หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/152

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๑๕

เห็นผู้คนถืออาวุธเปนอันมาก ก็ตกใจกลัวยิ่งนัก แลจะคิดอ่านประการใดก็เห็นไม่ได้ ด้วยการนั้นจู่เอามิทันรู้ตัว กลัวความตายก็ต้องนิ่งอยู่ มิรู้ที่จะโต้ตอบประการใด บ้างก็ยอบกายถวายบังคมเปนอันมาก หลวงสรศักดิ์เห็นดังนั้นก็จับดาบขึ้นกวัดแกว่างแล้วก็ร้องคุกคามสำทับไปว่า คนทั้งหลายนี้ไฉนจึงนิ่งอยู่เล่า จะเข้าด้วยเราฤๅหาไม่ ให้เร่งว่ามา ถ้าผู้ใดไม่เข้าด้วยเรา ๆ ก็จะฟันเสียบัดนี้ ส่วนท้าวพระยาข้าราชการทั้งหลายเห็นดังนั้นก็ยิ่งสดุ้งตกใจกลัวความตายยิ่งนัก ต่างคนต่างถวายบังคมลงพร้อมกันแล้วกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอเข้าด้วยพระองค์ทั้งสิ้น แลจะขอเปนข้าทำราชการอยู่ในใต้ลอองธุลีพระบาทสืบไป หลวงสรศักดิ์เห็นขุนนางทั้งปวงอยู่ในอำนาจสิ้นแล้ว ก็เข้าไปถวายบังคมพระเพทราชาผู้เปนบิดา แลรับพระโองการแล้วมอบเวนสมบัติถวายแก่พระเพทราชานั้น ฝ่ายท้าวพระยาข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งหลายก็รับพระบัณฑูรแก่หลวงสรศักดิ์ แลอัญเชิญขึ้นประดิษฐานณที่มหาอุปราช ในขณะนั้น จึงหลวงสรศักดิ์ผู้สำเร็จราชการณที่มหาอุปราชก็ใช้ให้ทนายไปอาราธนาพระพุทธรูปพระคัมภีร์ปริยัติธรรมณเรือน แลให้ไปนิมนต์พระสงฆ์คามวาสีแลราชาคณะมาด้วยพร้อมกัน แล้วก็ถวายนมัสการพระรัตนไตรยาธิคุณสุนทรภาพด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วให้ขุนนางทั้งนั้นกินน้ำพิพัฒสัตยาถวายสาบาลตามโบราณราชประเพณีเสร็จทุกประการ จึงพระเพทราชาผู้สำเร็จราชการแผ่นดินก็ให้เจ้าพระยาสุรสงครามเปนผู้รับสั่งให้ไปหาตัวเจ้าพระยาวิไชเยนทร์เข้ามา ถ้าสำเร็จราชการแล้ว เราจะเลี้ยงให้ถึงขนาด แลเจ้าพระยาสุรสงครามก็สั่งให้ทนายออกไปหาตัวเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ณบ้านว่า มีพระราชโองการ