หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/183

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๔๖

เมืองละว้า แลตีพม่าซึ่งยกตามมอญเข้ามาตั้งณเมืองไชยโยคนั้น แลเราทั้งสองก็เปนคู่ทุกข์คู่ยาก ได้ทำราชการงานสงครามเอาไชยซำนะมาทูลเกล้าฯ ถวายด้วยกันก็หลายครั้ง แลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดปรานพระราชทานยศศักดิ์ชุบเลี้ยงเราทั้งสองถึงขนาด แลเมื่อพระองค์ทรงพระประชวรนั้น มีทาษปรปักษ์ กล่าวคือ พระเพทราชา แลหลวงสรศักดิ์ สองคนพ่อลูก ละน้ำพิพัฒสัจจาเสีย คิดอ่านทำการขบถช่วงชิงเอาราชสมบัติ แลเสนาบดีทั้งปวงในกรุงมิได้มีผู้ใดช่วยคิดอ่านทำการกำจัดศัตรูราชสมบัติเสียได้ แลพระองค์ทรงพระโทมนัศจนเสด็จสวรรคต แลราชสมบัติก็ได้สิทธิแก่พระเพทราชา แล้วให้หาท้าวพระยาพระหัวเมืองทั้งหลายเข้าไปถวายบังคม ฝ่ายเราขัดแขงอยู่มิได้เข้าไปนั้น ใช่ว่าตัวเราจะเปนขบถต่อแผ่นดินนั้นหามิได้ เหตุว่าเราคิดกระตัญญูในพระผู้เปนเจ้าของเราซึ่งเสด็จสวรรคตนั้น จึงมิได้เข้าไปอ่อนน้อมยอมตัวเปนข้าผู้ประทุษฐร้ายแผ่นดิน ประการหนึ่ง ก็เกิดมาเปนชายชาติทหารคนหนึ่ง ก็มีทิฐิมานะอยู่บ้าง ที่ไม่เคยกลัวเกรงนบนอบไซ้ก็ไม่นบนอบ ถือตัวอยู่ตามประเพณีคดีโลกยวิไสย จึงมีศึกยกมาติดเมืองเรา แลทัพกรุงกับเราได้ทำยุทธนาการสงครามกันมาช้านาน ใช่ว่าทแกล้วทหารแห่งเราจะเข็ดขามคร้ามฝีมือศึกพลทหารกรุงนั้นหามิได้ ก็พอสู้รบกันได้อยู่ แลบัดนี้ ฝ่ายเราหย่อนกำลังลงด้วยขัดเสบียงอาหาร จำเปนจำแพ้ ด้วยออกลาดหากินมิได้ เห็นจะรักษาเมืองไว้เปนอันยาก เราไม่สู้รบแล้ว จะหนีไปจากเมือง แลซึ่งจะแหกออกนั้น อย่าคิดเลยว่าค่ายล้อมทัพกรุงจะทานฝีมือเราได้ คงเราจะแหกออกไปได้ไม่ขัดสน แต่ทว่า จะไปมิตลอด ด้วยไม่มีนาวาที่จะ