หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/307

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๗๐

ได้ปืนใหญ่กระสุนสามนิ้วสี่นิ้วสี่สิบกระบอกฝังไว้ณค่าย ให้ขนเข้ามาในพระนคร แลสมเด็จพระราชอนุชาเสด็จขึ้นเฝ้าพระเชษฐาอยู่เนือง ๆ ดำรัศให้พระองค์เจ้าแมงเม่าซึ่งทรงผนวชเปนชีอยู่นั้นลาผนวชออก นำมาถวายเปนพระอรรคมเหษีพระเชษฐาธิราช

อยู่มาวันหนึ่ง เพลากลางคืน มีพระราชโองการให้หาพระอนุชาธิราชเข้าไปเฝ้าถึงที่ข้างใน ครั้นเสด็จเข้าไป ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าพี่ถอดพระแสงดาบพาดพระเพลาอยู่ ก็เข้าพระไทยว่า ทรงรังเกียจ จะทำร้าย มิให้อยู่ในฆราวาส จึงเสด็จกลับออกมาณที่ข้างน่า ครั้นถึงณเดือนแปด ข้างขึ้น จึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งออกไปณวัดโพธิ์ทองคำหยาด ทรงพระผนวช แล้วเสด็จกลับเข้ามาอยู่ณวัดประดู่ดังแต่ก่อน

ในปีมโรง โทศกนั้น มีพระราชดำรัศสั่งกรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศให้เปนแม่การรื้อเครื่องบนพระที่นั่งสุริยามรินทรซึ่งพม่ายิงชำรุดนั้นลงทำใหม่ แลการปราสาทนั้นสิบเดือนจึงสำเร็จ

อนึ่ง แต่ครั้งเมื่อมังลองยกมาตีเมืองหงษาวดีได้นั้น รามัญเมืองเมาะตมะพาครอบครัวอพยพประมาณพันเศษหนีเข้ามาอยู่ณเมืองทวาย เมืองทวายบอกเข้ามาแต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระกรุณาโปรดให้ข้าหลวงออกไปรับเข้ามาณกรุงเทพมหานคร ครั้นถึงณเดือนอ้ายในปีมโรง โทศกนั้น พวกรามัญพากันหนีไปทางตระวันออก ไปประชุมกันอยู่ณเขานางบวช คิดขบถขึ้น ยกเข้าตีเมืองนครนายก กรมการบอกหนังสือเข้ามาศมุหนายกกราบบังคมทูล จึงดำรัศให้พระยาสีหราชเดโชเปนแม่ทัพถือพลสองพันยกออกไปจับมอญขบถ ได้รับกัน ฝ่ายรามัญไม่มีอาวุธ เสี้ยมแต่ไม้สแกถือต่าง