้นทุกหมู่ทุกกรม แลปักเสาเอาปลายลงดินเอาต้นขึ้นสิ้น ชิดกันเปนท่องแถวแต่เบื้องบน เบื้องล่างนั้นห่างกันไปเปนอันมาก แลกระทำการทั้งปวงพอรุ่งก็สำเร็จ ในขณะนั้น ขุนหมื่นเจ้าน่าที่ผู้หนึ่งเห็นเชิงค่ายทั้งหลายห่างกันนัก จึงปักกลับเอาต้นลงดินแทรกเข้าเสาหนึ่งในระหว่างอันห่างนั้น