หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๒ (๒๔๕๕) b.pdf/42

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

อาทิ สำหรับพระสาสนาเสร็จบริบูรณ์ แล้วให้นามชื่อ วัดชุมพลนิกายาราม ในเดือนยี่ปลายปีนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปโสกันต์พระเจ้าลูกเธอพระองค์อินทร์ณเกาะบ้านเลน โสกันต์แล้วพระราชทานพระนามชื่อ เจ้าฟ้าไชย ๆ นั้นประสูตรนอกราชสมบัติ ต่างพระชนนีกับพระนารายน์ราชกุมาร.

ลุศักราช ๙๙๕ ปีรกา เบญจก ทรงพระกรุณาให้สถาปนาพระปรางวัดมหาธาตุอันทำลายลงเก่า เดิมในองค์สูง ๑๙ วา ยอดนพศูล ๓ วา จึงดำรัศว่า ทรงเก่าล่ำนัก ก่อใหม่ให้องค์สูงเส้น ๒ วา ยอดนพศูลคงไว้ เข้ากันเปนเส้น ๕ วา ก่อแล้วเห็นเพรียวอยู่ ให้เอาไม้มะค่ามาแทรกตามอิฐเอาปูนบวก ๙ เดือนสำเร็จ ให้กระทำการฉลองเปนอันมาก ในปีนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตรด้วยพระสนมอิกสามพระองค์ ทรงพระนาม พระไตรภูวนาทิตยวงษ์ องค์หนึ่ง พระองค์ทอง องค์หนึ่ง พระอินทราชา องค์หนึ่ง เมื่ออาสาฬหมาศเข้าพระวัสสา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยสนมราชกัญญาออกไปนมัสการจุดเทียนพระวัสสาถวายพระพุทธปฏิมากรณวัดพระศรีสรรเพชญ์ เสด็จประพาศมาน่าพระวิหารใหญ่ ทอดพระเนตรเห็นพระอาทิตยวงษ์ ราชบุตรพระเจ้าทรงธรรมซึ่งยกออกเสียจากราชสมบัตินั้น ขึ้นนั่งห้อยเท้าอยู่บนหลังกำแพงแก้ว ชี้พระหัดถ์ตรัศว่า อาทิตยวงษ์องอาจมิได้ลงจากกำแพงแก้ว ให้ต่ำลดพระอาทิตยวงษ์ลงจากยศ ให้ไปปลูกเรือนเสาไม้ไผ่สองห้องสองหลังริมวัดท่าทรายให้อาทิตยวงษ์อยู่ ให้คนอยู่ด้วยสองคนแต่พอตักน้ำหุงเข้า สั่งแล้วเสด็จเข้าพระราชวัง.