หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/166

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๒๙

แล้วก็ให้ตีฆ้องสัญญาให้ยาตรากระบวนแห่ทั้งปวงไปถึงพระเมรุมาศ จึงเชิญพระบรมโกษฐเข้าประดิษฐานในพระเมรุทอง ทรงพระกรุณาให้มีการมหรศพสมโภชแลดอกไม้เพลิงต่าง ๆ แล้วทรงสดับปกรณ์พระสงฆ์หมื่นหนึ่ง คำรบ ๗ วันแล้วถวายพระเพลิง ครั้นดับพระเพลิงแล้ว แปลงพระรูปสดับปกรณ์พระสงฆ์อิกสี่ร้อยรูป แล้วเก็บพระอัฐิใส่พระโกษฐน้อยอัญเชิญขึ้นพระยานุมาศ แห่เปนขบวนเข้ามายังพระราชวัง จึงอัญเชิญพระโกษฐพระอัฐิเข้าบรรจุไว้ณท้ายจรนำพระมหาวิหารวัดพระศรีสรรเพชดาราม.

ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงพระราชดำริห์แคลงกรมพระราชวังหลังแลเจ้าพระยาสุรสงคราม ด้วยมีอิศริยยศบริวารยศก็มาก เกรงจะเปนศัตรูแก่ราชสมบัติ จึงเอาคดีอันเปนคุยห์รหัศนั้นมากราบทูลแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง แลอุบายให้เอาถาดทองในพระราชวังลงไปซุ่มซ่อนไว้ณวังหลัง แล้วให้ลูกขุนพิจารณาว่า ถาดทองในพระราชวังมีผู้ร้ายลักเอาไป ครั้นสืบสาวได้ถาดทองณวังหลัง จึงให้ข้าหลวงไปกุมเอากรมพระราชวังหลัง แล้วให้ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขลูกขุนทั้งหลายประชุมกันพิพากษาว่า กรมพระราชวังหลังเปนขบถ ให้สำเร็จโทษเสีย ท้าวพระยาทั้งหลายลงเปนคำเดียวกันดุจพระราชอัธยาไศรย แต่เจ้าพระยาสุรสงครามผู้เดียวมิลงด้วยท้าวพระยาทั้งปวงแล้วว่า ยังมิเห็นสม ขอพระราชทานให้งดไว้ก่อน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ตรัศทราบดังนั้นก็ทรงพระพิโรธ ดำรัศว่า เจ้าพระยาสุรสงครามเปนสมัคพรรคพวกเข้าด้วยผู้คิดมิชอบ ให้จำเจ้าพระยาสุรสงครามเข้าห้าประการ แล้วให้เอากรมพระ