หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/296

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๕๙

เชลยทั้งคฤหัสถ์แลสมณฆ่าเสียด้วยน้ำด้วยเพลิงด้วยสาตราวุธต่าง ๆ ตายมากกว่ามาก แลจับตัวพระยาหงษาวดี พระยาอุปราชา พระยาทละ แลพระญาติวงศาท้าวพระยาสมิงรามัญทั้งปวง กับทั้งครอบครัวอพยพชาวเมืองเปนอันมาก ให้กวาดต้อนขึ้นไปก่อน แล้วทัพหลวงจึงเลิกตามขึ้นไปยังเมืองรัตนสิงคต่อภายหลัง แต่ตละปั้นนั้นหนีไปได้ ให้พลทหารไปตามจับไม่ได้ตัว แลสมิงแซงบูได้เปนเจ้ารามัญอยู่ได้เจ็ดปีก็เสียเมืองแก่พม่า.

เมื่อปีจอ ฉศกนั้น อสนีบาตลงในเมืองรัตนสิงคในวันเดียวกันถึงสิบหกแห่ง โหรทำนายว่า พระเจ้าอลองพราญีจะมีเดชานุภาพมากแผ่ไปในนานาประเทศทั้งปวง.

ครั้งนั้น พระเจ้าอลองพราญีก็ได้เปนอิศราธิราชในภุกามประเทศแลรามัญประเทศทั่วทั้งสิ้น แลว่างศึกบำรุงช้างม้ารี้พลอยู่สามปี จึงให้เกณฑ์กองทัพพลสกรรจ์ลำเครื่องสามหมื่นห้าพัน ช้างเครื่องสามร้อยเศษ ม้าห้าร้อย สรรพด้วยเครื่องนานาสรรพาวุธ คิดจะยกมาตีกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา.

ครั้นถึงปีเถาะ เอกศกนั้น พระเจ้าอลองพราญีมังลอง กับมังระราชบุตรที่สอง ก็ยกทัพหลวงทั้งทางบกทางเรือออกจากเมืองรัตนสิงค ให้มังลอกราชบุตรผู้ใหญ่อยู่รักษาเมือง แล้วก็ลงมาพร้อมทัพกันอยู่ณเมืองปรอนในเดือนห้าต้นปี ให้กองน่ายกลงมาตั้งอยู่ณเมืองย่างกุ้ง จัดแจงเสบียงอาหารต่อเรือรบเรือลำเลียงอยู่เจ็ดเดือน ครั้นพร้อมเสร็จแล้ว ถึงณเดือนสิบเอ็จ จึงยกทัพหลวงทั้งทางบกทางเรือล่วงรามัญประเทศมาตีเมืองทวาย ได้เมืองทวายแล้วก็ตั้งทัพอยู่ที่นั้น.