หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/318

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๘๑

ค่ายพม่าณวัดเขมา ก็ให้จุดปืนรายแคมพร้อมกันทั้งสองค่ายยิงค่ายพม่าทั้งสองฟาก พม่าต้องปืนล้มตายป่วยลำบากแตกหนีออกหลังค่าย ครั้นเพลาเช้า น้ำขึ้น สลุบช่วงก็ถอยขึ้นมาหากำปั่นใหญ่ซึ่งทอดอยู่เหนือเมืองนนท์

ฝ่ายทัพพม่าก็ยกเข้าค่ายเมืองนนท์ ครั้นเวลาค่ำ ให้ชักสลุบช่วงล่องลงไปอิก จุดปืนรายแคมยิงค่ายเมืองนนท์ พม่าหนีออกไปซุ่มอยู่ข้างหลังค่าย อังกฤษแลไทยลงสำปั้นขึ้นไปเก็บของในค่าย พม่ากลับกรูกันเข้ามาข้างหลังค่าย ไล่ฟันแทงไทยแลอังกฤษแตกหนีออกจากค่ายลงสำปั้น แลตัดศีศะล้าต้าอังกฤษได้คนหนึ่งเอาขึ้นเสียบประจานไว้น่าค่าย นายกำปั่นจึงบอกแก่ล่ามว่า ปืนในกำปั่นกระสุนย่อมกว่าปืนพม่า เสียเปรียบข้าศึก จะขอปืนใหญ่กระสุนสิบนิ้วสิบกระบอก แล้วจะขอเรือรบพลทหารสิบลำ จะลงไปรบพม่าอิก ล่ามกราบเรียนแก่เจ้าพระยาพระคลัง ๆ กราบบังคมทูล จึงโปรดให้เอาปืนใหญ่สิบกระบอกลงบรรทุกเรือใหญ่ขึ้นไปกำปั่น แต่เรือสิบลำนั้นยังหาทันจัดแจงให้ไปไม่ ครั้นเพลาบ่าย อังกฤษล่องกำปั่นแลสลุบช่วงลงไปจนพ้นเมืองธนบุรีแล้วจึงทอดสมออยู่

ขณะนั้น ไทยในกรุงเทพมหานครลอบลงเรือน้อยลงมาเก็บผลไม้หมากพลูณสวน อังกฤษจับขึ้นไว้บนกำปั่นมากกว่าร้อยคน แล้วก็ใช้ใบหนีไปออกท้องทเล ครั้นเพลาค่ำ ไทยหนีขึ้นมาถึงพระนครได้สองคน จึงรู้เนื้อความว่า กำปั่นอังกฤษมิได้อยู่รบพม่า หนีไปแล้ว ได้แต่มัดผ้าซึ่งขึ้นไว้สี่สิบมัด