หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/260

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๒๓

ทั้งสองพระองค์ ออกไปทูลลวงเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ว่า มีพระราชโองการให้นิมนต์เข้าไปในพระราชวังน่าในเพลาราตรี เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์สำคัญว่าจริง ก็เสด็จเข้ามาในพระราชวัง ขึ้นไปบนน่าพระไชย เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์แอบพระทวารคอยอยู่ เอาพระแสงดาบฟันเอาเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์หาเข้าไม่ เพราะมีวิชาการดี ถูกแต่ผ้าจีวรขาด เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ตกพระไทยกลัวพระราชอาชญา วิ่งเข้าไปข้างในไปตำหนักพระราชมารดา เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ก็เสด็จเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ๆ ได้ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัศถามว่า เหตุไฉนผ้าจีวรจึงขาด เจ้าพระถวายพระพรว่า กรมขุนเสนาพิทักษ์หล่อนหยอก ครั้นเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรถวายพระพรลาออกมาแล้ว กรมหลวงอไภยนุชิตจึงเสด็จมาอ้อนวอนว่า ถ้าพ่อมิช่วยก็เห็นจะตาย เจ้าพระจึงตรัศว่า จะช่วยได้ก็แต่กาสาวพัสตรอันเปนธงไชยพระอรหัต กรมหลวงอไภยนุชิตได้พระสติขึ้น จึงเสด็จกลับเข้าไป แล้วพากรมขุนเสนาพิทักษ์ขึ้นซ่อนในพระวอ ทรงพระวอเดียวกันออกทางประตูฉนวนไปวัดโคกแสง ให้บวชเปนภิกขุอยู่ณวัดนั้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระพิโรธเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์เปนอันมาก ดำรัศให้ค้นหาตัวในพระราชวังมิได้พบ ได้แต่พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าชื่น พระองค์เจ้าเกิด ซึ่งร่วมคิดกันนั้น ดำรัศสั่งให้เอาไปสำเร็จโทษเสียด้วยท่อนจันทน์ดับสูญทั้งสองพระองค์.

ในปีเถาะนั้น นักพระแก้วฟ้าผู้ครองกัมพูชาธิบดีให้ทูตถือศุภอักษรเข้ามากราบทูลพระกรุณาว่า กองช้างไปโพนช้างคล้องต้องช้างพังเผือกช้างหนึ่งสูงสามศอกเจ็ดนิ้ว จะส่งเข้ามาทูลเกล้า