หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/211

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๗๔

อารามนั้นสองปีเศษจึงสำเร็จในปีมเสง ตรีนิศก จึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จด้วยพระชลวิมานโดยกระบวนนาวาพยุหขึ้นไปณพระอารามตำบลโพธิ์ประทับช้างนั้น แลท้าวพระยาข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งขึ้นไปคอยรับเสด็จโดยสถลมารคนั้นก็เปนอันมาก แล้วทรงพระกรุณาให้มีการฉลอง แลมีการมหรศพคำรบสามวัน ทรงถวายไทยทานแก่พระสงฆ์เปนอันมาก แลทรงพระราชอุทิศถวายเลขข้าพระไว้สำหรับอุปฐากพระอาราม ๒๐๐ ครัว แลถวายพระกัลปนาขึ้นแก่พระอารามตามธรรมเนียม แล้วทรงพระกรุณาตั้งเจ้าอธิการชื่อ พระครูธรรมรูจีราชมุนี อยู่ครองพระอาราม ถวายเครื่องสมณบริกขารตามศักดิพระราชาคณะแล้วเสร็จ ก็เสด็จกลับยังกรุงเทพมหานคร จำเดิมแต่นั้นมา พระอารามนั้นก็เรียกว่า วัดโพธิ์ประทับช้าง มาทาบเท่าทุกวันนี้.

เมื่อศักราช ๑๐๖๒ ปีมโรง โทศกนั้น อสนีบาตตกลงต้องยอดพระมรฎปณพระอารามวัดสุมงคลบพิตร ติดเปนเพลิงโพลงขึ้นไหม้เครื่องบนโทรมลงมาต้องพระเศียรพระพุทธรูปหักสบั้นลงมาจนพระสอ แลพระเศียรนั้นตกลงอยู่ณพื้นพระมรฎป จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ช่างพนักงานจับการรื้อพระมรฎปก่อสร้างขึ้นใหม่ แปลงเปนพระมหาวิหารสูงใหญ่ยาวเส้นเศษ สำเร็จในปีมเมีย จัตวาศก แลทรงพระกรุณาให้มีการฉลองแลมีการมหรศพสามวัน แล้วทรงถวายไทยทานแก่พระสงฆ์เปนอันมากเหมือนอย่างทุกครั้ง.

ในขณะนั้น สมเด็จอรรคมเหษีเดิมแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐ ซึ่งเปนพระราชมารดาเลี้ยงของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน ได้อภิบาลบำรุงรักษาพระองค์มาแต่ยังทรงพระเยาว์นั้น ครั้นสมเด็จ