หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/338

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๓๐๑

เจ้าอังวะผู้เปนอิศราธิปไตยในภุกามประเทศทิศอัสดงจึงส่งพยุหโยธาทัพมากระทำวิหิงสาการแก่พระนครศรีอยุทธยาฝ่ายปราจีนทิศประเทศเขตสยามให้ได้ความร้อนอกสมณพราหมณาประชาราษฎรทั้งปวงดังนี้ ให้ล่ามแจ้งความแก่เนเมียวมหาเสนาบดี ๆ จึงตอบความตามโวหารพาลอาสัจอธรรมกล่าวว่า แต่ก่อน พระนครศรีอยุทธยาเคยถวายสุวรรณหิรัญบุบผาบรรณาการแก่กรุงหงษาวดีมาทาบเท่าถึงกรุงอังวะได้เปนใหญ่ บัดนี้ กรุงไทยตั้งแขงเมืองมิได้ไปอ่อนน้อมยอมออกแก่กรุงอังวะ ละขนบธรรมเนียมบูรพประเพณีเสีย พระเจ้ากรุงอังวะให้ยกกองทัพมาตีเอาเปนเมืองออกเหมือนอย่างแต่ก่อน ล่ามบอกความตามถ้อยคำพม่าแก่เสนาบดีไทย ๆ ก็จดหมายเอาคำพม่ากลับเข้ามากราบทูลพระกรุณาให้ทราบ พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงดำรัศว่า อ้ายพม่าเจรจาโกหกเอาเปล่า ๆ ความหาจริงไม่

ฝ่ายเนเมียวแม่ทัพจึงให้ฉับกุงโบคุมพลห้าร้อยยกมาตีค่ายทัพไทยซึ่งตั้งอยู่ณวัดไชยวัฒนาราม รบกันอยู่ถึงแปดวันเก้าวันก็หักเอาค่ายได้ ทัพไทยแตกพ่ายหนีกลับเข้ากรุงฯ แล้วให้อุตมสิงหจอจัวเจ้าเมืองปรอนคุมพลห้าร้อยยกมาตีค่ายทัพจีนซึ่งตั้งอยู่ณคลองสวนพลู รบกันอยู่ได้กึ่งเดือนก็หักเอาค่ายได้ แลค่ายไทยซึ่งออกมาตั้งรบอยู่นอกพระนครนั้นก็เสียแก่พม่าในเดือนสาม ปีจอ อัฐศกนั้นทั้งสิ้น แม่ทัพจึงให้นายทัพนายกองค่ายวัดสามพิหาร วัดพระเจดีย์แดง วัดมรฎป เกณฑ์พลทหารยกเข้ามาทำสพานเรือกข้ามแม่น้ำที่หัวรอริมป้อมมหาไชย เอากระดานไม้ตาลตั้งเปนค่ายวิหลั่นบังสพานทั้งสองข้างกันปืนชาวพระนคร แล้วยกพลข้ามสพานเรือกมาฟากข้างกำแพงเมือง ให้