หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/147

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๑๐

สเทินมาถึงน่าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จึงเสด็จลงจากม้าพระที่นั่ง มีพระราชโองการตรัศเรียกพระเพทราชาเข้ามาแล้วดำรัศว่า ท่านจงมาขี่ม้าแดงพยดตัวนี้ ลองดูจะขี่ได้ฤๅมิได้ จึงพระเพทราชารับพระราชโองการ กราบถวายบังคม แล้วก็เปลื้องผ้าส่านซึ่งเกี้ยวพุงนั้นออกปูทับพระยี่ภู่บนอานม้าเพื่อเคารพในลอองธุลีพระบาทมิได้นั่งร่วมราชาอาศน์นั้น จึงขึ้นขี่ม้าพระที่นั่งขับย่างไป ฝ่ายตำรวจแห่น่าหลังแลเจ้าพนักงานซึ่งถือเครื่องสูงแลกลองชนะแตรสังข์ทั้งหลายก็สำคัญว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน จึงประโคมแตรสังข์เภรีนี่สนั่นนฤนาทเคลื่อนขยายพยุหบาตราเปนมหามงคลนิมิตรเหตุอันพระเพทราชาจะได้เสวยราชสมบัติเปนบรมกระษัตริย์ผ่านธรณีนั้น แลพระเพทราชาเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงลงเสียจากม้าพระที่นั่ง กราบถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๆ ตรัศทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็ทรงพระสรวลว่า คนทั้งหลายนี้มันสำคัญว่าเรา แล้วเสด็จกลับขึ้นทรงม้าพระที่นั่งไปยังพระราชวังนั้น พระบาทสมเด็จบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสวยสวรรยาธิปัตยถวัลยราชณเมืองลพบุรีแลพระนครศรีอยุทธยาเปนมหาบรมศุขสนุกคับคั่ง พรั่งพร้อมด้วยพลช้างพลม้าพลานิกรทวยหาญล้วนแกล้วกล้าสามารถ ปราศจากอรินราชไพรี มิได้มีมายายีบีฑาเอาพระเดชเดชานุภาพกฤษฎาธิการ แลพระองค์เสด็จผ่านพิภพศิริมไหสุริยสันตติวงษ์ ดำรงราชอาณาจักรโดยยุติธรรมโบราณราชบรมกระษัตริย์สืบกันมา ฟ้าฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ธัญญาหารก็บริบูรณ์ทั่วนิคมชนบท พระเกียรติยศคือฉัตรแก้วกั้งเกษ ทุกประเทศธานีใหญ่น้อยทั้งปวงซึ่งเปนข้าขอบขัณฑเสมาก็ผาสุกสมบูรณ์ยิ่งนัก.