หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/168

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๑

ยกเข้ามาซ่องสุมคนถึงแขวงเมืองสุระบุรีแลแขวงขุนลคร ได้สมัคพรรคพวกเปนอันมาก ครั้นถึงเดือนสาม ก็ยกมาตั้งอยู่ณพระตำหนักพระนครหลวงประมาณสามวัน แล้วให้คนสนิทลอบลงไปนิมนต์พระพรหมณวัดปากคลองช้างว่า เจ้าฟ้าอไภยทศเสด็จมาอยู่ณพระตำหนักพระนครหลวงได้สามวันแล้ว บัดนี้ รับสั่งให้มานิมนต์พระผู้เปนเจ้าขึ้นไป ครั้นพระพรหมได้แจ้งดังนั้น จึงว่าแก่ผู้ซึ่งมานิมนต์ว่า ถ้าแลลูกกูยังอยู่จริง ไหนเลยจะอยู่แต่ที่พระนครหลวงเล่า ก็จะลงมาถึงนี่ การทั้งนี้หากโกหก หาจริงไม่ สูเจ้าอย่าเชื่อถือ ถ้าแลผู้ใดเชื่อมันถือมัน ผู้นั้นก็จะพลอยตายเสียเปล่าเปนมั่นคง ผู้ซึ่งมานิมนต์ได้ยินดังนั้นก็กลับไปบอกกัน ต่างคนต่างแตกหนีออกเสียเปนอันมาก ที่เชื่อถือยังอยู่นั้นก็มาก ครั้นรุ่งเช้า ขบถทำมเถียนก็ขึ้นขี่ช้างแวดล้อมไปด้วยพวกพลทั้งหลายยกจากพระนครหลวงจะลงมาตีกรุงเทพมหานคร แลประกาศแก่คนทั้งหลายว่า ตัวกูคือเจ้าฟ้าอไภยทศ จะยกลงไปตีเอาราชสมบัติคืนให้จงได้ แลชาวคามนิคมทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็เชื่อฟังถือแท้ว่าเจ้าฟ้าอไภยทศ ต่างคนก็ถือเครื่องสาตราวุธต่าง ๆ ตามมี ที่ไม่มีอาวุธสิ่งใดก็ถือพร้าบ้าง ๆ ก็ได้ประตักแลเคียว แห่ห้อมล้อมช้างขบถทำมเถียนมาเปนอันมาก แลโห่ร้องยกมาทางคลองบ่อโพง จะเข้ามายังพเนียด.

ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอกรมพระราชวังบวรเสด็จทรงช้างพระที่นั่งอยู่ณพเนียด ทอดพระเนตรให้จับช้างอยู่ณกลางแปลง มีผู้มีชื่อมากราบทูลว่า พวกอ้ายคิดมิชอบคิดอ่านกันเปนอันมาก บัดนี้ ยกเข้ามาจะตีกรุง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรตรัศได้ทรงฟังดังนั้นก็ตกพระไทย มีพระราชบัณฑูรตรัศให้ตำรวจเอาม้าเร็วรีบออกไปสืบดู