หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/167

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๐

ราชวังหลังไปสำเร็จโทษเสียตามคำพิพากษา แล้วดำรัศปฤกษาด้วยท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายว่า ธรรมดาคนที่มีศรัทธาสร้างพระเจดียฐานไว้ในพระพุทธสาสนานั้น ต้องมีร่างร้านเสียก่อน จึงจะก่อขึ้นได้ ครั้นเสร็จการแล้ว ควรจะเอาร่างร้านไว้ฤๅ ๆ จะรื้อร่างร้านเสียประการใด แลท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายกราบทูลพระกรุณาว่า ควรจะรื้อร่างร้านเสีย แลซึ่งจะเอาไว้นั้นหาต้องการไม่ จึงมีพระราชดำรัศสั่งให้ท้าวพระยาผู้ใหญ่ไปบอกแก่เจ้าพระยาสุรสงครามว่า ซึ่งจะอยู่นั้นกีดขวาง หาเปนประโยชน์สิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ อย่าอยู่เลย จงก้มหน้าไปหาความชอบในปรโลกเถิด บุตรภรรยานั้นทรงพระกรุณาจะชุบเลี้ยง อย่าวิตก แลให้เอาเจ้าพระยาสุรสงครามไปประหารชีวิตรเสียในเดือนสิบเอ็จ ปีกุญ เบญจศกนั้น แล้วทรงพระกรุณาให้เอาบุตรชายอายุสิบเดือนเข้ามาเลี้ยงไว้ในพระราชวัง พระราชทานพี่เลี้ยงนามนมให้อภิบาลรักษา แล้วทรงพระกรุณาตั้งขุนองค์มีความชอบ ให้เปนเจ้าพระยาสุรสงครามแทนที่ พระราชทานเครื่องยศให้ตามตำแหน่งถานานุศักดิ์.

ลุศักราช ๑๐๔๖ ปีชวด ฉศก ขณะนั้น เกิดขบถอ้ายทำมเถียน ข้าหลวงเดิมเจ้าฟ้าอไภยทศ เปนจลาจลในจังหวัดแขวงหัวเมืองนครนายก แลอ้ายทำมเถียนกระทำการโกหกติดไฝที่หน้าให้เหมือนเจ้าฟ้าอไภยทศ สำแดงแก่ชาวชนบทประเทศทั้งปวงว่า ตัวเปนเจ้าฟ้าอไภยทศ ซึ่งเอาไปสำเร็จโทษเสียณวัดทราก แขวงเมืองลพบุรีนั้น หาตายไม่ แลชาวชนบทประเทศทั้งหลายที่ไม่รู้จักนั้นสำคัญว่าจริง ก็เชื่อถือเข้าเปนสมัคพรรคพวกขบถทำมเถียนเปนอันมาก แลขบถทำมเถียนขึ้นขี่ช้างพลายกางตัวหนึ่งสูงห้าศอกมีเศษ กับอ้ายคุลาทาษผู้หนึ่งเปนควาญ พาสมัคพรรคพวก