หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/198

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖๑

ขัณฑเสมาพระมหานครศรีอยุทธยาไปตราบเท่ากัลปาวสาน จึงเจ้าพระยาจักรีนำเอาลักษณพระราชสาสนพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตขึ้นกราบทูลพระกรุณาให้ทราบสิ้นทุกประการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเครื่องศิริราชาลังการาภรณ์วิภูสิตเสร็จ เสด็จออกณมุขเด็จพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท พร้อมด้วยท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายฝ่ายทหารพลเรือนเฟี้ยมเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณทิมดาบคดตามตำแหน่งซ้ายขวา จึงให้เบิกแสนสุพจนาไมตรีเข้ามาถวายบังคมณชาลาหว่างทิมดาบ แลดำรัศพระราชประฏิสันถารสามนัดตามราชประเพณี แล้วพระราชทานเสื้อผ้าแก่แสนสุพจนาไมตรีโดยสมควร จึงมีพระราชดำรัศสั่งสมุหนายกให้เกณฑ์กองทัพสรรพด้วยช้างม้าเครื่องสาตราวุธทั้งปวงให้พร้อมไว้ แลดำรัศให้พระยานครราชสิมาเปนแม่ทัพหลวง พระสุรบุรีเปนยุกรบัตร พระนครนายกเปนเกียกกาย พระรามกำแหงเปนกองน่า พระยาลพบุรีเปนทัพหลวง ถือพลสกรรจ์ลำเครื่อง ๑๐๐๐๐ ช้างเครื่อง ๓๐๐ ม้า ๔๐๐ สรรพด้วยนานาสรรพาวุธปืนใหญ่ปืนน้อยกระสุนดินประสิวพร้อมเสร็จ ให้ยกไประงับศึกเมืองหลวงพระบางซึ่งยกมาตรีกรุงศรีสัตนาคนหุตนั้น.

ครั้นถึงวันอันได้มหาพิไชยฤกษ์ จึงท้าวพระยานายทัพนายกองทั้งหลายก็กราบถวายบังคมลา ยกช้างม้ารี้พลจากกรุงเทพมหานครกับด้วยแสนสุพจนาไมตรีซึ่งเปนราชทูตนั้น แลเดินทัพไปโดยทางเมืองนครราชสิมา ครั้นใกล้กรุงศรีสัตนาคนหุต จึงให้ตั้งค่ายยับยั้งกองทัพอยู่ที่นั้น จึงปฤกษากันว่า ครั้นจะยกเข้าโจมตีกองทัพชาวเมืองหลวงพระบางบัดนี้ก็จะเสียไมตรีไปดูมิควร แลเราจะแต่งหนังสือให้ไป

๑๑