หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/190

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๕๓

ดำรัศให้ข้าหลวงสามนายแลกรมช้างออกไปด้วยทูตานุทูต แลให้รับนางช้างเผือกเข้ามาณกรุงโดยระยะสถลมารควิถี หยุดยั้งประทับร้อนแรมมาอย่าให้อิดโรยเปนเหตุการได้ แลข้าหลวงสามนายกับกรมช้างทั้งหลายก็กราบถวายบังคมลาออกไปยังกรุงกัมพูชาธิบดีด้วยทูตานุทูตอันมานั้น ครั้นถึงกรุงกัมพูชาประเทศ เสนาบดีก็นำข้าหลวงเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี ๆ ก็ตรัศพระราชปฏิสันถารเปนอันดี แลให้เลี้ยงดูเหล่าข้าหลวงมิให้อดอยากได้ แล้วให้พระยาพระเขมรสามนายคุมเอานางช้างเผือกไปด้วยข้าหลวงซึ่งออกมารับนั้น แลข้าหลวงสามนายกราบถวายบังคมลาพระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี แล้วก็พานางเสวตรกุญชรออกจากกรุงกัมพุชประเทศกับด้วยพระยาพระเขมรสามนายนั้น แลเดินทางประทับร้อนแรมรอรั้งยั้งหยุดมาโดยลถสมารควิถี กำหนดเดือนหนึ่งกับยี่สิบวันจึงมาถึงกรุงเทพมหานคร จึงทรงพระกรุณาให้ปลูกโรงสมโภชตำบลพเนียด แลให้นางช้างเผือกประทับอยู่ณโรงสมโภชนั้น แล้วก็มีการมหรศพสมโภชคำรบตติยวาร แล้วให้ยาตราพระบรมหัตถีลงสู่เรือขนาน มีเรือคู่ชักแห่แหนเข้ายังพระนคร แล้วให้นำนางเสวตรคเชนทรขึ้นไว้ณโรงยอดในพระราชวัง ทรงพระกรุณาพระราชทานขนานนามบัญญัติชื่อ พระบรมรัตนากาศ ชาติคเชนทร์ วเรนทรมหันต์ อนันตคุณวิบุลยเลิศฟ้า แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกณมุขเด็จพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทพร้อมด้วยเจ้าพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายฝ่ายทหารพลเรือนเฟี้ยมเฝ้าณทิมดาบคดตามตำแหน่งซ้ายขวา จึงให้เบิกพระยาพระเขมรสามนายเข้าเฝ้าถวายบังคมณชาลาหว่างทิมดาบ แลดำรัศพระราชปฏิสันถารสามนัดตามอย่างพระราชประเพณี