หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/272

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๓๕

ครั้นถึงศุภดฤถีพิไชยฤกษ์ นายทัพนายกองทั้งปวงก็ยกจากเมืองหงษาวดีพร้อมกันทั้งทางบกทางเรือขึ้นไปถึงเมืองอังวะ แล้วก็เข้าตั้งค่ายล้อมเมือง ได้รบกับพลพม่าเปนสามารถ แลยกเข้าปล้นเปนหลายครั้ง จะหักเอาเมืองมิได้.

ฝ่ายมังระราชบุตรก็บอกหนังสือไปถึงพระราชบิดาขอกองทัพมาช่วย พระเจ้าอลองพราญีจึงจัดกองทัพให้สะโดะมหาศิริอุจนาผู้เปนอนุชาถือพลหมื่นหนึ่งเปนแม่ทัพเรือ ให้แมงละแงเปนยุกรบัตร แซงแนงโบเปนเกียกกาย เสนัดหวุ่นเปนกองน่า ยกทัพเรือลงมาช่วยเมืองอังวะทัพหนึ่ง แลทัพบกนั้นให้แมงละราชาเปนแม่ทัพถือพลสองหมื่น ให้แมงละแมงข่องเปนกองน่า ติงจาแมงข่องเปนยุกรบัตร มหานรทาเปนเกียกกาย ฉับกุงโบเปนกองหลัง พร้อมด้วยช้างม้าเครื่องสาตราวุธอิกทัพหนึ่ง แลกองทัพบกทัพเรือยกมาถึงเมืองอังวะ ก็เข้าค่ายกระหนาบล้อมค่ายรามัญเข้าไว้ แล้วยกเข้าตีค่ายรามัญ ได้รบกันเปนสามารถ แลค่ายกองทัพรามัญตั้งอยู่หว่างกลาง ถูกทัพกระหนาบทั้งน่าทั้งหลัง รี้พลต้องสาตราวุธปืนใหญ่น้อยป่วยเจ็บล้มตายเปนอันมาก ทั้งขัดเสบียงจะส่งกันมิได้ อดอยากถอยกำลังลง แลต่อรบกับกองทัพพม่าอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง ก็แตกฉานพ่ายหนีไปในเพลาราตรี แลกองทัพรามัญเลิกถอยจากเมืองอังวะทั้งทางบกทางเรือลงมาพร้อมกันอยู่ณเมืองย่างกุ้ง.

ฝ่ายพระยาพระราม พระยากลางเมือง พระยาน้อยวันดี ซึ่งอยู่ในกลางทัพพระยาทละ ปฤกษากันเห็นว่า พม่ามีกำลังนัก ฝ่ายรามัญจะสู้รบมิได้ คงจะเสียเมืองหงษาวดีแก่พม่าเปนแท้ จึงพาพรรคพวก