หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/312

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๗๕

เมื่อมีการสงครามมา จะเอาไม้ขึ้นตั้งขาหยั่งบนเชิงเทิน แล้วจะเอารอกติดเอาปืนกระสุนสามนิ้วสี่นิ้วชักขึ้นไปให้สูง แล้วจะล่ามชนวนยิงให้ออกไปได้ไกล อย่าให้ข้าศึกเข้ามาใกล้ได้

ในปีวอก ฉศกนั้น ฝ่ายภุกามประเทศ พระเจ้าอังวะมังระให้เกณฑ์กองทัพพลสกรรจ์ลำเครื่องสองหมื่นห้าพันสรรพด้วยช้างม้าเครื่องสรรพสาตราวุธให้พร้อมไว้ คิดจะยกมาตีพระนครศรีอยุทธยาอิก พอมีหนังสือเมืองเมาะตมะบอกขึ้นไปว่า ชาวเมืองทวายคิดขบถฆ่าเจ้าเมืองกรมการแลไพร่พลซึ่งลงไปรักษาเมืองอยู่นั้นเสียสิ้น พระเจ้าอังวะจึงให้จัดทัพเปนสองทัพ ให้มังมหานรทาเปนโบชุกแม่ทัพใหญ่ เมฆราโบเปนทัพน่า ติงจาแมงข่องเปนยุกรบัตร เสนัดหวุ่นเปนเกียกกาย ปกันหวุ่นเปนทัพหลัง ถือพลหมื่นห้าพัน ให้ยกมาทางใต้ทัพหนึ่งไปตีเมืองทวาย ได้แล้วจึงให้ยกเข้าไปตีกรุงเทพมหานคร อิกทัพหนึ่งนั้นให้เนเมียวมหาเสนาบดีเปนแม่ทัพ ฉับกุงโบเปนทัพน่า แนกวนจอโบเปนยุกรบัตร เมี้ยนหวุ่นเปนเกียกกาย อุตมสิงหจอจัว เจ้าเมืองปรอน เปนทัพหลัง ถือพลหมื่น ให้ยกมาทางเหนือทัพหนึ่ง ให้บรรจบกับมังมหานรทา แม่ทัพใหญ่ ไปตีกรุงเทพมหานครทั้งสองทัพ

ครั้นถึงวันได้ศุภฤกษ์ จึงนายทัพนายกองทั้งสองทัพก็ทูลลาพระเจ้าอังวะ แล้วยกกองทัพแยกกันมาทั้งสองทาง

ฝ่ายมังมหานรทา แม่ทัพใหญ่ ซึ่งยกมาทางใต้นั้น จึงให้เมฆราโบ ๑ ติงจาแมงข่อง ๑ เสนัดหวุ่น ๑ คุมพลห้าพันยกล่วงมาตีเมืองทวายก่อน แต่ตัวมังมหานรทากับปกันหวุ่นซึ่งถือพลหมื่นหนึ่งนั้น