หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/257

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๒๐

ให้นิมนต์พระสงฆ์มาสดับปกรณ์หกพัน ถวายไตรจีวรปริขารเครื่องไทยทานต่าง ๆ มีงานมหรศพสมโภชสามวัน แล้วถวายพระเพลิง สำเร็จการทั้งปวงในเดือนสี่ ปีฉลู เบญจศกนั้น.

ลุศักราช ๑๐๙๖ ปีขาล ฉศก พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัศสั่งท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายว่า วัดปากโมกนั้นการทั้งปวงสำเร็จบริบูรณแล้ว ให้จัดแจงการฉลองแลเครื่องสักการบูชาไว้ให้พร้อมสรรพ ครั้นถึงวิสาขมาศ ศุกรปักษดฤถี พิไชยฤกษ์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็เสด็จทรงเรือพระที่นั่งไกรสรมุขพิมาน อันอลังการด้วยเครื่องอภิรุมรัตนฉัตรชุมสายบังแทรกสลอนสลับ ประดับด้วยเรือศีศะสัตวดั้งกันสรรพอเนกนาวา ท้าวพระยาข้าทูลลอองธุลีพระบาท โดยเสด็จพระราชดำเนินแห่แหน ตามกระบวนพยุหบาตราน่าหลังเปนขนัดแน่น เดียรดาษแดนอรรณพนทีธาร บรรลุพลับพลาไชยณวัดชีปขาว เสด็จขึ้นประทับในที่นั้น แล้วเสด็จทรงพระราชยานดำเนินโดยสถลมารคถึงวัดปากโมก ให้มีงานฉลอง พระสงฆ์สามร้อยรูปสวดพระพุทธมนต์แลรับพระราชทานฉันสามวัน แล้วทรงถวายไทยทาน ให้เล่นการมหรศพต่าง ๆ ถวายพุทธสมโภชครบตติยวาร ณทุ่งนางฟ้าริมพระอารามในวันเปนที่สุดนั้นให้มีช้างบำรูกัน เพลาเย็นเกิดพยุใหญ่พัดโรงร้านแลรทาหักล้มทำลายเปนมหัศจรรย์ ครั้นเสร็จการสมโภชแล้ว ก็เสด็จโดยขบวนนาวาพยู่ห์คืนเข้าพระมหานคร.

ครั้นถึงเดือนเก้า ข้างขึ้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระมลประสงค์จะให้พระราชบุตรธิดาทอดพระเนตรดูล้อมช้างเถื่อน จึง