หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/180

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๔๓

หลายเพลา แลกองทัพเมืองนครเห็นทัพกรุงมีฝีมือเข้มแขง จะรับไว้มิอยู่ ก็แหกหนีออกจากค่ายแต่ในกลางคืน ทัพกรุงไล่ติดตามไปในทันที ทัพเมืองนครมิได้รอรับ วิ่งกระจัดพลัดพรายพ่ายหนีไปเปนอลหม่านไม่เปนตำบลสนธยา เสียพลช้างม้าเครื่องสาตราวุธแก่ทัพกรุงเปนอันมาก ที่ต้องอาวุธบาดเจ็บล้มตายทั้งนายแลไพร่นั้นก็มาก ก็รุดทัพหนีไปยังเมืองนครศรีธรรมราช ฝ่ายทัพกรุงได้ไชยชำนะ จับได้ช้างม้าคนเชลยอาวุธต่าง ๆ เปนอันมาก ก็ยกติดตามไป ครั้นแจ้งว่า ทัพเรือชาวเมืองนครต้านทานอยู่เปนสามารถ เข้ายังมิได้ ก็ยกกองทัพลงไปช่วยตีกระหนาบสกัดหลังทางชายชเล แลทัพเรือเมืองนครถูกทัพกระหนาบน่ากระหนาบหลังเสียรี้พลล้มตายมาก ทานมิได้ ก็แตกฉานพ่ายหนีแลชักใบแล่นกลับไปโดยทิศานุทิศทั้งปวง กองทัพกรุงได้ไชยชำนะ ก็ยกเข้าล้อมเมืองนครศรีธรรมราชพร้อมกันทั้งทัพบกทัพเรือแลตั้งค่ายรายล้อมไปรอบเมือง ฝ่ายพระยารามเดโชเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ครั้นเสียทัพบกทัพเรือแก่ข้าศึกดังนั้นก็เสียใจ จึงจัดทหารขึ้นประจำรักษาน่าที่เชิงเทินโดยรอบกอปรด้วยเครื่องสรรพยุทธป้องกันเมืองเปนสามารถ แล้วแต่งทัพออกไปตีข้าศึก แลได้รบกันทุกวัน ๆ มิได้ขาด จนรามือกันลงแล้ว นัดกันแต่งทหารชำนาญดาบโล่ห์ ดาบดั้ง ดาบสองมือ ให้ออกรำสู้กันตามกระบวนเพลงตัวต่อตัวเปนหลายครั้ง แต่ทัพกรุงกับชาวนครศรีธรรมราชตั้งเคี่ยวขับทำสงครามกันมาช้านานประมาณถึงสามปี ถ้อยทีมีฝีมือเข้มแขง มิได้มีไชยแลปราไชยแก่กัน แลพลซึ่งรักษาน่าที่แลพลค่ายล้อมร้องเพลงถ้อกันไปมาต่าง ๆ ฝ่ายทัพกรุงมีเรือลำเลียงเข้าเสบียงอาหารส่งกันอยู่มิได้ขาด เลี้ยงรี้พลมิได้อดอยาก