หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/327

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๙๐

จึงปฤกษาลงเห็นพร้อมกันมิได้ให้ ว่า ถ้าพม่าตีค่ายบ้านระจันแตกแล้ว ก็จะได้ปืนใหญ่แลกระสุนดินดำเปนกำลังเข้ามารบพระนคร เหมือนหนึ่งให้กำลังแก่ข้าศึก แต่พระยารัตนาธิเบศนั้นหาลงเห็นด้วยไม่ จึงออกไปณค่ายบ้านระจัน คิดอ่านเรี่ยไรทองชาวบ้านซึ่งอยู่ในค่ายมาหล่อปืนใหญ่ขึ้นได้สองกระบอก ก็บกพร่องร้าวรานไปหาบริบูรณ์ไม่ เห็นจะคิดการสงครามไม่สำเร็จ ก็กลับเข้าพระนคร ฝ่ายชาวบ้านระจันหาที่พึ่งมิได้ ไม่มีใครช่วยอุดหนุน ก็เสียใจย่อหย่อนอ่อนฝีมือลง เห็นจะสู้รบต้านทานพม่าไม่ได้ แต่ตั้งต่อรบพม่ามาแต่เดือนสี่ปลายปีรกา สัปดศก จนถึงเดือนแปด ปีจอ อัฐศก ได้ห้าเดือน เห็นเหลือกำลังที่จะขับเคี่ยวทำสงครามกับพม่าสืบไปอิก ต่างคนก็พาครอบครัวหนีไปจากค่าย ที่ยังอยู่นั้นน้อย ผู้คนก็เบาบางลง

ครั้นถึงณวัน ค่ำ ปีจอ อัฐศก พม่าก็ยกเข้าตีค่ายใหญ่บ้านระจันแตก ฆ่าคนเสียเปนอันมาก ที่จับเปนไปได้นั้นก็มาก บรรดาครอบครัวชายหญิงเด็กแลผู้ใหญ่ซึ่งเหลือตายอยู่นั้นให้กวาดเอาไปสิ้น แล้วก็เลิกทัพกลับไปยังค่ายพม่า ตั้งแต่รบกันมาห้าเดือนจนเสียค่ายนั้น ไทยตายประมาณพันเศษ พม่าตายประมาณสามพันเศษ แลพระอาจารย์ธรรมโชตินั้นกระทำสายสิญจน์มงคลประเจียดกระตรุดต่าง ๆ แจกให้คนทั้งปวง แต่แรกนั้นมีคุณอยู่คงแคล้วคลาดคุ้มอันตรายอาวุธได้ขลังอยู่ ภายหลังผู้คนมาอยู่ในค่ายมากสำส่อน ที่นับถือแท้บ้างไม่แท้บ้าง ก็เสื่อมตบเดชะลง ที่อยู่คงบ้างที่ต้องอาวุธบาดเจ็บล้มตายบ้าง แลตัวพระอาจารย์นั้นที่ว่าตายอยู่ในค่ายก็มี ที่ว่าหายสูญไปก็มี ความหาลงเปนแน่ไม่