หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/298

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๖๑

ฝ่ายทัพน่าพม่าข้าศึกก็ยกมาตีเมืองมฤต เมืองตนาวศรี เจ้าเมืองกรมการสู้รบต้านทานมิได้ ก็แตกฉานพ่ายหนีพาครอบครัวอพยพเข้าป่า พม่าก็ได้เมืองมฤต เมืองตนาวศรี ทั้งสองเมืองโดยสดวก แล้วบอกไปถึงทัพหลวงณเมืองทวาย พระเจ้าอลองพราญีก็ยกทัพใหญ่มาตั้งอยู่ณเมืองตนาวศรี จึงให้มังระราชบุตร กับแมงละราชา แมงละแมงข่อง ถือพลสองหมื่นเปนกองน่ายกล่วงมาก่อน ทัพหลวงพลหมื่นห้าพันจึงยกตามมาภายหลัง แลกองทัพน่าพม่ามาถึงทัพพระยมราชซึ่งตั้งค่ายรับอยู่ณแก่งตุ่ม ก็ยกเข้าตี ทัพไทยน้อยตัว ต้านทานมิได้ ก็แตกฉานในเพลาเดียว แลพระยารัตนาธิเบศได้แจ้งว่า ทัพพระยมราชแตกพ่ายมา จึงเกณฑ์พลห้าร้อยเข้าบรรจบกองขุนรองปลัดชู แล้วให้ยกไปรับทัพพม่า ไปตั้งอยู่ตำบลหว้าขาวริมชายชเล.

ฝ่ายทัพน่าพม่ายกมาถึงที่นั้น พอเพลาเช้าตรู่ ขุนรองปลัดชูก็แต่งตัวกับทั้งพลทหารทั้งนั้น ก็กรูกันออกโจมตีทัพน่า รบกันด้วยอาวุธสั้นถึงตลุมบอนฟันแทงพม่าล้มตายเปนอันมาก แลตัวขุนรองปลัดชูนั้นถือดาบสองมือวิ่งเข้าในท่ามกลางศึก ฟันพม่าตายล้มลงไปก่ายกันดังขอนไม้ แต่รบกันอยู่แต่เช้าจนเพลาเที่ยง พลพม่ามากกว่าเปนหลายเท่าไม่ท้อถอย เยียดยัดหนุนเนื่องกันเข้ามาต่อรบ จนขุนรองปลัดชูเหนื่อยอ่อนสิ้นกำลังลง พม่าจับเปนไปได้ แล้วให้พลทัพช้างขับช้างเข้าย่ำเหยียบพลทหารไทยล้มตายเปนอันมาก ไล่กันลงไปในชเล จมน้ำตายบ้าง ปลากินเสียบ้าง ที่รอดหนีกลับได้นั้นน้อย มาแจ้งความแก่พระยารัตนาธิเบศ ๆ ก็ตกใจกลัวไม่อยู่สู้รบ เร่งเลิกทัพหนีมากับทั้งทัพ