หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/202

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖๕

พระพุทธมนต์คำรบสามวันแล้ว ถึงวันเปนคำรบสี่ได้ฤกษ์ เพลารุ่งจึงแห่เสด็จไปโสกันต์บนพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท ครั้นโสกันต์แล้วแห่เสด็จมาณโรงพระกระยาสนาน เสด็จขึ้นบนพระเบญจา แล้วถวายเครื่องมุรธาภิเศก สรงน้ำพระพุทธมนต์แลน้ำสังข์ทักษิณาวัฏ ทวิชาจารย์ถวายอาเศียรพาทประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ดุริยางคดนตรี แล้วทรงเครื่องแห่เสด็จกลับเข้าพระราชวัง ครั้นเพลาชายแล้วสามนาฬิกา จึงแห่เสด็จไปสมโภชเวียนพระเทียน เกณฑ์แห่นุ่งสมปักลายใส่เสื้อครุยลำพอกชมพู แลนางเชิญพระแซ่ นางยกเครื่อง นางตามเสด็จทั้งปวงนั้น ล้วนผ้าท้องเขียวชายกรวย ห่มผ้าชมภูขลิบทอง สิ้นคำรบสามวัน เปนหกวันด้วยกันทั้งแห่ไปทรงฟังสวดสามวันนั้น ครั้นโสกันต์แล้ว เจ้าพระขวัญเสด็จออกทรงหัดม้าณท้องสนามหลวงน่าพระที่นั่งจักรวรรดิทุกวัน ๆ ครั้นถึงเดือนสาม สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระประชวรลงได้ประมาณ ๑๕ วัน แลพระโรคนั้นกำเริบหนักลง จะเสวยพระกระยาหารก็ไม่ได้ เกือบใกล้สวรรคตอยู่แล้ว แลพระราชวงศานุวงษ์แลท้าวพระยาข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งหลายก็เข้าไปนอนอยู่ในพระราชวังพร้อมกันสิ้น.

ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรทรงพระราชดำริห์แคลงเจ้าพระขวัญ ด้วยเห็นข้าไทยมาก คนทั้งปวงนิยมยินดีนับถือมาก นานไปภายน่าเกรงจะเปนศัตรูราชสมบัติ จึงทรงคิดการอันเปนคุยห์รหัศแต่กับเจ้าฟ้าเพชร เจ้าฟ้าพระราชวังบวร สองพระองค์ มิให้ผู้อื่นรู้เห็น ครั้นเห็นจวนจะสวรรคตในวันสองวันเปนแน่แท้อยู่แล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนินมายังพระราชวังหลวงกับด้วยพระราชบุตรทั้งสอง