หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/172

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๓๕

เสร็จการฆ่าพวกอ้ายขบถทำมเถียนแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชดำรัศปฤกษาด้วยพระบรมโอรสาธิราชกรมพระราชวังบวรว่า ซึ่งหัวเมืองทั้งสองเปนขบถแขงเมืองอยู่ฉนี้ จะไว้ช้ามิได้ จำจะเกณฑ์กองทัพยกไปตีเสียจึงจะชอบ แต่ทว่า เมืองนครราชสิมาอยู่ใกล้ ควรจะให้ไปตีเสียก่อน ครั้นได้แล้วจึงให้ไปตีเอาเมืองนครศรีธรรมราชต่อภายหลัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็เห็นชอบด้วยโดยพระราชบริหารทุกประการ จึงมีพระราชดำรัศสั่งสมุหนายกให้ตระเตรียมรี้พลเครื่องสรรพาวุธไว้ให้สรรพ ขณะนั้น พระยาสีหราชเดโชครั้งสมเด็จพระนารายน์ถึงอนิจกรรมเสียแล้ว แลทรงพระกรุณาตั้งข้าหลวงเดิมคนหนึ่งเปนพระยาสีหราชเดโชแทนที่แล้ว ดำรัศให้เปนแม่ทัพไปตีเมืองนครราชสิมา แล้วตั้งข้าหลวงเดิมคนหนึ่งเปนพระยานครราชสิมา ให้เปนกองน่า ถ้าตีได้เมืองนครราชสิมาแล้วให้อยู่รั้งเมือง แล้วดำรัศให้ท้าวพระยาอาสาหกเหล่าทั้งหลายเปนยุกรบัตรเกียกกายกองหลัง แลพลสกรรจ์ลำเครื่องหมื่นหนึ่ง ช้างเครื่อง ๒๐๐ ม้า ๓๐๐ แลเครื่องสาตราวุธปืนใหญ่น้อยกระสุนดินประสิวแลเสบียงอาหารสำหรับทัพทั้งปวงพร้อมเสร็จ ครั้นถึงวันอันได้มหาพิไชยฤกษ์ในเดือนสี่ ปีชวด ฉศกนั้น จึงพระยาสีหราชเดโช แลท้าวพระยานายทัพนายกองทั้งหลายก็กราบถวายบังคมลายกช้างม้ารี้พลไปโดยทางเมืองสุระบุรี ฝ่ายพระยานครราชสิมาแจ้งว่า กองทัพกรุงยกขึ้นมาดังนั้น ก็ตรวจจัดรี้พลเครื่องสรรพาวุธทั้งปวงพร้อมสรรพ แล้วแต่งทัพยกลงมาตั้งค่ายรายรับตามรยะทางนั้นเปนหลายตำบล.