หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/333

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๙๖

ครั้นถึงณวัด ค่ำ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๑๒๘ ปี เพลาดึกเที่ยงคืน เกิดเพลิงขึ้นในพระนครไหม้ตั้งแต่ท่าทรายติดลามมาถึงสพานช้างคลองเข้าเปลือก แล้วข้ามมาติดป่ามะพร้าว แลป่าโทน ป่าถ่าน ป่าทอง ป่ายา วัดราชบุรณ วัดพระศรีมหาธาตุ เพลิงไปหยุดอยู่เพียงวัดฉัททันต์ติดกุฎีวิหาร แลบ้านเรือนที่เพลิงไหม้ครั้งนั้นมากกว่าหมื่นหลัง ในเมื่อเพลากลางวัน ๆ นั้น ฝ่ายพระยากำแพงเพ็ชรซึ่งตั้งค่ายอยู่ณวัดพิไชยจึงชุมนุมพรรคพวกพลทหารไทยจีนประมาณพันหนึ่งสรรพด้วยเครื่องสรรพาวุธ กับทั้งนายทหารผู้ใหญ่ คือ พระเชียงเงิน หนึ่ง หลวงพรหมเสนา หนึ่ง หลวงพิไชยอาสา หนึ่ง หลวงราชเสน่หา หนึ่ง ขุนอไภยภักดี หนึ่ง เปนห้านาย กับขุนหมื่นผู้น้อยอิกหลายคน จัดแจงกันคิดจะยกทัพหนีไปทางตระวันออก แต่หลวงศรเสนีนั้นหาไปด้วยไม่ พาพรรคพวกหนีไปอื่น พอฝนห่าใหญ่ตกเปนไชยมงคลฤกษ์ พระยากำแพงเพ็ชรก็ยกกองทัพออกจากค่ายวัดพิไชย เดินทัพไปทางบ้านหารตรา พอเพลาพลค่ำ ฝ่ายกองทัพพม่ารู้ก็ยกติดตามมาทัน ได้ต่อรบกันเปนสามารถ ทัพพม่าต้านทานมิได้ก็ถอยกลับไป จึงเดินทัพไปทางบ้านเข้าเม่าถึงบ้านสัมบัณฑิต เพลาเที่ยงคืนวันนั้น ประมาณสองยามเศษ จึงแลมาเห็นแสงเพลิงไหม้ในกรุง ก็ให้หยุดทัพอยู่ที่นั้น รุ่งขึ้นวัน ค่ำ จึงเดินทัพไปถึงบ้านโพสังหาร ฝ่ายพม่ายกกองทัพติดตามไปอิก จึงให้หยุดทัพตระเตรียมจะคอยรับกองทัพพม่า พม่ายกไปทัน ได้ต่อรบกันเปนสามารถ ทัพพม่าแตกพ่ายไป เก็บได้เครื่องสาตราวุธเปนอันมาก จึงเดินทัพไปหยุดแรมอยู่ณบ้านพรานนก พอเพลาเย็น พวกทแกล้วทหารออกไปเที่ยวลาดหาอาหาร พบกองทัพพม่ากลับยกติดตามมาอิก