หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/271

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๓๔

ลองกับมังระผู้บุตรจึงยกพลพม่าสองหมื่นมาตีเมืองอังวะ รบกันอยู่ประมาณสิบห้าวันได้เมืองอังวะ แลพระยาทละกับตละปั้นแตกหนีกลับไปเมืองหงษาวดี มังลองจึงให้มังระผู้บุตรคุมพลหมื่นหนึ่งอยู่รักษาเมืองอังวะ แล้วกลับไปสร้างเมืองณบ้านมุกโชโป ก่อกำแพงแลปราสาทราชวัง การทั้งปวงห้าเดือนก็สำเร็จ ให้นามว่า เมืองรัตนสิงค แลพม่าทั้งหลายนับถือมังลองว่ามีบุญญาธิการมาก จึงพร้อมกันยกมังลองขึ้นเปนกระษัตริย์ ถวายพระนาม พระเจ้าอลองพราญี เสวยราชสมบัติในภุกามประเทศสืบต่อไป มีไพร่พลมากขึ้นถึงสามหมื่นสี่หมื่น.

ฝ่ายพระยาหงษาวดีจึงปฤกษาด้วยพระยาอุปราชาแลท้าวพระยาสมิงรามัญทั้งปวงว่า มังลองมีกำลังทแกล้วทหารกล้าแขงมาก ตีได้เมืองอังวะแล้ว เห็นจะมีใจกำเริบยกมาตีเมืองเราเปนแท้ จะละไว้ช้ามิได้ ควรเราจะยกทัพใหญ่ไปตีเสียก่อน อย่าให้ทันพม่ามีกำลังมากขึ้น จึงให้กองทัพพลสกรรจ์ลำเครื่องสองหมื่นเศษ ช้างเครื่องสี่ร้อย ม้าหกร้อย สรรพไปด้วยเครื่องสาตราวุธ ให้พระยาอุปราชาเปนแม่ทัพ ตละปั้นเปนทัพน่า กตุกหวุ่นเปนยุกรบัตร ตอถ่อหวุ่นเปนเกียกกาย ตละโบเปนทัพหลัง ยกไปทางบกทัพหนึ่ง ให้พระยาทละเปนแม่ทัพเรือ สมิงพัตบะเปนกองน่า สมิงพัตเบิดเปนยุกรบัตร สมิงอุบะกองเปนเกียกกาย สมิงพะปะเดิดเปนกองหลัง เรือกระจังเลาคาสี่ร้อยลำ พลรบพลกระเชียงสองหมื่นเศษ สรรพไปด้วยเครื่องสาตราวุธยกไปทัพหนึ่ง.