หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/330

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๙๓

มารดาเปนลาว ซึ่งจะเปนใหญ่กว่าเราทั้งหลายอันเปนสกุลพม่านั้นไม่ควร แลติงจาแมงข่องปลัดค่ายสีกุกนั้นเล่าก็มิใช่ชาติพม่าแท้ ฝ่ายบิดาเปนพม่า มารดาเปนรามัญ ไม่ควรจะเปนใหญ่กว่าเราอันเปนชาติสกุลพม่าทั้งปวง เห็นแต่ปกันหวุ่นนายค่ายบางไทรนั้นเปนเชื้อชาติพม่าแท้ทั้งฝ่ายบิดาแลมารดา สมควรที่จะเปนใหญ่บังคับบัญชาเราทั้งปวงได้ จึงพร้อมกันตั้งปกันหวุ่นเปนโบชุกแม่ทัพใหญ่บังคับสิทธิ์ขาดในการสงครามทั้งสิ้น

ฝ่ายเนเมียวมหาเสนาบดีจึงว่าแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงรัตนบุรอังวะโปรดให้เราเปนแม่ทัพยกมาทางเหนือ ให้ตีเอาพระนครศรีอยทุธยาให้จงได้ ถึงว่ามังมหานรทาโบกชุกแม่ทัพใหญ่หาชีวิตรไม่แล้วก็ดี ตัวเรายังมีชีวิตรอยู่ คงจะทำสงครามเอาแผ่นดินเมืองไทยถวายพระเจ้าอังวะให้สำเร็จพระราชประสงค์ได้ ท่านทั้งหลายผู้ใดย่อท้อต่อการสงครามไม่เปนใจในราชการศึกด้วยเรา เราก็จะประหารชีวิตรผู้นั้นเสีย นายทัพนายกองทั้งปวงแลปกันหวุ่นซึ่งตั้งเปนโบชุกขึ้นใหม่นั้นก็เกรงกลัวอำนาจเนเมียวทั้งสิ้นด้วยกัน แลเนเมียวจะกะเกณฑ์เอารี้พลเท่าใดก็ต้องให้ไปทุกทัพทุกค่าย แลจะเกณฑ์ให้นายทัพนายกองผู้ใดยกไปทำการศึกที่ใดก็ต้องไปทำตามบังคับบัญชา ไม่มีใครอาจขัดขวาง เนเมียวจึงยกพลทหารเข้ามาตั้งค่ายใหญ่ตำบลโพธิ์สามต้น ให้รื้อเอาอิฐโบสถ์พิหารวัดมาก่อกำแพงล้อมเปนค่าย แล้วเกณฑ์ให้นายทัพทั้งปวงยกเข้ามาตั้งค่ายอยู่ณวัดภูเขาทองแลบ้านป้อมวัดการ้อง ให้ปลูกหอรบแลก่อป้อมขึ้นให้สูง เอาปืนใหญ่น้อยขึ้นยิงเข้ามาในพระนคร