หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/300

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๖๓

นางข้างในเปนหลายคน ครั้นรับเปนสัจแล้ว ให้ลงพระราชอาชญาเฆี่ยนคนทั้งสองคนละห้าสิบทีแล้วจำคงไว้ อยู่สามวัน พระยาราชมนตรีปิ่นถึงแก่กรรม ให้เอาศพไปเสียบประจานไว้ณประตูไชย.

ฝ่ายกองทัพน่าพม่ายกจากเมืองสุพรรณบุรีเดินทัพมาตามท้องทุ่ง พบกองทัพไทยมาตั้งค่าย ก็จับพลทหารข้ามน้ำแยกกันออกเปนหลายกองเข้าตีทัพไทยทุก ๆ ค่าย ได้รับกันเปนสามารถ พลทัพไทยฝีมือ่อน สู้พม่ามิได้ ก็แตกฉานทิ้งค่ายเสียทุก ๆ ค่าย พ่ายหนีกระจัดพลัดพรายไม่เปนหมวดกอง แลเจ้าพระยามหาเสนาแม่ทัพนั้นขึ้นช้างหนีมาถึงทุ่งวัดนนทรี ทัพม้าพม่าควบไล่ติดตามมาทัน พุ่งด้วยหอกซัดถูกตายตกจากหลักช้าง แลพระยมราชก็ต้องหอกซัดเปนหลายแห่ง หนีมาได้ถึงพระนคร อยู่ประมาณเก้าสิบสิบวันก็ถึงแก่กรรม แลพระยารัตนาธิเบศนั้นขึ้นม้าหนีมารอดถึงพระนคร ขึ้นเฝ้ากราบทูลกล่าวโทษพระยาราชวังสรรค์ว่าเปนขบถ ให้ยิงปืนแย้งเอาค่ายข้าพระพุทธเจ้า จึงแตกฉานเสียที ครั้นพ่ายหนีข้าศึกมาแล้วก็หามาเฝ้าไม่ เปนพรรคพวกพระราชมนตรีปิ่น จึงดำรัศให้ตำรวจไปปสืบหาจับตัวมาได้ ให้ลงพระราชอาชญาเฆี่ยนห้าสิบแล้วจำไว้ อยู่เจ็ดแปดวันก็ถึงแก่กรรม ให้เอาศพไปเสียบประจานไว้ณประตูไชยตามโทษ.

ฝ่ายพระเจ้าอลองพราญีมังลองก็ดำเนินทัพหลวงเข้ามาตั้งค่ายใหญ่ณทุ่งบางกุ่ม บ้านกระเดื่อง ทัพน่ามาตั้งค่ายใหญ่ตำบลโพธิ์สามต้น

จึงหลวงอไภยพิพัฒจีนกราบทูลอาสาออกรบ จัดพวกจีนนายก่ายได้สองพันยกออกไปจากเมือง ข้ามคลองช้างไปจะไปตั้งค่าย จึง