หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/165

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒๘

ศอกคืบ มียอด ๕ ยอด ภายในพระเมรุทองนั้นก็ประกอบด้วยเครื่องสรรพโสภณพิจิตรต่าง ๆ สรรพด้วยพระเมรุทิศ พระเมรุแทรก แลสาม สร้างเสร็จ แลการพระเมรุมาศนั้นประมาณ ๘ เดือนจึงสำเร็จ.

ครั้นถึงวันเพ็ญ เดือนหก ปีกุญ เบญจศก ได้มหาศุภนักขัตฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ให้อัญเชิญพระบรมโกษฐลงจากพระมหาปราสาทที่นั่งสุริยามรินทร ประดิษฐานเหนือบุษบกพระมหาพิไชยราชรถอันอลังการด้วยสุวรรณรัตนวิจิตรต่าง ๆ สรรพด้วยเสวตรบวรฉัตรขนัดพระอภิรุมชุมสายพรายพรรณบังพระสุริยันบังแทรกสลอน พลแตรงอนแตรฝรั่งอุโฆษสังข์นี่สนั่น บันฦๅลั่นด้วยศัพทสำเนียงเสียงดุริยางคดนตรีปี่กลองชะนะประโคมครั่นครื้นกึกก้องกาหฬนฤนาท แลรถสมเด็จพระสังฆราชสำแดงพระอภิธรรมกถา แลรถโปรยเข้าตอกดอกไม้ รถโยง รถท่อนจันทน์ แลรูปนา ๆ สัตวจัตุบาททวิบาททั้งหลาย หลังมีสังเค็ดใส่ไตรจีวรเปนคู่ ๆ แห่ดูมโหฬาราดิเรกพันฦก อธึกด้วยพลแห่แหนแน่นหนั่นเปนขนัดโดยขบวนซ้ายขวาน่าหลัง พรั่งพร้อมด้วยท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขลูกขุนข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งหลาย ล้วนแต่งกายนุ่งผ้าขาวท้องขาวกรวยเชิงใส่ลำพอกเสื้อครุยแวดล้อมพระพิไชยราชรถแลตามไปเบื้องหลังเปนอันมากตามอย่างพระราชประเพณีมาแต่ก่อน จึงขยายพยุหบาตราไปโดยรัถยาราชวัตรอันรายรื่นเรี่ยทรายสอาดตา ครั้นพระบรมศพถึงน่าพระที่นั่งจักรวรรดิ จึงทรงพระกรุณาให้ตีฆ้องสัญญาให้หยุดกระบวนแห่ทั้งปวงน่าหลัง แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพัชนีฝักมขามโบกสามทีให้ทิ้งทาน ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ประจำต้นกัลปพฤกษ์ถวายบังคมสามลาแล้วก็ทิ้งทาน ครั้นทิ้งทาน