หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/171

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๔

บรมบพิตรพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จยาตราพระคชาธารมาถึงต้นสพานช้าง พอมหาดเล็กซึ่งไปเชิญพระแสงขอนั้นมาทันเข้าทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงรับพระแสงขอพาดตระพองพระยาสารลง พอขุนพรหมธิบาลมาถึง ถวายบังคม ทูลประพฤดิเหตุทั้งปวงพร้อมกันเข้าที่นั่น ก็ดีพระไทย จึงมีพระราชโองการตรัศสั่งให้กะเกณฑ์กันไปตามจับสมัคพรรคพวกอ้ายขบถให้ได้จงสิ้นเชิง แล้วเสด็จกลับยังพระราชวัง ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรก็ดำรัศให้กะเกณฑ์ข้าหลวงไปติดตามจับกุมสมัคพรรคพวกอ้ายเหล่าร้าย แล้วเสด็จมายังพระราชวังหลวง ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระราชบิดา ถวายบังคมทูลแถลงการณ์ทั้งปวงให้ทราบสิ้นทุกประการ ครั้นได้พรรคพวกอ้ายคิดมิชอบสิ้นเชิงแล้ว ก็ให้ประหารชีวิตรอ้ายขบถทำมเถียนแลพรรคพวกต้นเหตุทั้งปวงนั้นเสียเปนอันมาก ที่เปนแต่ปลายเหตุนั้น ให้จำใส่เรือนตรุแลส่งไปเปนตพุ่นหญ้าช้างนั้นก็มาก ที่แตกหนีเข้าป่าดงไปนั้นก็มาก จนบ้านแขวงเมืองสุระบุรี เมืองลพบุรี แลแขวงขุนลคร ร้างเสียหลายตำบล.

ในขณะเมื่อศักราช ๑๐๔๕ ปีกุญ เบญจศก ล่วงไปแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแรกเสด็จขึ้นราชาภิเศกเสวยราชสมบัติแลมีพระราชโองการให้หาบรรดาท้าวพระยาพระหัวเมืองทั้งปากใต้ฝ่ายเหนือทั้งหลายเข้ามาถวายบังคมถือน้ำพระพิพัฒสัตยาทุกหัวเมือง แต่พระยายมราชสังข์ซึ่งไปครองเมืองนครราชสิมาแลพระยารามเดโชซึ่งไปครองเมืองนครศรีธรรมราชครั้งสมเด็จพระนารายน์เปนเจ้านั้นแจ้งว่า พระเจ้าอยู่หัวได้เสวยราชสมบัติแล้ว แลพระยาทั้งสองก็บังเกิดทิฐิมานะกระด้างกระเดื่องขัดรับสั่ง แขงเมืองอยู่มิได้เข้ามาถวายบังคม ครั้นเมื่อ