หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/256

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๑๙

เดื่อเปนเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต ตั้งครั้งหลังคราวกรมหมื่นเสพภักดี แลกรมหลวงอไภยนุชิตพระมเหษีใหญ่มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง พระราชธิดา ๖ พระองค์ แลพระเชษฐบุตรีทรงพระนาม เจ้าฟ้าบรม ๑ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร คือ กรมเสนาพิทักษ์ ๑ เจ้าฟ้าธิดา ๑ เจ้าฟ้ารัศมี ๑ เจ้าฟ้าสุริยวงษ์ ๑ เจ้าฟ้าสุริยา ๑ เจ้าฟ้าอินทสุดาวดี ๑ เปน ๗ พระองค์ด้วยกัน แลกรมหลวงพิพิธมนตรีพระอรรคมเหษีน้อยมีพระราชบุตร ๒ พระองค์ พระราชบุตรี ๖ พระองค์ ทรงพระนาม เจ้าฟ้าประภาวดี ๑ เจ้าฟ้าประชาวดี ๑ เจ้าฟ้าพินทวดี ๑[1] เจ้าฟ้าเอกทัต คือ กรมขุนอนุรักษมนตรี นั้น ๑ เจ้าฟ้าจันทวดี ๑ เจ้าฟ้ากระษัตรี ๑ เจ้าฟ้ากุสุมาวดี ๑ เจ้าฟ้าดอกเดื่อ คือ กรมขุนพรพินิต นั้น ๑ เปน ๘ พระองค์ด้วยกัน แลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระพิโรธพระบรมศพพระเชษฐาธิราช ดำรัศว่า เห็นแก่ผู้น้อยดีกว่าผู้ใหญ่ ให้ราชสมบัติแก่บุตร มิได้ให้แก่เราผู้เปนเพื่อนทุกข์เพื่อนยาก คิดจะใคร่เอาศพทิ้งน้ำเสีย ไม่เผาแล้ว ก็อายแก่คนทั้งปวง.

จึงเจ้าพระยาราชนายกผู้ว่าที่สมุหพระกระลาโหมกราบทูลวิงวอนขอให้ถวายพระเพลิงเปนหลายครั้ง จึงทรงพระกรุณาโปรดดำรัศสั่งให้กระทำพระเมรุมาศขนาดน้อย ขื่อห้าวาสองศอก แลการพระเมรุนั้นเก้าเดือนจึงสำเร็จ ครั้นถึงศุภวารดฤถีพิไชยฤกษ์ จึงให้เชิญพระบรมโกษฐไปขึ้นพระมหาพิไชยราชรถพร้อมไปด้วยรูปสัตวแลเครื่องแห่ทั้งปวงตามอย่างโบราณราชประเพณี แห่ไปเข้าพระเมรุมาศ 


  1. (พระราชกระแสในรัชกาลที่ ๔ ว่า) ชื่อเดิมชื่อ เอม อยู่มาจนปีรกา ตรีศก ๑๑๖๓